27 ก.ค.59 นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยประจำเดือน มิ.ย.59 และครึ่งปีแรกของปี 2559 ว่า ตัวเลขการส่งออกในเดือน มิ.ย. 2559 มีมูลค่า 18,146.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ติดลบ 0.07% เมื่อเทียบกับเดือน มิ.ย.58 ซึ่งเป็นการหดตัวที่ดีขึ้นจากเดือน เม.ย. และ พ.ค. แสดงให้เห็นถึงการส่งออกที่เริ่มมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยการส่งออกที่ยังลดลงเป็นผลจากเศรษฐกิจโลกที่ยังเปราะบาง ไม่แน่นอน รามสินค้าเกษตร และน้ำมันยังอยู่ในระดับต่ำ ส่งผลให้ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2559 มีมูลค่า 105,137.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ติดลบ 1.59% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ ในส่วนของสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตร ในเดือน มิ.ย. มูลค่าติดลบ 7.9% ซึ่งเป็นการหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 เนื่องจากปริมาณการส่งออก และราคาการส่งออกลดลง ตามภาวะภัยแล้ง ผลผลิตเหลือตามฤดูกาล การชะลอตัวของความต้องการสินค้าในตลาดโลก และราคาน้ำมันที่ส่งผลต่อราคาสินค้าเกษตร โดยสินค้าที่ลดลง คือ ข้าว ยางพารา ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และน้ำตาล แต่ในส่วนของอาหารทะเลแช่แข็ง และผลไม้กระป๋องและแปรรูป ยังขยายตัวได้ดี
ส่วนสินค้าอุตสาหกรรม มูลค่ากลับมาขยายตัวครั้งแรกในรอบ 3 เดือน ขยายตัว 3.1% โดยสินค้าที่ขยายตัว คือ รถยนต์และส่วนประกอบ ซึ่งขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ส่งออกไปในออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง และจีน แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ แต่ในส่วนของ สินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน เครื่องรับวิทยุโทรทัศน์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก ผลิตภัณฑ์ยาง และอัญมณีและเครื่องประดับ ยังคงหดตัว
สำหรับการนำเข้าในเดือน มิ.ย. 2559 มีมูลค่า 16,180.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ติดลบ 10.11% เมื่อเทียบกับเดือน มิ.ย. 2558 ส่งผลให้เดือนนี้ ไทยเกินดุลการค้า 1,965.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่ครึ่งปีแรกของปี 2559 มีมูลค่า 92,724 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ติดลบ 10.23% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ครึ่งปีแรกไทยเกินดุลการค้า 12,413.4 ล้านเหรียญสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ มองว่า การส่งออกในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2559 มีแนวโน้มปรับตัวได้ดีขึ้น เนื่องจากสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่อยู่ในระดับ 40 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล และคาดว่าไม่น่าจะลดลงต่ำกว่านี้ ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการส่งออกไทย รวมถึงสถานการณ์ตลาดส่งออกสำคัญของไทยก็ปรับตัวดีขึ้น ทั้ง สหรัฐฯ ออสเตรเลีย ยุโรป และเอเชียใต้ การส่งออกไทยที่ดีเมื่อเทียบกับหลายประเทศ ส่วนแบ่งตลาดในเกือบทุกตลาดสูงขึ้น แนวโน้มเศรษฐกิจไทยมีทิศทางดีขึ้นจากการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ การสนับสนุน SMEs การนำนวัตกรรมเข้ามาช่วยในการขับเคลื่อนประเทศ ทั้งนี้แม้เอกชนจะมองว่าการส่งออกไทยปีนี้จะอยู่ในระดับติดลบ 2% แต่ตนเชื่อว่าหากติดลบจริงก็ไม่น่าติดลบเกิน ลบ 1% หรือมีความเป็นไปได้ในภาวะเศรษฐกิจโลกขณะนี้ น่าจะอยู่ในกรอบ ติดลบ 1 ถึง 1% ซึ่งทางกระทรวงจะพยายามผลักดันการส่งออกให้เป็นแดนบวกได้มากที่สุด และยังคงเป้าหมายการทำงานไว้ที่ 5%
สำหรับแนวทางเบื้องตนในการขับเคลื่อนการส่งออกในครึ่งปีหลัง ได้มีการแบ่งกลุ่มสินค้าส่งออกสำคัญ 30 อันดับแรกไว้ เป็น 4 กลุ่ม เพื่อให้ให้ง่ายต่อการบริหารจัดการ คือ กลุ่มที่จะมีการผลักดัน กลุ่มที่ต้องสนับสนุน กลุ่มที่ต้องติดตามและแก้ไข และกลุ่มที่ต้องเร่งแก้ไข โดยเฉพาะการเร่งติดตาม และสนับสนุนกลุ่มสินค้าที่จะเพิ่มมูลค่า และเติบโตสูง เช่นเครื่องปรับอากาศ ส่วนประกอบ ชิ้นส่วนยานยนต์ ทองคำ ขณะที่ตลาดก็จะแบ่งเป็น 30 ตลาดส่งออกสำคัญด้วยเช่นกัน ซึ่งกลุ่มที่จะเน้นมากคือกลุ่มตลาดที่ต้องสนับสนุน คือ ออสเตรเลีย เวียดนาม สวิสเซอร์แลนด์ และอินโดนีเซีย เพราะมีการขยายตัวได้ดี และมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี