วันจันทร์ ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2568
อีกหนึ่งบริบทที่น่าสนใจ และน่าจับตามอง จากการแข่งขัน มหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 9-20 ธันวาคม 2568
นั่นคือตัวเลขต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ทั้งในแง่ของความสำเร็จนักกีฬา, มูลค่าเศรษฐกิจ เพื่อที่จะได้ไปต่อกับเจ้าภาพพาราเกมส์
บทสรุปทัพนักกีฬาไทยทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม กลับมาครองเจ้าเหรียญทองอีกครั้งในรอบ 10 ปี หรือตั้งแต่เมื่อปี 2015 ที่ประเทศสิงคโปร์ หลังทำได้ถึง 233 เหรียญทอง 154 เหรียญเงิน 112 เหรียญทองแดง เป็นเจ้าเหรียญทองสมัยที่ 14 ซึ่งนับว่าสูงที่สุดกว่าชาติใด ๆ ในภูมิภาคอาเซียน และยังสร้างประวัติศาสตร์คว้าเหรียญทองสูงสุดตลอดกาลในซีเกมส์ แซงหน้าเวียดนาม ที่เคยทำไว้ 205 เหรียญทอง ในการจัดซีเกมส์ ครั้งที่ 31 เมื่อปี 2022
โฟกัสคือ ตลอดการชิงชัย จะเห็นได้ว่ามีแฟนกีฬาทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติแห่กันเข้าชมการแข่งขันอย่างคึกคัก หลายสนามถึงขั้นล้นก็มีให้เห็น ซึ่งเป็นสิ่งที่เราอยากจะให้เกิดขึ้นในการเป็นเจ้าภาพหนนี้ และดูเหมือนจะประสบความสำเร็จอย่างไม่ต้องสงสัย
ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า นอกจากผลงานของนักกีฬา และการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่เราอยากเห็นคือการปลุกกระแสวงการกีฬาในประเทศไทยให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง ซึ่งจากที่เห็นก็เป็นสิ่งยืนยันได้ว่าเราประสบความสำเร็จไม่น้อย
ตั้งแต่กระแสตื่นตัวจองตั๋วเข้าชมพิธีเปิดการแข่งขันแม้จะมีกระแสดราม่าเล็ก ๆ ทว่าแฟนกีฬาที่เข้าชมในราชมังคลากีฬาสถาน หัวหมาก กว่า 30,000 คน ต่างก็ชื่นชมในความสามารถของคนไทย ที่จัดออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม และต่างก็เป็นสักขีพยานถึงความงดงามในพิธีเปิดได้เป็นอย่างดี ผ่านตาตัวเอง
จากนั้นกระแสซีเกมส์ที่ถูกจุดติดจากกระถางคบเพลิงและส่งต่อไปยังสังเวียนชิงชัย เกือบทุกสนาม กระแสตื่นตัวของแฟนกีฬา ที่ต่างแห่กันออกไปชมและเชียร์แบบติดขอบสนาม มีให้เห็นกันจนคุ้นตาตลอดกว่า 10 วันของการชิงชัย
ทำให้วงการกีฬาบ้านเราดูคึกคักขึ้นแบบถนัดตา
แฟนกีฬาตื่นตัวที่จะเดินทางไปร่วมชมและเชียร์ ที่สนาม หลายสนามเต็มความจุจนล้น ก็มีให้เห็น ซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยนักสำหรับวงการกีฬาบ้านเรา
หลายชนิดกีฬาคึกคักตามความคาดหมายตามความนิยมของกีฬานั้น ๆ เช่น วอลเลย์บอล แฟนตบลูกยางต่างแห่กันไปให้กำลังใจทีมชาติไทย ทำให้อินดอร์ สเตเดียม หัวหมาก ดูเล็กลงไปถนัดตา หรือแม้กระทั่ง บาสเกตบอล ที่ปรากฏภาพแฟนกีฬาแน่นอาคารนิมิบุตรเกือบทุกนัด โดยเฉพาะรอบชิงชนะเลิศ
มีแฟนทั้งชาวไทยและชาวฟิลิปปินส์ นั่งรออยู่นอกสนาม เนื่องจากไม่สามารถเข้าไปเชียร์ในสนามได้อีกแล้ว ซึ่งทั้ง 2 สนามเราต้องเสริมด้วยการติดตั้งจอยักษ์หน้าสนามไว้ให้บริการสำหรับแฟนกีฬาที่ไม่สามารถเข้าชมในสนามได้ ซึ่งก็ได้อารมณ์ร่วมไปอีกแบบ สนุกไปอีกแบบ
นอกจากนี้ยังมีอีกหลาย ๆชนิดกีฬาที่ได้รับความสนใจชนิดเกินความคาดหมาย อาทิเช่น เบสบอล ที่มีผู้ชมให้ความสนใจมากไม่แพ้กีฬาอื่น ๆ แฟนกีฬาเข้าไปชมจนหนาตา จนเป็นกระแสให้พูดถึง เพิ่มความนิยมมากขึ้นทันตา และเชื่อว่าจะสามารถต่อยอดความสำเร็จได้อีกในอนาคตอันใกล้นี้ ส่วนกลุ่มกีฬาเอ็กซ์ตรีม ก็ได้รับการตอบรับที่ดีเช่นเดียวกัน
“กระแสตื่นตัวของแฟนกีฬาไม่ได้มีแค่แฟนกีฬาชาวไทย แต่ยังรวมถึงแฟนกีฬาจากชาติอาเซียน ที่เดินทางมาให้กำลังใจชาติของตัวเองลงแข่งขัน สร้างเม็ดเงินมหาศาล สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจทั้งทางตรงและทางอ้อม กว่า 12,000 ล้านบาท นั่นเป็นเครื่องตอกย้ำถึงความสำเร็จในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันซีเกมส์ครั้งนี้ ต้องชื่นชมแฟนกีฬาชาวไทย ที่ร่วมกันเป็นเจ้าบ้านที่ดี ให้การต้อนรับแฟนกีฬา และนักกีฬาจากชาติอาเซียน ที่เดินทางมาประเทศไทยอย่างอบอุ่น” ดร.ก้องศักด กล่าวย้ำ
ประเด็นของการตื่นตัวเข้าชมเกมในสนาม ถือว่าน่าชื่นชมอย่างมากสำหรับแฟนกีฬาชาวไทย ที่มีต่อการเป็นเจ้าภาพมหกรรมซีเกมส์ ครั้งที่ 33
จากนี้ต้องรักษาความนิยม ความตื่นตัวของวงการกีฬาบ้านเราไว้ เพราะไทยยังจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13ในวันที่ 20-16 มกราคม 2569 ซึ่งจะแข่งขันกันที่จังหวัดนครราชสีมา โดยเบื้องต้นจะแข่ง 19 กีฬา 536 ทอง
ซึ่งปกติชาว “โคราชา” ก็เป็นหนึ่งในจังหวัด “แชมป์โลก” เข้าชมกีฬาอยู่แล้ว ซึ่งจังหวัดใหญ่จังหวัดนี้ที่เป็น “ประตูสู่อีสาน”
พร้อมเปิดประตูบ้านให้กว้างที่สุด เพื่อต้อนรับผู้คนทั้งไทยเทศสู่การแข่งขันครั้งสำคัญนี้แน่นอน
บีแหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี