ตลอดสัปดาห์นี้ ต้องบอกว่าข่าวที่ต้องตามติดของคนกระทรวงเกษตรฯ ที่ทำให้ทั้ง รัฐมนตรี และผู้บริหารระดับสูงหลายคน ต้องออกอาการหงุดหงิดคงจะหนีไม่พ้นเรื่องของปัญหาราคายางพารา ซึ่งมีแนวโน้มส่อเค้าบานปลาย และอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ในเรื่องของการปรับคณะทำงานในการแก้ปัญหาภาคการเกษตรในอนาคต
จากการติดตามการทำงานของกระทรวงเกษตรฯ ในเรื่องการแก้ปัญหาภาคการเกษตร โดยเฉพาะเรื่องปัญหาปากท้องของประชาชน ต้องบอกว่า ไม่ผ่าน.... แม้ที่ผ่านมาโพลล์ต่างๆ จะออกมาอวยจนออกนอกหน้าว่า ทำงานดี แต่ในความเป็นจริง เกษตรกรจริงๆ ก็เห็นชัดในฝีมือ ท่านผู้นำอย่าง “ฉัตรชัย สาริกัลยะ”ว่าเป็นอย่างไร เพราะวันนี้ ราคายากตกต่ำสุดๆ เท่าที่เคยมีมา ว่ากันว่าราคาในประเทศไทยปี 2559 ที่มีท่านรัฐมนตรี ชื่อ “พลเอกฉัตรชัย” ราคายางที่มีการซื้อขายกันจริง ย้ำว่าซื้อขายกันจริงอยู่ที่กิโลกรัมละ 25 บาท เท่ากับราคาที่เกษตรกร ขายยางพารา ได้ในปี 2525 ที่ครั้งนี้ ยางพารา ปลูกที่พื้นที่ภาคใต้
ภาคเดียว และที่สำคัญราคาข้าวแกงวันนั้นจานละ 3 บาท และวันนี้เท่าไหร่ ไปสำรวจกันเอาเองเพราะท่านมาจากอดีต รมว. พาณิชย์ ที่น่าจะสอบถามลูกน้องเก่าได้ และคิดเอาชาวสวนยางพาราเขาจะเดือดร้อนขนาดไหน
และยิ่งเศร้าใจไปกันใหญ่ เมื่อมาตรการในการแก้ปัญหายางพารา เฉพาะหน้าของรัฐบาล และกระทรวงเกษตรฯ ที่บอกว่า
จะเร่งรับซื้อยางในตลาด โดยให้องค์การคลังสินค้าหรือ อคส. ที่ไม่รู้ขบวนการยางเข้าไปรับซื้อยางจากเกษตรกร เพื่อนำมาใช้ระดมเอายางที่มีไปใช้ในประเทศ แต่ลืมไปว่า ยางเน่าที่รอเคลียร์ปัญหาในโกดังมันมีมากถึง 3.6 แสนตัน ที่วันนี้ รัฐต้องจ่ายค่าเช่าโกดัง เดือนละหลายล้านบาท ที่ยังค้าง เติ่ง ไม่ถูกนำมาใช้แต่ที่อึ้งไปกว่านั้น มันคือ เรื่องที่รัฐบาลชุดนี้ไปบีบบังคับให้ทุกหน่วยงาน ต้องเอายางที่ซื้อไปใช้ให้ได้ให้เร็วที่สุด และรวมแล้ว วันนี้ ราคาคุยอยู่ที่ 1 แสนตัน ส่วนจะทำอย่างไร ไปว่ากัน
มาถึงหน่วยงาน ของกระทรวงเกษตรฯ หน่วยงานเดียวที่ รมว.เกษตรฯ สั่งการเฉพาะกิจให้ปลัด “ธีรภัทร ประยูรสิทธิ” ประชุมด่วนเพื่อหาทางใช้ยางพารา สุดท้าย สรุปกันว่า กระทรวงเกษตรฯ รับยางพารา ที่ซื้อใหม่เข้ามาใช้ได้ทันที 434 ตัน ขอรับนายท่าน ดูเผินๆ ปริมาณมันน้อย แต่ก็ยังดี ถือว่าช่วยกัน มันคงไม่แปลก แต่เมื่อมาดูตัวเลขของเงินที่จะนำยางไปใช้ในการจัดการ มันมากถึง 1,260 ล้านบาท เมื่อ ตรวจสอบถึงตัวเลขอย่างละเอียด หารออกมา ก็พบว่าการที่จะนำยางพาราไปใช้ 1 กิโลกรัมนั้นต้องใช้เงินกว่า 2,903.225 บาท ในการทำกิจกรรม ระดมใช้ยางที่ว่า และยังไม่พอ ยังมีแผนจะใช้ยางต่ออีก 2,5000 ตัน และขอใช้งบกลางอีก 8,700 ล้านบาท ไปหารกันเองครับว่า ตกกิโลกรัมละเท่าไหร่ อย่างน้อยก็ไม่ต่ำกว่า กิโลกรัมละ 300 บาทงานนี้ไม่รู้ว่ากระทรวงเกษตรฯเอาส่วนไหนคิดแผนใช้ยางและยังงงว่าเขาชั่งร่วมกันคิดร่วมกันทำจริงๆ อยากถามดังๆ ว่าซื้อยาง 40 บาท ต่อกิโลกรัม และต้องลงทุนด้วยเงิน ไม่ต่ำกว่า 2,903.225 บาท นำยางไปใช้ มันคุ้มหรือครับ
วันนี้มีเท่าที่มีการตรวจสอบพบว่า ปริมาณยางพาราทั้งประเทศ ผลผลิตปีนี้ ก็น่าจะไม่ถึง 3 ล้านตัน เพราะวันนี้เกษตรกรชาวสวนยาง ประสบปัญหาราคาตกต่ำคงไม่มีใคร ใส่ปุ๋ยบำรุงยางจนให้เป็นต้นทุน และคาดว่า ปริมาณยาง น่าจะมีผลผลิตเกินกว่า 3 ล้านตัน หากคิดจะช่วยเกษตรกรจริงก็ควรใช้วิธี ชะลอการกรีดยาง หรือจ้างเกษตรกรลดการกรีดยางลง 10% โดยรัฐอาจจะหาวิธีจ่ายเงิน ให้กิโลกรัมละ 10 บาท เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรเพื่อให้เขาอยู่ได้ ซึ่งคร่าวๆ ใช้เงินมากสุดก็น่าจะอยู่ที่ 3,000 ล้านบาท ซึ่งทำให้ยางหายไปในตลาด ทันทีกว่า 3 แสนตัน ขณะเดียวกันก็ต้องไปควบคุมการส่งออกของเอกชน ให้ลดลง 10% หากมีใครเล็ดลอดส่งออก ก็จะชัดเจนว่ายางที่มีมันมาจากไหน หากตรวจสอบกันจริง ลองดูเผื่อราคายางพาราไทย มันดีขึ้น ไม่ใช่อ้างเศรษฐกิจโลกเจ้า เราต้องเจ๊งตาม
นายดินดำ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี