นี่คือแมทช์ที่บอกคุณ ๆ ทุกคนว่า....ฟุตบอลอังกฤษกลับมาแล้ว!!!

หลังจากพักไป 3 เดือน “พรีเมียร์ลีก อังกฤษ” คัมแบ๊กมาเยือนอีกครั้ง กับระยะเวลาจากนี้ไปอีก 9 เดือนเต็ม ๆ ให้ได้ลุ้นแชมป์กัน

“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล จะลงสนามในฐานะ “แชมเปี้ยนบอลลีก” จะปะทะแข้งกับ “อินทรีผงาด” คริสตัล พาเลซ เจ้าของแชมป์น็อกเอาท์เอฟเอ คัพ 

10 ปีหลังสุดทีมที่ได้แชมป์จากการชิงโล่ ได้แชมป์ลีกแค่ครั้งเดียวเท่านั้น แต่นี่แหล่ะคือการเอาฤกษ์เอาชัย....ใครที่ไหนจะอยากแพ้!!!!!

๐ ปฐมบทกับรายการชิงโล่

ลูกหนังรายการ “คอมมิวนิตี้ ชิลด์” ถือกำเนิดครั้งแรกในชื่อ “เชอริฟฟ์ ออฟ ลอนดอน แชริตี้ ชิลด์” หรือ The Sheriff of London Charity Shield

ผู้คิดค้นรายการนี้คือ “เศรษฐีเครื่องดื่ม” เซอร์โธมัส เดวาร์ ชาวสก็อตแลนด์ ซึ่ง เซอร์โธมัส เดวาร์ กับ จอห์น เดวาร์ พี่ชายของเขาเป็นเจ้าของสุรายี่ห้อ “เดวาร์” ที่โด่งดังไปทั่วโลก โดยสืบทอดกิจการต่อจากพ่อ

“บอลการกุศล” ที่ เซอร์โธมัส จัดขึ้นมานี้นำทีมอาชีพ เตะกับทีมสมัครเล่น เพื่อหาเงินช่วยเหลือผู้ป่วยในโรงพยาบาลผู้ยากไร้ และมูลนิธิต่างๆ

พร้อมกับเป็นการชิงโล่ที่มีความสูงถึง 6 ฟุต นับว่าสูงสุดของโทรฟี่ฟุตบอลที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลจนถึงบัดเดี๋ยวนี้

การแข่งขันนัดแรกเกิดขึ้นเมื่อ 19 มีนาคม 1898 ระหว่าง เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด กับ คอรินเธียนส์ ผลคือเสมอกันแบบบัวน้ำไม่ช้ำไม่ขุ่น 0-0

เตะใหม่ก็ยังเสมอกันอีก 1-1 ทำให้ได้แชมป์ร่วม และจัดต่อเนื่องมา 10 ปีจนถึงปี 1907 กระทั่ง สมาคมฟุตบอลอังกฤษ หรือเอฟเอ เกิดปิ๊งไอเดีย

เข้ามารับไม้ต่อในปี 1908

นับเฉพาะรายการ The Sheriff of LondonCharity Shield ถูกปัดฝุ่นขึ้นมาอีกทีในปี 1931 ใช้ชื่อว่า "Fundraising matches"

ตามคำแนะนำของ ชาร์ลส์ เวฟอร์ด-บราวน์ ซึ่งเป็นสมาชิกของคณะกรรมการขอชิลด์ชุดเดิม เพื่อระดมทุนสำหรับ National Playing Fields Association หรือ Fields in Trust ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลของอังกฤษ ก่อตั้งขึ้นในปี 1925(พ.ศ. 2468)

องค์กรจัดตั้งขึ้นโดย นายพลจัตวา เรจินัลด์ เคนติช และ ดยุค ออฟ ยอร์ค ซึ่งต่อมาคือ พระเจ้าจอร์จ ที่ 6 ซึ่งเป็นประธานคนแรกเพื่อนำเงินมาปกป้องสวนสาธารณะ และพื้นที่สีเขียว รวมถึงการส่งเสริมการหาพื้นที่ที่สามารถเข้าถึงได้สำหรับการเล่นกีฬา และนันทนาการในเมืองต่างๆ ของอังกฤษ

การดวลแข้งจัดขึ้นอีกรวม 7 แมทช์ สลับทีมมาเตะคือ อาร์เซน่อล, สเปอร์ส และวัตฟอร์ด แต่ทีมที่ได้เล่นตลอดคือ คอรินเธียนส์ ครั้งสุดท้ายจัดขึ้นปี 1983 วัตฟอร์ด ชนะ คอรินเธียนส์ 6-1

