วันอาทิตย์ ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2568
การแข่งขันกีฬาซีเกมส์จบลงไปแบบใจหายใจคว่ำ เพราะลุ้นกันทุกวันแทบจะทุกนาที
ท่ามกลางมรสุม เมฆหมอกปกคลุม ดราม่าที่แสนจะคลุ้มคลั่ง กำลังใจก็มี พวกพร้อมตีก็มาก ทั้งหวังดีเพื่ีอพี่ชาย และหวังดีประสงค์ร้าย อยู่เป็นนิจ
โดยปกติการจัดการแข่งขันกีฬา คือช่วงเวลาแห่งการแสดงออกถึง “ศักยภาพ”
1.ศักยภาพของนักกีฬา
2.ศักภาพของประเทศเจ้าภาพ
นี่คือหลักใหญ่และใจความ
ครั้งนี้ “ข้อ 1” ถือว่านักกีฬาหลายต่อหลายคนสอบผ่าน แสดงออกถึงความสามารถในเชิงกีฬาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ น่ายกย่อง และเป็นที่น่าจดจำ
ตัวเลขไม่ถึงเป้า ที่วางตั้งไว้ 241 ทำได้ 233 เหรียญทอง ซึ่งปกติผมไม่เคยมองยอดตรงนี้เท่าไหร่นัก
เนื่องจากเรามองกีฬาในระดับโอลิมปิกมากกว่า และถ้าวัดตัวเลขคราวนี้หาก ชนิดกีฬาความหวังอาทิ ฟุตบอล ไม่หายเรียบทุกรายการ หรือ ตะกร้อชายไม่หายหมด ก็นะ.......
การวัดเรื่องตัวเลข หลังจาก “ไม่ใช้โพลล์” ที่เคยเข้มข้นถึงขีดสุดของ “ป๋า ช.”ชัยรัตน์ คำนวณ ในยุคที่ผมเป็นนักเรียน และในยุคทำงานของ “เสธโต” พลเรือเอกสุรวุฒิ มหารมณ์ มันเคยตรงอยู่แล้วครับ และแทบจะไม่ใกล้เคียง
เนื่องจาก ประเด็นแรก หลายสมาคมต้องบอกให้เวอร์วังเอาไว้ก่อน ว่าจะได้เหรียญเยอะ กับ ประเด็นสอง บางสมาคมก็แอบเหนียม บอกไว้ให้น้อย เพราะจะได้ไม่กดดัน
แต่พอถึง “ข้อ 2” น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งว่า ประเทศไทย ได้โชว์ศักยภาพคุ้มค่าหรือไม่ กับโอกาสที่ได้เป็นเจ้าภาพครั้งแรกในรอบ 18 ปี
สิ่งที่ชัดเจนคือ “เดินหมากผิด” ไปหลายต่อหลายเรื่อง ด้วยเหตุผลกลเกม ด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม มันเหมือนกับการลูบหน้าปะจมูก แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เพราะมีปัญหาอยู่ร่ำไป
ความชัดเจนบนความไม่ชัดเจนก็คือ ใครก็ตามที่คิดว่า “การเมืองไม่เกี่ยวกับกีฬา” คงต้องไปนั่งคิดใหม่ในส้วม เพราะครั้งนี้เรื่องนี้หล่นทับจน “ตีนแหก”
นับตั้งแต่การได้รับสิทธิ์การเป็นเจ้าภาพ ตั้งแต่ 9 ธันวาคม 2562 รวมระยะเวลาจากวันนั้นถึงวันเปิดการแข่งขัน คือ 6 ปีเต็ม ๆ เท่ากับว่า เวลาเตรียมการมีบานตะไท แถม ซีเกมส์ ก็คือ “รู้ทั้งรู้” ก็คือ “รู้ตัวก่อน” เพราะมาจากโควต้า ตามเวลากำหนด แต่………
แต่การที่ประเทศไทย เปลี่ยนไปถึง 3 รัฐบาล เป็นไปถึง 4 นายกรัฐมนตรี และเปลี่ยนไปถึง 5 รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
นี่ไม่ใช่เก้าอี้ดนตรี แต่มันก็เกิดขึ้นจริง
ยุคปัจจุบัน หลายคนติดนิสัย “เล่นการเมืองมากไป” จนลืมไปหรือไม่ว่า อะไรคือควรทำก่อน อะไรควรทำหลัง อะไรคือโควต้า อะไรคือหน้าตาของประเทศ
ตรงนี้อยากให้ท่านกลับไปทบทวนครับ
อย่างที่เคยนำเสนอไปก็คือ หากไม่วางให้ “การจัดการแข่งขันกีฬา” ปักหมุดเป็น “โร้ดแมป” ก็อย่าได้จัดอีก เพราะมันคือ “หน้าตาของคนไทย”
เป็นหน้าเป็นหน้าเป็นเกียรติเป็นศรีให้กับประเทศชาติ
ยิ่งการเลือกตั้งใหม่จะมาถึงในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ศกหน้า จงมองและคิดใหม่ว่า “กีฬา” คือหนึ่งในกงล้อสำคัญที่ทำให้ “คนไทยเป็นหนึ่งเดียว”
ดังนั้นการทำงานติดขัด จากการที่ “เปลี่ยนหัว” จากการที่ “เปลี่ยนตัว” และจากการที่ “เปลี่ยนเจ้านาย” เยอะเกินไป ทำให้การจัดการแข่งขันซีเกมส์ มันสะบักสะบอม อีบัดอีโรย เหมือนนักมวยใช้เชือกค้ำยันให้ยืนได้มากกว่าขาตัวเอง นั่นเพราะการประสานงานของแต่ละฝ่าย
เค้าเรียกว่า “เครือข่ายล่ม”
จัดออกมาให้มันจบ ๆ ไป ได้แค่ “เอาตัวรอด” เท่านั้น
อาทิ เรื่องของการเข้าสู่สนาม ที่ถูกตั้งคำถามอย่างน่าสนใจว่า “การเข้าชมฟรี” ในทุกสนามนั้น “เป็นความคิดของใคร” กันแน่
ฟันธงลงไป แนวคิดแบบนี้คือ “นักการเมือง” หาใช่คนกีฬา
แต่หากเป็นแนวคิดจากคนกีฬา นั่นแสดงออกให้เห็นถึงความรู้ความสามารถที่ว่า “คุณเข้าไม่ถึงกีฬา” คุณไม่เข้าใจ นั่นเพราะคุณไม่เคยศึกษาอดีตเพื่อนำมาปรับปรุงปัจจุบัน
มีพิมพ์เขียวอย่าง “มวยโลก” ก็เจ๊งยับเพราะดูฟรีมาตั้งแต่ยุค 80 มาแล้ว
สำคัญก็คือ “มรดกซีเกมส์” ที่เคยได้จากการจัดที่ เชียงใหม่ หรือที่ โคราช ที่มีสนามให้ได้ใช้จนถึงทุกวันนี้ มันได้อะไรตอบแทนกลับมาขนาดไหน
นับจากบัดนี้ไป หากมีโอกาสจัดอีก อาทิเช่น ยูธโอลิมปิกเกมส์ 2030 ที่เรามีโอกาสอย่างมาก เพราะหลายชาติยกธงไปแล้ว จะต้องตั้งให้เป็น “วาระแห่งชาติ” แล้วเก็บตัวนักกีฬา เฟ้นหาสถานที่ “หนึ่งเดียว” และต้องเป็น “ต่างจังหวัด” ในการจัดการแข่งขัน
ไม่ใช่ให้มากระจุกแต่ในเมืองกรุงอีกต่อไป
สำคัญคือ ต้องใช้มืออาชีพมากกว่าในซีเกมส์ มาจัดนะครับ ไม่งั้นถอนสมอไปเลย
ทำงานใหญ่ อย่ากลัวความผิดพลาด และต้องยอมรับ เมื่อมีความผิดพลาด
แต่มันก็ไม่ควรจะพลาดได้ต่อเนื่องแทบทุกวันทั้ง ผิดพลาดจากระบบ, ผิดพลาดจากการสั่งการ, ผิดพลาดจากบริษัทรับจ้าง หรือจั่วลมด้วยตัวบุคคลเอง
งานระดับภูมิภาค งานระดับประเทศมันควรจะมีเกรดกว่านี้
ถึงตรงนี้.....ทุกสถานการณ์ของโลกใบนี้มีคำว่า “โอกาส” อยู่เสมอ
บางคนได้โอกาส บางคนเสียโอกาส
หนักเลยคือ บางคนฉวยโอกาส
แล้วคุณล่ะ มองเห็นว่า ใครใช้ “โอกาส” แบบไหนในซีเกมส์ครั้งนี้……..
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี