แล้วคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็มีมติให้ยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ยก 3 คดีสุดอื้อฉาวในอดีตที่ศาลต้องจำหน่ายคดีชั่วคราวเนื่องจากผู้ต้องหาหลบหนีคดีขึ้นมาพิจารณาใหม่ ทั้งนี้เป็นไปตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาความอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ฉบับใหม่ที่กำหนดให้ศาลสามารถพิจารณาคดีลับหลังจำเลยได้
3 คดีสุดอื้อประกอบด้วย 1.คดีทุจริตโครงการหวยบนดิน ซึ่งมี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯนักโทษหนีคุก และพวกทั้งบรรดาอดีตรัฐมนตรีและอดีตผู้บริหารสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ยุครัฐบาลทักษิณรวม 47 คน เป็นจำเลย โดยคดีนี้มีการทุจริตรายได้จากโครงการหวยบนดินเป็นมูลค่าหลายหมื่นล้านบาท 2.คดีทุจริตกรณี นายทักษิณสั่งการให้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้า หรือเอ็กซิมแบงก์ อนุมัติเงินกู้ให้รัฐบาลพม่า มูลค่า 4,000 ล้านบาท ในอัตราดอกเบี้ยต่ำเป็นกรณีพิเศษ โดยมีเงื่อนไขให้รัฐบาลพม่านำเงินกู้ไปซื้ออุปกรณ์ด้านการสื่อสารโทรคมนาคมจากบริษัทเครือชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งคดีนี้มี นายทักษิณ เป็นจำเลย 3.คดีทุจริตการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงของกทม.ยุครัฐบาลทักษิณ โดยคดีนี้มี นายโภคิน พลกุล อดีตรองนายกฯ และพรรครวม 6 คน เป็นจำเลย
ขณะเดียวกันหลังจากที่ก่อนหน้านี้ นายเข็มชัย ชุติวงศ์ อัยการสูงสุด ได้ลงนามยื่นคำร้องเพื่อขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองยกเลิกคำสั่งจำหน่ายคดีชั่วคราว
เนื่องจากจำเลยหลบหนี คดีที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายทักษิณ ฐานทุจริตโดยรัฐบาลทักษิณในอดีตใช้อำนาจออกกฎหมายแปลงสัมปทานสัญญาณโทรคมนาคมและโทรศัพท์มือถือเป็นภาษีสรรพสามิตซึ่งสร้างความเสียหายแก่รัฐเป็นมูลค่าหลายหมื่นล้านบาท ทั้งนี้เป็นไปตามร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาความอาญาฉบับใหม่ ล่าสุดที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาได้ตั้งองค์คณะผู้พิพากษา 9 คน เพื่อพิจารณาพิพากษาคดีนี้แล้ว
มาทางด้าน นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายหัวแก้วหัวแหวน ของนายทักษิณ ต้องเผชิญกรรมเก่าไม่แพ้ผู้เป็นพ่อจากคดีทุจริตธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้ให้กับกลุ่มบริษัทกฤษดามหานคร
ทำให้รัฐเสียหายเป็นมูลค่ากว่า 10,000ล้านบาท โดยคดีนี้ นายทักษิณ เป็นจำเลยที่ 1 ฐานใช้อำนาจนายกฯสั่งการให้ธนาคารกรุงไทย ปล่อยกู้ให้บริษัทกฤษดามหานครทั้งๆ ที่ถูกขึ้นบัญชีดำเป็นบริษัทกลุ่มเสี่ยงหนี้สูญ ซึ่งก่อนหน้านี้ศาลฎีกามีคำพิพากษาจำคุกอดีตผู้บริหารธนาคารกรุงไทยและผู้บริหารกลุ่มบริษัทกฤษดามหานครกว่า 10 คน ซึ่งขณะนี้ใช้กรรมอยู่ในเรือนจำ
สำหรับ นายพานทองแท้ ถูกดำเนินคดีในข้อหาฟอกเงินโดยมีเบาะแสรับเช็คมูลค่านับสิบล้านบาท จากผู้บริหารกฤษดามหานคร
ภายใต้ภาวะกรรมจากคดีต่างๆ ในอดีตทยอยตามเช็คบิลสองพ่อลูกตระกูลชิน สำหรับนายทักษิณ ผู้พ่อคงไม่อนาทรร้อนใจเท่าใดนักเพราะเคยชินกับการหนีคดีเสพสุขอยู่ในต่างแดนมานาน
หลายปีแล้ว แต่ที่ครอบครัวตระกูลชินกำลังวิตกอย่างหนักก็คือชะตากรรมของ นายพานทองแท้หากคิดจะหลบหนีคงไม่ง่ายเหมือน น.ส.ยิ่งลักษณ์ชินวัตร อดีตนายกฯหุ่นเชิด ซึ่งหนีคำพิพากษาจำคุก5 ปี โดยไม่รอลงอาญาคดีโครงการรับจำนำข้าว
ด้วยเหตุนี้ในช่วงหลังจึงเห็นอาการเครียดและการออกมาแสดงท่าทีเหมือนท้อแท้ลดความแข็งกร้าวทางการเมืองลงของ นายพานทองแท้ โดยก่อนหน้านี้ นายพานทองแท้ เพิ่งจะโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊คส่วนตัวซึ่งมีสาระสำคัญสรุปได้ว่า ต้องการชีวิตครอบครัวที่อบอุ่นกลับคืนมาโดยที่ไม่มีคนหนึ่งคนใดในครอบครัวต้องการที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีกเลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นไปได้จริงจะเป็นของขวัญที่มีค่ามากที่สุดสำหรับตัวเองและตระกูลชิน
ขณะที่ล่าสุด น.ส.แพทองธาร ชินวัตรหรือ “อุ๊งอิ๊ง” บุตรสาวคนสุดท้องของ นายทักษิณและ น้องสาวของ นายพานทองแท้ เผยแพร่ข้อความทางเฟซบุ๊คว่า “คนล้มอย่าข้าม จริงๆ
นะบางที่คนเราทำผิดพลาดพลั้งไปด้วยการกระทำหรือคำพูด ว่าเค้าเพื่อให้เค้ารู้ตัวแก้ไขเข้าใจได้ แต่ไม่ต้องกดจนเค้าต่ำสุด หาคำว่า“อภัย” ให้เจอในหัวใจของเรา มันต้องมีคำนี้แน่ๆ และมันคงไม่ยากจนเกินไปที่จะทำ เพราะวันนึงถ้าเราพลาด เราคงอยากจะให้คนอื่นให้อภัยเราเหมือนกัน”
เรื่องการให้อภัยเมตตากรุณานั้นฝังอยู่ในสายเลือดจิตใจของคนไทยอยู่แล้ว แต่ต้องแยกแยะไม่เอาไปปะปนกับคดีสร้างความเสียหายแก่ชาติบ้านเมืองอย่างร้ายแรงซึ่งคงอภัยให้กันไม่ได้และต้องพิสูจน์ความผิดถูกตามกระบวนการยุติธรรมโดยศาล
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี