516 วันในการคุมทัพ ลิเวอร์พูล ตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2024 กับแชมป์พรีเมียร์ลีก 1 รายการเมื่อ อาร์เน่อ ชล็อต กำลังกดดันอย่างสุด ๆ 

159 วันหลังจากการเป็นแชมป์ลีกฟุตบอลที่ “ยากที่สุดในโลก” กลับกลายเป็นว่า อาร์เน่อ ต้องเดิมพันตำแหน่งกุนซือ “หงส์แดง” หลังจากฟอร์มหลุดอย่างน่าตกใจ ทั้งที่ออกสตาร์ทชนะรวดทั้ง 5 เกมแรก แต่แพ้เรียบใน 4 เกมต่อมา

ยิ่งถ้านับฟอร์มรวมแล้ว กุนซือชาวดัทช์ ทำทีมแพ้ถึง 6 จาก 7 เกมหลังสุดทุกรายการ แย่ที่สุดในรอบ 16 ปี ทำให้การเจอกับ “สิงห์เผ่นจากมิดแลนด์” แอสตัน วิลล่า หลังของเขาพิงฝา หน้าของเขายังชนกำแพง กลายเป็นตัวเต็งที่จะถูกปลดออกจาก 

จากเดิมที่โอกาส “แทบเป็นไปไม่ได้” อัตรายืนอยู่ที่ 100-1 จนกระทั่งเกมแพ้ พาเลซ 1-2 ในช่วงทดเวลาเจ็บ จากนั้นค่อย ๆ ลดมาแบบมันัยยะสำคัญ

แพ้ กาลาตาซาราย 0-1 ในแชมเปี้ยนส์ลีก เป็นการแพ้สองเกมติด อัตราเหลือ 50-1

จากนั้นแพ้ เชลซี 1-2 ในช่วงทดเจ็บเกมพรีเมียร์ลีก กลายเป็นแพ้ 3 นัดรวด อัตราเหลือ 25-1 

พอมาแพ้ แมนฯยูไนเต็ด คาบ้านตัวเอง 1-2 ในเกมพรีเมียร์ลีก ถูกหั่นเหลือ 16-1 และเหลือ 8-1 เมื่อแพ้ เบรนท์ฟอร์ด เมื่อวันเสาร์ที่แล้ว 2-3

เวลานี้บางแห่งให้อัตราเหลือเพียง 6-1 แทบจะเป็นเต็ง 1 ไปแล้วด้วยซ้ำ เพราะตกรอบคาราบาวคัพ คาที่ให้กับ พาเลซ ยับเยินถึง 0-3 ยังดีที่ วิตอร์ เปเรยร่า ของวูล์ฟส์ นั้นย่ำแย่กว่า อัตรายังค้ำยันที่ 6-4

แต่มีความเป็นไปได้หากว่า อาร์เน่อ โดน แอสตัน วิลล่า ที่กำลังมาแรงอัดร่วงคาแอนฟิลด์อีกทีในวันเสาร์นี้ เขาอาจจะ “อยู่ไม่ได้” 

แทนที่จะใช้ "การปฏิวัติ" อย่างเต็มรูปแบบ หรืออาจะเลือก "วิวัฒนาการ" อย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อจัดการกับการเปลี่ยนแปลง อาร์เน่อ กลับเลือกใช้รูปแบบผสมผสานที่ส่งผลต่อผู้เล่นชัดเจนทั้งนักบอลเก่า และนักบอลใหม่

ผลลัพธ์คือทีมที่แคบลง มีผู้เล่นราคาแพงที่ไม่เสริมซึ่งกันและกัน ส่วนคนจัดการทีมที่สูญเสียอัตลักษณ์ไประหว่างการเปลี่ยนแปลง

ผมมองว่า “ศีล” ที่เคย “เสมอ” เวลานี้ไม่มีอีกแล้ว

ส่วนความคิด ผนวกกับ วาท(เวร)กรรมของหลายคนที่ว่า “เตะล้มโค้ช” เอาเข้าจริงแล้วอยากให้คิดใหม่ เคสนี้ไม่ใช่เลย เพราะจากที่ดูมันบ้าบอทุกนัดไม่ว่าจะดึกแค่ไหน ไม่เห็นนักบอลผู้ใดจะเตะล้มโค้ช