นั่นหมายความว่า โล่รางวัล The Sheriff of London Charity Shield ปัจจุบันยังอยู่ที่พิพิธภัณฑ์สโมสรวัตฟอร์ด

๐ ยุคใหม่แห่งการชิงโล่

เมื่อ เอฟเอ เข้ามาบริหารจัดการเมื่อปี 1908 มีการยกระดับรายการนี้ ด้วยการนำแชมป์ลีกดิวิชั่น 1 มาเจอกับ แชมป์ลีกทางตอนใต้(The Champions of The Football League and the Southern Football League) เล่นที่สแตมฟอร์ดบริดจ์

ใช้ชื่อว่า “แชริตี้ ชิลด์”

แมทช์แรกเป็นการโคจรมาเจอกันระหว่าง "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แชมป์ลีกดิวิชั่น 1 กับ "ทหารเสือราชินี" ควีนส์พาร์ค เรนเจอร์ส แชมป์ลีกทางตอนใต้ ผลเสมอ 1-1 ทำให้มาเตะกันใหม่ ปรากฏว่า แมนยูฯ ชนะ 4-0 ซึ่งเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่รายการมีเตะรีเพลย์

จากนั้นการเตะก็ต่อเนื่องมาและมีไทม์ไลน์ที่น่าสนใจอยู่มากมาย

ปี 1910 บันทึกไว้ว่า ไบรท์ตัน ที่เอาชนะ แอสตัน วิลล่า 1-0 ทำให้ “นกนางนวล” เป็นทีมเดียวจาก “แชมป์ลีกตอนใต้”ที่ครองแชมป์รายการนี้

ปี 1913 แชริตี้ ชิลด์ ปรับโฉมด้วยการแข่งขันกันระหว่าง ทีมรวมดารานักเตะอาชีพ กับ ทีมรวมดารานักเตะสมัครเล่น ซึ่งทีมอาชีพ ชนะ 7-2 เล่นที่สนามเดอะ เดน ของมิลล์วอลล์

ปี 1921 เป็นปฐมบทที่นำทีมแชมป์ลีก เจอกับแชมป์เอฟเอ คัพ เฉกเช่นในปัจจุบัน ปรากฏว่า ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ชนะ เบิร์นลี่ย์ 2-0 ในการเตะที่ไวท์ ฮาร์ท เลน

ปี 1949 เป็นครั้งแรกที่มี “แชมป์ร่วม” เกิดขึ้น เมื่อ พอร์ทสมัธ เสมอกับ วูล์ฟแฮมป์ตัน 1-1 เตะที่ไฮบิวรี่พร้อมกับจัดกรอบกติกา หากเสมอกันจะให้ครองแชมป์ร่วมกัน 

เป็นกฎกติกาตั้งแต่ปี 1949 มาจนถึงปี 1993 จากนั้นหากเสมอกันให้ดวลจุดโทษตัดสิน

ปี 1950 ครั้งเดียวที่คู่แข่งขันทั้ง 2 ทีม ไม่เกี่ยวกับระดับสโมสรเลย เตะที่เดอะ บริดจ์ ของเชลซี ระหว่าง ทีมฟุตบอลโลก 1950 ของอังกฤษ(England World Cup XI) พบกับ ทีมสมาคมฟุตบอล ชุดเตะทัวร์แคนาดา (F.A. Canadian Touring Team)

ทีมชาติมีตัวเจ๋ง ๆ อย่าง บิลลี่ ไรท์, อัล์ฟ แรมซี่ย์, ทอม ฟินนี่ย์ และสแตน มอร์เตนเซ่น ก่อนชนะ ทีมทัวร์เที่ยวแคนาเดี้ยน 4-2 ที่มี เซอร์สแตนลี่ย์ แมทธิว กับ แนต ลอฟเฮาส์ เป็นตัวหลัก

ปี 1961 ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เป็นทีมแรกที่ได้ดับเบิ้ลแชมป์ ทำให้ทีมที่ต้องมาเตะด้วย ก็คือ ทีมรวมดาราสมาคมฟุตบอลอังกฤษ หรือ เอฟเอ

ปี 1971 อาร์เซน่อล เป็นทีมที่ 2 ที่คว้าดับเบิ้ลแชมป์ แต่ลงเตะไม่ได้เพราะติดนัดอุ่นเครื่องเฉย!!!! 

ทำให้ เลสเตอร์ ซิตี้ แชมป์ดิวิชั่น 2 ส้มหล่นได้สิทธิ์ลงเล่นในถิ่นตัวเองคือ ฟิลเบิร์ต สตรีท และชนะ ลิเวอร์พูล รองแชมป์ เอฟเอ คัพ 1-0

ส่งผลให้ เลสเตอร์ ซิตี้ จึงเป็นทีมเดียวที่ได้แชมป์รายการนี้ โดยที่ไม่ได้ผ่านการเป็นแชมป์ลีกดิวิชั่น 1, แชมป์ลีกทางตอนใต้ และแชมป์เอฟเอ คัพ

ปี 1972 “ไอ้หัวแกะ” ดาร์บี้ เคาน์ตี้ แชมป์ลีก กับ“ยูงทอง” ลีดส์ ยูไนเต็ด แชมป์ เอฟเอ คัพ ไม่ยอมร่วมแข่งขัน ทำให้ “สิงห์เผ่นมิดแลนด์” แอสตัน วิลล่า แชมป์ดิวิชั่น 3(มาได้ไง) มาเตะกับ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ได้อันดับ 4 ของลีกสูงสุด ที่บ้านของ วิลล่า ก่อนที่ แมนฯซิตี้ จะชนะ 1-0

ปี 1974 คือครั้งแรกที่รายการนี้เตะสนาม เวมบลีย์เอ็ม ไพร์พูล สเตเดี้ยม ซึ่งการนำรายการนี้มาแข่งขันที่เวมบลีย์ ในยุคแห่งหอคอยคู่ มาจากแนวคิดของ เท็ด โครเกอร์ เลขาธิการสมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) ในยุคนั้น ซึ่งการประเดิมแข่งเวมบลีย์หนแรก ก็งามหน้าทันที เมื่อ เควิน คีแกน กองหน้า ลิเวอร์พูล มีเรื่องกับ บิลลี่ เบรมเนอร์ ห้องเครื่องของ ลีดส์ ทั้งคู่จึงโดนปรับ 500 ปอนด์ แถม คีแกน โดนแบน 3 นัด ส่วนเบรมเนอร์ โดนไป 8 เกม

ปี 2001-2006 ต้องไปแข่งใน มิลเลนเนียม สเตเดี้ยม กรุงคาร์ดิฟฟ์ ประเทศเวลส์เพราะเวมบลีย์ปิดปรับปรุง น่าแปลกตรงที่ หนแรกและหนสุดท้ายที่มิลเลนเนียม สเตเดี้ยม นั้น “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ได้แชมป์ทั้งหมด ปี 2001 ชนะ แมนฯยูไนเต็ด 2-1 และปี 2006 ชนะ เชลซี 2-1

ปี 2007 เกมกลับมาจัดที่ “นิว เวมบลีย์” ซึ่ง แมนฯยูไนเต็ด ยิงจุดโทษปราบ เชลซี ได้สำเร็จ

ปี 2012 ต้องไปเล่นกันที่วิลล่า พาร์ค เนื่องจากตรงกับวันพิธีปิดโอลิมปิกเกมส์พอดิบพอดี แม้ว่าจะคนละสนาม เพราะพิธีปิดใช้ โอลิมปิก สเตเดี้ยม แต่เป็นเพราะอยู่ที่กรุงลอนดอน เหมือนกัน ทำให้ต้องแยกกลุ่มมวลชนออกมาที่มิดแลนด์ ซึ่ง แมนฯซิตี้ ชนะ เชลซี 3-2

ปี 2022 เลสเตอร์ ได้จัดแมทช์ปีนี้เป็นครั้งที่ 2 เพราะ นิว เวมบลีย์ ติดจัดนัดชิงบอลหญิง ยูโร 2022 และเป็นสนามบอลสโมสรลำดับที่ 11 ที่ได้เป็นเจ้าภาพจัดดวลแข้ง ซึ่ง ลิเวอร์พูล ทุบ แมนฯซิตี้ ลงได้ 3-1

จนถึงนาทีนี้ มีทั้งหมด 25 สโมสรที่ครองโล่ชิมลางนี้ โดยที่ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ครองโล่มากที่สุด 21 สมัย(แชมป์เดี่ยว 17/แชมป์ร่วม 4), อาร์เซนอล มาเป็นอันดับที่ 2 อยู่ที่ 17 สมัย(16/1) และ ลิเวอร์พูล 16 สมัย (11/5)

หากนับเฉพาะตัวเลขการเป็นแชมป์แล้ว ทีมแชมป์ลีกสูงสุด ครองโล่มากกว่าคือ 54 ครั้ง และแชมป์บอลถ้วยเอฟเอ คัพ ได้ครองไป 29 ครั้ง

บี แหลมสิงห์