ถกงบปี57วาระ2ดุเดือด
“แจ๊ค”ถล่มสภาฯ
นาฬิกาเรือนละ7.5หมื่น
เปิดช่องทุจริตมโหฬาร
แฉราคาตลาดแค่2หมื่น
ขุนค้อนสาบานไม่มีเอี่ยว
ปู่ชัยซัดรบ.ดองงานฝ่ายค้าน
ตามฟอร์มปูเซ็นชื่อ-ชิ่ง
มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม เวลา 09.30น.โดยนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.2557 วงเงินงบประมาณ 2,525,000,000,000 บาท ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญ (กมธ.) พิจารณาเสร็จแล้ว ในวาระที่2 การประชุมหนนี้ มีการถ่ายสดผ่านสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ ช่อง 11 สถานีโทรทัศน์รัฐสภา และวิทยุรัฐสภา ตลอดการประชุม
จากนั้น นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญฯได้นำเสนอรายสรุปสาระสำคัญต่อที่ประชุมว่า กมธ.เริ่มทำงานตั้งแต่วันที่ 5 มิ.ย.-30ก.ค.รวมเวลา 39วัน พิจารณารายละเอียดของหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอื่น กองทุนและเงินทุนหมุนเวียน ที่ได้รับงบประมาณรวม 463 หน่วยงาน และรัฐวิสาหกิจที่ไม่ได้รับงบประมาณ รวม 12 หน่วยงาน ปรับลดงบประมาณลง 31,899,360,300 บาท เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายสำคัญของรัฐบาลและยุทธศาสตร์ของประเทศ เป้าหมายการดำเนินการ ผลการดำเนินการจริง ระยะเวลาและความสามารถในการใช้จ่ายงบประมาณ กมธ.ให้ความสำคัญกับการนำผลการใช้จ่ายจริงในปีงบประมาณที่ผ่านมาเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาอย่างเข้มงวด ตลอดความพร้อมในการดำเนินงาน
วัชระกรีดซื้อนาฬิกาโคตรแพง
จากนั้น เวลา 10.00น.ที่ประชุมได้เริ่มพิจารณาเรียงตามรายมาตรา ซึ่งมีจำนวน 35 มาตรา โดยสมาชิกเริ่มอภิปรายที่ มาตรา 3 ภาพรวมงบประมาณปี57
โดย นายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายเป็นคนแรกตามที่สงวนความเห็นให้ปรับลดงบประมาณฯลง 0.1 เปอร์เซ็นต์ว่า เนื่องจากพบว่า โครงการจัดซื้อจัดจ้างต่างๆ ของรัฐสภา เช่น นาฬิกาเรือนละ 7.5 หมื่นบาท จำนวน 200 เรือน, การเปลี่ยนแปลงงบประมาณเพื่อปรับปรุงพื้นที่รัฐสภา เช่น ห้องจำหน่ายตั๋วเครื่องบิน, รถประจำทาง, รถไฟ นอก จากนั้นใช้งบ 5 ล้านบาทปรับปรุงห้องสื่อมวลชนที่ถือว่าแพงที่สุดในโลก, โครงการปรับปรุงห้องประชุมงบประมาณ 36 ล้าน โครงการพาชมทุ่งดอกกระเจียว จ.ชัยภูมิ 3.3 ล้านบาท,ค่าต้อนรับประธานสภาเกาหลีใต้10 ล้าน
เปิดช่องทุจริตเงินแผ่นดิน
นายวัชระ ซึ่งมีฉายาว่า”แจ็คผู้ฆ่ายักษ์”ยังอภิปรายต่อว่า นอกจากนั้นตามร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี2557 มีการตั้งงบประมาณไว้ 80 ล้านบาทเพื่อจัดซื้อไมโครโฟนติดตั้งในห้องประชุมสภาฯ, จัดงบประมาณ 30 ล้านบาท เพื่อติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิดในพื้นที่รัฐสภา และในห้องเลขาธิการสภา จำนวน 40 ล้านบาท นอกจากนั้นแล้วยังใช้งบประมาณ 2.3 ล้านบาทต่อปีเพื่อจ้างบริษัทเอกชนดำเนินการจัดเก็บขยะในรัฐสภา จากเดิมที่จ้างหน่วยงานของกรุงเทพมหานครในราคา 1 หมื่นบาทต่อปี
“ในชั้นกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ เลขาธิการสภาฯ อ้างว่าเป็นไปตามดำริของประธานสภาฯ และตามที่กรรมาธิการฯ ร้องขอเอกสารจัดซื้อจัดจ้าง ก็ไม่ได้รับเอกสารดังกล่าวแต่อย่างใด ทั้งนี้เหตุที่ผมขอปรับลดงบประมาณเพราะไม่เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล อีกทั้งมีการเปิดช่องให้มีการทุจริตโครงการต่างๆ “ นายวัชระ อภิปราย
ขุนค้อน”สาบาน”ไม่รู้เรื่องด้วย
ระหว่างการอภิปรายของนายวัชระ ที่นานกว่า 1 ชั่วโมง ส.ส.พรรคเพื่อไทยได้มีการทักท้วงเรื่องการอภิปรายอยู่เป็นระยะๆ รวมถึงขอให้สละสิทธิ์การอภิปรายแต่ก็ไม่เป็นผล ทำให้นายสมศักดิ์ เกียรตสุรนนท์ กล่าวต่อที่ประชุมว่า สำหรับโครงการจัดซื้อจัดจ้างในรัฐสภา ตนไม่ทราบมาก่อน ตนขอสาบานต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ว่าตนไม่ทราบ และรู้หลังจากที่เป็นข่าวไปแล้ว
ทั้งนี้ตนได้เรียกนายสุวิจักขณ์ นาควัชระชัย เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร มาสอบถาม โดยนายสุวิจักขณ์ ยืนยันว่าทำถูกต้องและพร้อมชี้แจงในทุกประเด็น แต่ตนขอเอกสารอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรแล้ว อย่างไรก็ตามการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯปี 2557 อย่าพูดทำให้บุคคลอื่นเสียหาย หรือกล่าวหาบุคคลอื่นว่าทุจริตหรือโกง หากจะอภิปรายต่อขอให้ระบุในกรอบของร่างพ.ร.บ.งบประมาณ
“ขอให้พิจารณาในกรอบ คำว่าโกง หรือทุจริต แม้แต่การอภิปรายไม่ไว้วางใจยังห้ามพูด เพราะถ้าจะพูดเรื่องดังกล่าวก็ต้องยื่นถอดถอนด้วย แต่หากอยากพูดขอให้ยื่นญัตติไม่ไว้วางใจวันนี้เลย แล้วผมจะบรรจุให้ นี่เป็นการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณวาระสอง ไม่เกี่ยวข้องกับการทุจริต ผมไม่ได้สกัดการอภิปราย” นายสมศักดิ์ วินิจฉัย
ด้านนายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฎ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า การอภิปรายเรื่องการใช้เงินของรัฐสภานั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทำหน้าที่ฝ่ายบริหารที่ต้องยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ดังนั้นการตรวจสอบการใช้จ่ายเงินของรัฐสภา ถือว่า ส.ส.วัชระ ปฎิบัติหน้าที่ถูกต้องแล้ว
“วิทยา”แจงเป็นงบประมาณปี55
นายวิทยา บูรณศิริ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานกรรมาธิการฯ ชี้แจงว่างบประมาณในการปรับปรุงซ่อมแซมอาคารรัฐสภา โดยเฉพาะห้องประชุมงบประมาณ จำนวน36ล้านบาทนั้น เป็นงบประมาณในปี 2555 โดยไม่เกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณปี 2557แต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการถกเถียงในประเด็นดังกล่าวและช่วงที่นายวัชระอภิปรายได้ใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง จึงเข้าสู่การอภิปรายตามที่มีผู้เสนอคำแปรญัตติ มาตรา 3 ภาพรวมงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 ต่อไป