อยากบอกว่า อย่าโทษนักบอลเลยครับ

สิ่งที่เห็นก็คือ แผนของโค้ชล้มตัวของเขาเองแท้ ๆ 

สิ่งที่จะเทิร์นทุกอย่างกลับมาก็คือ ชนะ ชนะ แล้วก็ชนะ เพราะขนาด รูเบน อโมริม ทำ แมนฯยูไนเต็ด กองอยู่ครึ่งล่างของตาราง ไม่ได้ไปบอลยุโรปแม้แต่ใบเดียว และไม่เคยชนะใครติดกัน 2 เกม

เวลานี้ชนะ 3 นัดรวด กลายเป็นว่า ที่ผ่านมาทำทีมเหมือนกับทีมลุ้นแชมป์ไปแล้ว และเสมือนว่ารอดพ้นจากสถานการณ์วิกฤติไปเลย

สำคัญคือ FSG สนับสนุน ชล็อต อย่างถูกต้องและใช้เงินกว่า 450 ล้านปอนด์ แถมยังปล่อยนักเตะที่เขาไม่ชอบออกไปอย่างชัดเจนออกไปให้พ้นสายตาของเขาในฐานะ MD ไม่ใช่พ่อแบบ เยอร์เก้น คล็อปป์

น่าสนใจก็คือ ทุ่มทุนไปเยอะผิดธรรมชาติและปกตินิยมของสโมสร แต่กลับ “ซื้อไม่ครบ” และบางตำแหน่งกลายเป็นการ “คบซ้อน” ไปเลย!!!

เขามีอิทธิพลอย่างมากในการย้ายทีม แต่กลับทำทีมเล่นได้แย่มาก และเขาก็เป็นส่วนสำคัญในเรื่องนี้

ทำไปทำมา ชล็อต กลับกลายเป็นพูดในท่วงทำนองที่โทษการเสริมทัพ, โทษลูกตั้งเตะ, โทษแทคติคคู่แข่ง น่าประหลาดตรงที่เขาไม่ได้คิดอะไรเลยหรือถึงแพ้ พาเลซ ถึง 3 รอบ ในระยะเวลาไม่ถึง 3 เดือน ทั้งที่ พาเลซ ใช้นักบอล 17 คนใน 3 นัดที่ลงสนาม

หนักสุดคือ เรื่องของการโยนความผิดให้คนอื่น และการให้สัมภาษณ์ในเชิงลบกับนักบอลตัวเอง

ชล็อต กำลังเสี่ยงอย่างยิ่งที่จะติดอยู่ในรายชื่อผู้จัดการทีมพรีเมียร์ลีก ที่ถูกปลดออกจากตำแหน่งในซีซั่นต่อมา

คาร์โล อันเชล็อตติ - เชลซี ปี 09/10

โรแบร์โต มันชินี - แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 11/12

เคลาดิโอ รานิเอรี - เลสเตอร์ 15/16

อันโตนิโอ คอนเต้ - เชลซี 16/17

โชเซ่ มูรินโญ่ - เชลซี 14/15

ชื่อแต่ละคนไม่ธรรมดา แต่ไม่มีใครโดนปลดหลังจากเป็นแชมป์มาไม่ถึงครึ่งซีซั่น

ขณะเดียวกัน ลิเวอร์พูล เป็นทีมแชมป์เก่าที่ออกสตาร์ทได้คะแนนต่ำสุดเป็นอันดับ 6 หลังจากผ่านมา 9 เกม
ปี1995-96 แบล็คเบิร์น 10 คะแนน

2015-16 เชลซี 11 คะแนน 

2016-17 เลสเตอร์ 11 คะแนน 

1998-99 อาร์เซนอล 14 คะแนน 

2013-14 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 14 คะแนน 

ดังนั้นเกมกับ วิลล่า คือ ฟางเส้นสำคัญที่จะขีดเส้น “เป็น” หรือว่า “ตาย”

นรกสวรรค์ห่างกันนิดเดียว

                                บี แหลมสิงห์