ส่องเกษตร : ศึกยังไม่จบ สงบแค่ชั่วคราว

ส่องเกษตร : ศึกยังไม่จบ สงบแค่ชั่วคราว

วันพุธ ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.
Tag :

สัปดาห์ก่อน เขียนเรื่อง 2 แนวรบร้อนแรง-ปัญหา สสส.และปัญหาชาวสวนยางพารากดดันเรียกร้องรัฐบาลเร่งแก้ราคายางที่ตกต่ำหนัก ซึ่งตอนนี้สถานการณ์ได้คลี่คลายไปไม่น้อย ลดระดับความร้อนแรงไปมาก แต่ก็ดูจะเป็นการเพลาลงแค่ชั่วคราวเท่านั้น โดยที่ยังมีโอกาสจะปะทุอีก

ปัญหา สสส.จากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้า คสช.ใช้อำนาจตามมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญชั่วคราว ปลดกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 7 คนจาก 9 คน ส่งผลกระทบต่อการทำงาน สสส.จนทุกอย่างหยุดชะงัก และมีการ“แช่แข็ง”เงินทุนที่สนับสนุนหลายร้อยโครงการ นำไปสู่การต่อต้านอย่างกว้างขวางจากเอ็นจีโอ ภาคประชาสังคม กลายเป็นการผลักมิตรออกไปเป็นศัตรู ทั้งผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองหลายคนโดยเฉพาะนพ.ประเวศ วะสี ซึ่งช่วยเหลือเรื่องนโยบาย“ประชารัฐ”ของรัฐบาลอยู่ ก็ออกอาการเหมือน“หมดใจ” จนถอยห่าง


ในที่สุด ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา นายกฯประยุทธ์ได้ออกมาขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น โดยยืนยันไม่ได้ต้องการก้าวล่วงการทำงานผู้ทรงคุณวุฒิและผู้อาวุโสต่างๆ และไม่ได้บอกมีการทุจริตภายในสสส. จึงต้องขอโทษที่ทำให้เข้าใจผิด และทำให้การทำงานหยุดชะงัก ดังนั้นในวันจันทร์ที่ 18 ม.ค.นี้จะออกคำสั่งให้ทุกคนกลับไปทำงานได้เหมือนเดิม

“คำขอโทษ”ของนายกฯทำให้สถานการณ์คลายความตึงเครียด บรรยากาศเหมือนจะดีขึ้น แต่เมื่อคำสั่ง หัวหน้า คสช.ที่ 2/2559 ประกาศออกมาไม่มีการคืนตำแหน่งให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิทั้ง 7 คน เพียงระบุ 1.ให้ถือว่าคณะกรรมการ สสส.ประกอบด้วยกรรมการที่เหลืออยู่และปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้โดยให้นายชํานาญ พิเชษฐพันธ์(1 ใน 2 กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่เหลืออยู่)เป็นรองประธานกรรมการคนที่ 2 เป็นการชั่วคราว(แทนนพ.วิชัย โชควิวัฒน์ 1 ใน 7 กรรมการที่ถูกปลด) 3.ให้คณะกรรมการตามข้อ 2 ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าคณะกรรมการซึ่งได้รับแต่งตั้งใหม่เข้ารับหน้าที่

ในส่วน 7 กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่ถูกปลดไปนั้น มีคำอธิบายต่อมาเพียงว่า สามารถที่จะกลับมารับการสรรหาเป็นกรรมการใหม่ได้ แต่ต้องแก้ไขปัญหาเรื่อง “ผลประโยชน์ทับซ้อน” ที่ไปเป็นกรรมการอยู่ในองค์กรที่ขอทุนจากสสส.ก่อน

ปัญหา สสส.จึงยังไม่จบ ความหวาดระแวงยังมีอยู่ และ “รอยแผลใจ” จะทำให้ความร่วมมือของภาคประชาสังคมกับรัฐบาลมีปัญหาเช่นไรหรือไม่ ต้องติดตามต่อไป

สำหรับ ปัญหาการเคลื่อนไหวกลุ่มชาวสวนยางพารากดดันแก้ไขราคายางตกต่ำ ก็เป็นอันยุติลง หลังรัฐบาลมีมาตรการจะเข้ารับซื้อยาง 1 แสนตันโดยตรงจากเกษตรกรในราคานำตลาดกก.ละ 45 บาท เพื่อนำไปผลิตสินค้าใช้งานใน 8 กระทรวงที่ต้องการ อีกทั้งครม.มีมติแต่งตั้งประธานและคณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทย(กยท.)ได้เสียทีหลังยืดเยื้อมานาน ซึ่งก็เป็นส่วนหนึ่งของข้อเรียกร้องเพื่อให้ได้ตัวแทนชาวสวนยางและผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ความเข้าใจอย่างแท้จริงมาแก้ปัญหายางทั้งระบบ

ในเบื้องต้นมาตรการรับซื้อยาง 1 แสนตันแม้จะไปเริ่มวันที่ 25 ม.ค.เป็นต้นไป แต่ก็ส่งผลทางจิตวิทยาทันที ทำให้พ่อค้ายางต้องเร่งดักซื้อยางตั้งแต่ตอนนี้ จนราคายางทุกประเภทขยับขึ้นต่อเนื่อง เช่น ยางแผ่นดิบตลาดท้องถิ่นวันที่ 12 ม.ค.ยังอยู่ที่กก.ละ 32.50 บาท ก็ไต่ขึ้นมาจน ณ วันที่ 18 ม.ค.อยู่ที่กก.ละ 36 บาทแล้ว ส่วนยางแผ่นดิบรมควันชั้น 3 ขึ้นจาก 35 บาท มาอยู่ระดับ 41 บาท เป็นต้น

อย่างไรก็ตามเมื่อถึงเวลาเริ่มปฏิบัติการรับซื้อยางของภาครัฐ ที่มอบให้เป็นหน้าที่ร่วมกันขององค์การคลังสินค้า(อคส.) การยางแห่งประเทศไทย และคสช. 25 ม.ค.เป็นต้นไป จะมีประสิทธิภาพในการรับซื้อยางโดยตรงจากเกษตรกรได้ทั่วถึงเพียงไร ยังเป็นที่น่ากังวลในกลไกของรัฐเหล่านี้อยู่ เหมือนเช่นที่รัฐบาลชุดนี้เคยกำหนด 16 มาตรการดันราคายางมาแล้ว แต่กลับอืดอาดมาจนถึงทุกวันนี้จนราคายางดิ่งถึงขีด “3-4 โล/ร้อย” กระทั่งชาวสวนยางต้องออกมาเคลื่อนไหว

นอกจากนี้ สถานการณ์ราคาน้ำมันโลกปีนี้ที่ยังดำดิ่ง ทุบสถิติต่ำสุดไม่หยุด นับเป็นปัจจัยสำคัญที่ยังกดดันราคายางโดยภาพรวมอย่างมาก

ดังนั้น แม้ตอนนี้มาตรการรัฐบาลอาจยังพอช่วยดึงราคายางในประเทศได้บ้าง แต่ถ้ากลไกรัฐยังดำเนินการไร้ประสิทธิภาพอีก ทั้งปัจจัยลบยังท่วมกดดันตลาดและราคายางอยู่

สถานการณ์ที่ราคายางจะดิ่งอีกในช่วงปีนี้ นำไปสู่การปะทุของชาวสวนยางให้ต้องออกมาเคลื่อนไหวใหม่ ก็ยังมีสิทธิเป็นวงจรอุบาทว์อยู่

สาโรช บุญแสง

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top