นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่ติดตามการแก้ปัญหาของกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงโคขุนในพื้นที่หมู่บ้านสหกรณ์หุบกะพง จ.เพชรบุรี ซึ่งประสบปัญหาเรื่องวัตถุดิบในการผลิตอาหารโคขุนมีราคาสูงขึ้น อีกทั้งในแต่ละเดือนต้องไปซื้อวัตถุดิบที่นำมาเป็นส่วนผสมอาหารข้น ได้แก่ ข้าวโพดอาหารสัตว์ป่น ปาล์มเนื้อในมันบดกากถั่วเหลือง จาก จ.อุทัยธานี ซึ่งระยะทางในการขนส่งไกลจาก จ.เพชรบุรี ทำให้ต้นทุนการผลิตอาหารสัตว์เพิ่มสูงขึ้น สำหรับการจัดหาวัตถุดิบเพื่อการผสมอาหาร ทางกลุ่มฯ จะจัดหามาจำหน่ายให้กับสมาชิก แต่หากมีปริมาณที่เกินความต้องการของสมาชิกภายในกลุ่มฯ ก็นำไปจำหน่ายให้กับบุคคลภายนอก เพื่อเป็นการสร้างรายได้ให้กับสมาชิกกลุ่มฯ ขณะที่สูตรอาหารสำหรับเลี้ยงโค ทางกลุ่มเริ่มต้นจากการทดลองผสมอาหารตามประสบการณ์ เพื่อให้ได้สูตรอาหารที่เหมาะสมกับการเลี้ยงโค จึงมีการทดลองหลายครั้งกว่าจะประสบผลสำเร็จ ซึ่งโคที่ได้รับอาหารจากสูตรอาหารดังกล่าว มีความเจริญเติบโตและน้ำหนักเพิ่มขึ้นสามารถนำไปจำหน่ายได้ ส่วนเครื่องผสมอาหารที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบัน ทางกลุ่มฯมีการจัดระดมทุนจากสมาชิกกลุ่มฯ เพื่อซื้อเครื่องผสมอาหาร และมอบให้ตัวแทนกลุ่มฯเป็นผู้ดำเนินการผสมอาหารตามสูตรมาตรฐานและกระจายอาหารให้แก่สมาชิกภายในกลุ่ม และสิ้นปีมีการปันผลกำไร คืนให้แก่สมาชิกด้วย
นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเรื่องราคารับซื้อโคขุนตกต่ำ เนื่องจากพ่อค้าคนกลางไม่เข้ามารับซื้อ ทำให้เกษตรกรต้องขุนโคล่วงเวลาที่สามารถส่งขายได้เกิน 4 เดือน เกษตรกรจึงต้องแบกรับภาระต้นทุนอาหารโคที่ต้องขุนเพื่อรอเวลาพ่อค้ามารับซื้อ อีกทั้งปริมาณความต้องการขายเนื้อโคขุนในตลาดภายในประเทศมีมากขึ้นเพราะมีเกษตรกรผู้เลี้ยงโคขุนมีจำนวนเพิ่มขึ้น ส่วนปริมาณความต้องการซื้อจากตลาดส่งออกไปประเทศเวียดนามลดลง เนื่องจากเกษตรกรในประเทศเวียดนามมีการเลี้ยงโคขุนไว้บริโภคเองภายในประเทศมากขึ้นในปัจจุบัน
“ทางกรมได้หาแนวทางแก้ไขปัญหาให้กับสมาชิกสหกรณ์การเกษตรหุบกะพง จำกัด เร่งหาทางลดต้นทุนการเลี้ยงและวัตถุดิบในการผสมอาหาร ในเบื้องต้นทางกลุ่มผู้เลี้ยงโคขุนควรจะได้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้การเลี้ยงโคแบบคอกรวมกับทางสหกรณ์ในจังหวัดอื่นที่ดำเนินการแล้วประสบผลสำเร็จ เช่น สหกรณ์นิคมลานสัก จำกัด จังหวัดอุทัยธานี สหกรณ์นิคมพิชัย จำกัด จังหวัดอุตรดิตถ์ และสหกรณ์ผู้เลี้ยงโคขุนในเขตปฏิรูปที่ดินปางศิลาทอง จำกัด จังหวัดกำแพงเพชร เพื่อที่จะนำแนวทางการเลี้ยงโคขุนแบบคอกรวมมาปรับใช้ในการแก้ไขปัญหาเรื่องต้นทุนการเลี้ยงโคขุนให้ลดลงได้ ซึ่งในเบื้องต้นได้มีการวางแผนให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคขุนในหมู่บ้านหุบกะพงนำโคมาเลี้ยงรวมกันในลักษณะคอกรวม 500 ตัว เนื้อที่ 3-4 ไร่ รายละ 10 ตัว คอกละ 50 ตัว คนเลี้ยง 5 คน มีการวางระบบควบคุม ทั้งสูตรอาหารและการบริหารจัดการภายในคอกรวม ซึ่งจะช่วยให้ต้นทุนในการเลี้ยงโคขุนลดลงได้ นอกจากนี้ กรมจะสนับสนุนให้กลุ่มผู้เลี้ยงโคขุนเดินทางไปศึกษาดูงานการเลี้ยงโคขุนของสมาชิกสหกรณ์ที่ประสบความสำเร็จในจังหวัดต่างๆ เพื่อจะได้ศึกษา แลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อเกิดแนวคิดที่สอดคล้องกับพื้นที่และวิถีชีวิตท้องถิ่น และพัฒนากลุ่มผู้เลี้ยงโคขุนในหมู่บ้านสหกรณ์หุบกะพง โดยกรมจะให้การสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินงานและจะสนับสนุนเครื่องผสมอาหารสัตว์โคขุนผ่านไปยังสหกรณ์ เพื่อนำไปดูแลและให้บริการแก่สมาชิกต่อไป” อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี