'บิ๊กฉัตร’ไปโคราช  รับมือวิกฤติภัยแล้ง  ขอนแก่นหนัก20ปี

'บิ๊กฉัตร’ไปโคราช รับมือวิกฤติภัยแล้ง ขอนแก่นหนัก20ปี

วันเสาร์ ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.
Tag :

'บิ๊กฉัตร’ไปโคราช

รับมือวิกฤติภัยแล้ง

ขอนแก่นหนัก20ปี

ฝนหลวงยังทำไม่ได้

เมื่อวันที่ 4 มีนาคม พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ และประธานคณะกรรมการบูรณาการแก้ไขวิกฤติภัยแล้ง ได้ลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์ภัยแล้งในจ.นครราชสีมา ที่ ต.โนนเมืองพัฒนา อ.ด่านขุนทดโดยพล.อ.ฉัตรชัยกล่าวว่ารัฐบาลเตรียมพร้อมช่วยเหลืออย่างเต็มที่เพราะจ.นครราชสีมา ถือประสบภัยแล้งรุนแรง ครอบคลุมพื้นที่กว่า10 อำเภอโดยมีการขุดบ่อบาดาลให้กับชาวบ้านทุกอำเภอและให้หน่วยในพื้นที่เตรียมรถขนน้ำไปช่วยชาวบ้านทันที ที่มีปัญหาน้ำกินน้ำใช้โดยประสานกับกองทัพบก กระทรวงมหาดไทย ในการช่วยเหลือ จะไม่มีปัญหาขาดแคลนน้ำแน่นอน ช่วงวิฤกติกำชับเป็นพิเศษให้กรมฝนและการบินเกษตรขึ้นปฎิบัติฝนหลวงทันทีที่สภาพอากาศเอื้ออำนวย

“ต้องยอมรับว่าในอดีตแผนการบริหารจัดการน้ำของประเทศ ไม่มีความชัดเจน หลังเข้ามาทำงานในฐานะ คสช.ตนได้มาดูระบบบริหารจัดการน้ำใช้เวลา9 เดือนที่วางแผนน้ำทั้งหมด จากนี้ไปแผนการปฎิบัติการน้ำ วางไว้ล่วงหน้า10ปี จากเดิมไม่มีความต่อเนื่องโดยแผนปฎิบัติการเบื้องต้นในพื้นที่ชลประทานทั่วประเทศ ต้องสามารถใช้น้ำได้ทั้งปี ส่วนพื้นที่นอกเขตชลประทาน ต้องวางแผนทำแบบสำรวจความต้องการ และความเหมาะสม หากจำเป็นจะต้องปรับเปลี่ยน ปลูกพืชเกษตรไปส่งเสริมให้เลี้ยงสัตว์แทน”รมว.เกษตรฯ ย้ำ


ด้านนายเลอศักดิ์ ริ้วตระกูลไพบูลย์ อธิบดีกรมฝนหลวงฯกล่าวว่าได้สั่งให้ทุกฐานปฎิบัติการทั้ง8 ฐานทั่วประเทศเพื่อแก้สถานการณ์ภัยแล้งเป็นอันดับแรก ให้ขึ้นบินทันที ที่สภาพอากาศเหมาะสม ช่วงบ่าย อ.ด่านขุนดทได้สภาพอากาศที่สามารถขึ้นบินปฎิบัติการฝนหลวงได้

นายชิดชนก สมประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักชลประทาน เขตที่ 8 จ.นครราชสีมา กล่าวว่าแผนช่วยเหลือเกษตรกรและประชาชนที่กระทบภัยแล้ง ขอยืนยันมีการประสานทุกหน่วยในพื้นที่อย่างเข้มข้น โดยเฉพาะการประปาส่วนภูมิภาค ในสถานีสูบน้ำประปาต่างๆ โดยชลประทาน พร้อมปล่อยน้ำให้ทำประปา ไม่ขาดแคลนแน่นอน แต่น้ำสำหรับการเกษตรไม่สามารถปล่อยให้ได้

ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เดินทางไปตรวจภัยแล้ง ที่โครงการจัดรูปที่ดิน ต.ท่าวังทอง อ.เมือง จ.พะเยา กล่าวถึงสถานการณ์ภัยแล้งว่า ได้สั่งการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.)ลงพื้นที่นำน้ำไปแจกจ่ายช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาอย่างเร่งด่วนและคาดว่าอีก 1-2 เดือนข้างหน้า จะขาดแคลนน้ำอย่างหนัก แต่เชื่อมั่นว่าจะผ่านพ้นไปได้

ส่วนความคืบหน้ามาตรการการแก้ปัญหาระยะยาว ให้เร่งดำเนินการขุดบ่อบาดาล และจัดทำแหล่งน้ำขนาดเล็กเพื่อกักเก็บน้ำ พร้อมเร่งรัดโครงการสร้างระบบผลิตประปาหมู่บ้านให้ครบทุกแห่ง ภายในปี 2561 อีกทั้งต้องสร้างแหล่งเก็บน้ำเล็กๆ หรือที่เรียกว่า ขนมครก เต็มพื้นที่ แต่คงไม่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกพื้นที่เพราะต้องใช้เวลาและงบประมาณจำนวนมาก

สถานการณ์ภัยแล้ง ในพื้นที่ จ.ขอนแก่น หนักสุดในรอบ20 ปี หลังอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่เขื่อนอุบลรัตน์เหลือน้ำใช้การได้เพียง 53.32ล้าน ลบ.ม.หรือร้อยละ2.88ไม่ถึงร้อยละ3

นายทวี กาญจนา ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เผยว่าได้ขึ้นปฏิบัติการฝนหลวงตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม เป็นต้นมา เพื่อเติมปริมาณน้ำในอ่างเพิ่มขึ้นเริ่มที่จ.นครราชสีมาในพื้นที่ประสบภัยแล้งส่วนใหญ่เป็นพื้นที่การเกษตรและตามแหล่งน้ำสำคัญเช่นเขื่อนลำตะคอง ส่วนจ.ขอนแก่นยังไม่สามารถขึ้นทำฝนหลวงได้เนื่องจากสภาพอากาศยังไม่เป็นใจทั้งที่มีการร้องขอจากประชาชนในหลายพื้นที่

ขณะที่ นายวิษณุพงษ์ สงวนสัจจพงษ์ นายอำเภอบางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อม นายกเทศบาลตำบลบางบาล ทางเข้าตรวจสอบ ถนนคอนกรีตเลียบคลองบางกุ้ง หมู่9 ต.บ้านกุ่ม อ.บางบาล ที่ได้ทรุดตัว เมื่อวันที่ 3 มีนาคม เป็นแนวยาวกว่า 100 เมตร ลึก 1.25 เมตรโดยถนนเส้นนี้พึ่งสร้างเสร็จไม่ถึง 1ปี สาเหตุเพราะชั้นล่างของดินเกิดการสไลด์ตัวลงไปในคลองบางกุ้งซึ่งน้ำแห้งขอดจากปัญหาภัยแล้ง เมื่อมีการขุดคลองและสร้างเขื่อนประตูระบายน้ำขึ้นใหม่ทำให้ดินสไลด์ตัวละทำให้ถนนทรุด เบื้องต้นงปิดกั้นห้ามสัญจรไปมาชั่วคราว

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top