เว็ปแนวหน้าขุดนาฬิกาฉาว
วันเดียวกัน www.naewna.com ได้เสนอเรื่องนาฬิกาของรัฐสภาราคาเรือนละ7.5 หมื่นบาท มีใจความว่า “ แฉราคานาฬิกาเทียบชัดๆกับราคาที่รัฐสภาจัดซื้อในราคาเรือนละ 7.5หมื่นบาท ขณะที่เว็บไซต์ขายแค่เรือนละ 1.68 หมื่นบาท ชาวเน็ตจวกสิ้นเปลือง”
สารสำคัญโยงถึงประชุมสภาผู้แทนราษฎร นัดพิเศษเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557ในวันที่ 14 ส.ค.นี้ ฝ่ายค้านได้อภิปรายถึงโครงการจัดซื้อจัดจ้างต่างๆของรัฐสภาพร้อมตั้งข้อสังเกตว่าใช้งบประมาณมากเกินกว่าความเป็นจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดซื้อนาฬิกาติดผนังยี่ห้อ Bodet ของอังกฤษ รุ่น Cristalys Date ที่มีการจัดซื้อจำนวน 200 เรือนโดยใช้งบประมาณกว่า 15 ล้านบาท หรือคิดเป็นราคาเรือนละ 75,000บาท
ทั้งนี้ในโลกออนไลน์ต่างมีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องดังกล่าวอย่างกว้างขวาง โดยชาวอินเทอร์เน็ตต่างร่วมตรวจสอบราคานาฬิกาดังกล่าวจากเว็บไซต์ต่างๆในต่างประเทศและพบว่า นาฬิการุ่นที่รัฐสภาจัดซื้อ มีราคารขายเฉลี่ยแค่ 16,800 - 25,000บาทเท่านั้น และการจัดซื้อนาฬิกาของรัฐสภาเป็นการใช้งบประมาณที่สิ้นเปลือง
เผยราคาท้องตลาดไม่ถึง2หมื่น
เว็บไซต์ www.bri-gmbh.de ในเยอรมันขายนาฬิกาติดผนังรุ่นดังกล่าวในราคาเรือนละ 420 ยูโร ตกเรือนละ 16,800 บาท (1ยูโร = 40 บาท) หากสั่งซื้อ 200 เรือน =16,800x200 =3,360,000 บาท ขณะที่เว็บไซต์ www.timingireland.com ขายนาฬิการุ่นนี้ในราคายังไม่รวมภาษีที่ 428 ยูโร หรือเรือนละ 17,120 บาท
ก่อนหน้านั้น นายสุวิจักขณ์ นาควัชระชัย เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ชี้แจง เรื่องจัดซื้อนาฬิกาแขวนผนัง 200 เรือน มูลค่ากว่า 15 ล้านบาท ว่า เป็นหนึ่งในโครงการ จัดซื้อจัดจ้าง ที่ได้ตั้งขึ้นมาตั้งแต่อดีตเลขาธิการสภาฯ ซึ่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว ทำให้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ และนาฬิกาดังกล่าว เป็นยี่ห้อที่ดีที่สุดของทวีปยุโรป และสาเหตุที่ต้องจัดซื้อจำนวนมาก เพราะต้องนำไปติดตามห้องประชุมคณะกรรมาธิการต่างๆ เพื่อให้ ส.ส.และ ส.ว.ได้ทราบเวลา
ชูวิทย์ชี้สิ้นเปลืองงบประมาณ
ขณะที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า นาฬิกาดังกล่าวติดอยู่ทั่วพื้นที่ของรัฐสภา มีทั้งติดอยู่เหนือประตูห้องสูบบุหรี่ของ ส.ส. ใกล้ห้องอาหาร นาฬิกานี้มีมูลค่า 75,000 บาทต่อเรือน แน่นอนว่า เป็นราคาที่ "สูงมาก" และผมก็ไม่เห็นเหตุผลใด ที่จะต้องซื้อนาฬิกาเรือนละ 75,000 บาท เพื่อเอามาแขวนเหนือประตูห้อง ไม่ว่า จะเป็นห้องทำงาน ห้องสูบบุหรี่ หรือ ห้องน้ำผมไม่อยาก "โต้เถียง" ถึงการสิ้นเปลืองเงินจากผู้เสียภาษี แต่นี่มันมากเกินไป นาฬิกา"ไซโก้" ราคา 1,500 บาท ก็ใช้แขวนได้ เดินตรงเวลา และทนทาน
ส.ว.ประสงค์ยำแพงเกินเหตุ
นายประสงค์ นุรักษ์ ส.ว.สรรหา กล่าวว่าตอนนี้มีการสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ที่เกียกกาย แต่ทำไมถึงปรับปรุงรัฐสภาเก่ากันถึงขนาดนี้
ส่วนเรื่องการจัดซื้อนาฬิกา ตนสงสัยว่า ทำไม มีราคาแพงเกินเหตุถึงเรือนละ 70,000-80,000บาท ซึ่งค่อนข้างผิดปกติ ทั้งนี้ ตนรู้สึกว่า นาฬิกาในรูปแบบอื่นๆ ทีมีราคาถูกกว่า ก็สามารถดูเวลาวันเดือนปีได้ไม่แตกต่างกัน
"ปู"เซ็นชื่อประชุมก่อนชิ่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการประชุมสภาหนนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เดินทางมาเซ็นชื่อเข้าร่วมการประชุมก่อนออกไปปฏิบัติภารกิจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับการประชุมในช่วงบ่ายยังคงเป็นมาตรา 3 ทางนายกนก วงศ์ตระหง่าน สส.บัญชีรายชื่อ ประชาธิปัตย์ ในฐานะ กมธ.เสียงข้างน้อย อภิปรายว่า ขอปรับลดงบประมาณ 5% เนื่องจากไม่มีผลต่อการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ไม่ได้ทำให้ขีดความสามารถแข่งขันประเทศดีขึ้น ไม่ได้ทำให้ความเหลื่อมล้ำในสังคมดีขึ้น เพราะจากงบประจำปี57 แบ่งเป็นงบประจำ 80% งบลงทุน 20% และมีเพียง4 % ที่นำไปลงทุนแก้ไขปัญหาประเทศ ซึ่งเป็นการใช้ประคองสถานการณ์ประเทศอยู่ในสถานการณ์เลวร้าย ทั้งเศรษฐกิจและการเมืองที่ขัดแย้ง ความเหลื่อมล้ำ ซึ่งไม่ได้แก้ไขปัญหาที่แท้จริง
“ปู”ชัยแฉงบค้างท่อเพียบ
ด้านนายชัย ชิดชอบ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะ กมธ.เสียงข้างน้อย อภิปรายว่าขอปรับลดงบลง 5 % เพราะเห็นว่างบปี 2556 ยังเบิกจ่ายไม่หมดเหลือถึง 1.7 แสนล้านบาท อีกทั้งงบประมาณที่ยังเหลือก็สร้างความยุ่งยากให้กับกรมบัญชีกลาง สำนักงบประมาณ ซึ่งไม่มีบุคคลากรเพียงพอในการจัดการปัญหานี้ ปัญหาที่สำคัญก็คือรัฐบาลกั๊กงบประมาณส่วนที่เหลือไว้ทำไม โดยไม่นำมาใช้พัฒนาประเทศ
“ผมทราบมาว่าข้าราชการอยากใช้งบฯให้หมด แต่ผู้มีอำนาจกั๊กเงินเอาไว้ฝ่ายค้านก็เอามาใช้ไม่ได้ ผมก็เห็นใจฝ่ายค้าน ชาวบ้านก็รองบประมาณในการพัฒนาแหล่งน้ำ ถนนและการแก้ปัญหาอีกร้อยแปดเรื่อง แต่รัฐบาลก็เอาเงินไปเก็บไว้ไม่นำมาใช้ตามแผนงาน จึงฝากไปยังรัฐบาลว่าในปีนี้ขอให้รีบเบิกจ่ายงบประมาณให้เร็วที่สุด”นายชัย กล่าว
ส่วนนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายขอปรับลดงบประมาณกระทรวงคมนาคม2 เปอร์เซ็น พร้อมกับให้รัฐบาลทบทวนโครงการรถไฟความเร็วสูงทุดสาย ที่อาจมีผลกระทบตามมา ทั้งตั้งข้อสังเหตุว่างบประมาณรองรับปัญหาต่างๆที่ตามมาจะเพียงพอหรือไม่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี