ผลสุ่มตัวอย่างสำรวจความเห็นประชาชนทั่วประเทศในหัวข้อ"เส้นทางการเลือกตั้งสู่ประชาธิปไตยไทยนิยม" ของศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพหรือกรุงเทพโพลครั้งล่าสุดหากเป็นโพลที่สำรวจอย่างมืออาชีพตรงไปตรงมาไม่มีเบื้องหลังแอบแฝงนับว่าสะท้อนให้เห็นถึงเค้าลางสัญญาณเสื่อมมากขึ้นของอำนาจรัฐคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)โดยเสียงสะท้อนของประชาชนในประเด็นที่ถามว่า คิดอย่างไรกับการเลือกตั้งที่จะมาถึงในเรื่องการสรรหานายกฯคนนอก ผลปรากฏว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ถึงร้อยละ 70.6 เห็นว่านายกฯควรมาจากการเลือกตั้งเท่านั้น ขณะที่มีเพียงร้อยละ 29.4 เห็นว่านายกฯมาจากคนนอกได้หากส.ส.ไม่สามารถเลือกนายกฯกันเองได้
ต่อคำถามที่ว่าคิดอย่างไรกับแนวคิดประชาธิปไตยแบบไทยนิยมของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ หัวหน้าคสช. ส่วนใหญ่ร้อยละ 29.1 เห็นว่าจะไม่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองใดๆเลย รองลมาร้อยละ 27.9 เห็นว่าจะทำให้กลายเป็นประชาธิปไตยกึ่งรัฐบาลทหาร และร้อยละ 22.5 เห็นว่าทำให้คนปรองดองไม่ขัดแย้ง ไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย
และในคำถามที่ว่า หากวันนี้มีสิทธิออกเสียงเลือกนายกฯ จะออกเสียงสนับสนุน
พล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่ปรากฏว่าสัดส่วนผู้สนับสนุนและไม่สนับสนุนใกล้เคียงกันมากโดยส่วนใหญ่ร้อยละ 36.8 จะสนับสนุน ขณะที่ร้อยละ 34.8 จะไม่สนับสนุน โดยร้อยละ 28.4 งดออกเสียง
ซึ่งผลสำรวจในประเด็นนี้ยังสะท้อนสัญญาณที่ว่า กองหนุนที่เคยสนับสนุน นายกฯบิ๊กตู่ ลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับช่วงหลังการยึดอำนาจของคสช.ใหม่ๆ
ไม่แต่เฉพาะกรุงเทพโพล ที่ผ่านมาผลสำรวจของโพลหลายสำนักต่างสะท้อนอย่างสอดคล้องกันโดยชี้ให้เห็นสัญญาณเสื่อมที่นับวันจะมากขี้นตามลำดับของอำนาจรัฐคสช. โดยสาเหตุสำคัญมาจากความล้มเหลวในการแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนในระดับฐานราก การปฏิรูปประเทศที่ยังไม่เห็นผลเป็นรูปธรรมชัดเจนทั้งๆที่อำนาจรัฐคสช.ควบคุมอำนาจการปกครองประเทศมาเกือบ 4 ปี
และที่เป็นวิกฤติศรัทธาเฉพาะหน้าของอำนาจรัฐคสช.ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันเชื่อว่าเกิดจากการสะดุดขาตัวเองใน2 เรื่องสำคัญคือ กรณีเอื้อฉาวนาฬิกาหรูเกือบ 30 เรือนมูลค่าหลายสิบล้านบาทของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ที่ส่อไปในทางไม่โปร่งใสและมีความพยายามที่จะปิดบังอำพรางเบื้องหลังความจริงที่ซ่อนอยู่ รวมทั้งไปถึงการที่คณะกรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ(พรป.)ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มีความเห็นยืดเวลาการประกาศใช้กฏหมายเลือกตั้งออกไปอีก 90 วันหลังการประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษา อันทำให้การเลือกตั้งทั่วไปตามโรดแม็บที่เดิม นายกฯลุงตู่ ประกาศทั้งต่อนานาประเทศและคนทั้งประเทศว่าจะมีขึ้นในเดือน พ.ย.ปีนี้ต้องเลื่อนออกไปอีก 3 เดือนท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นความพยายามที่จะสืบทอดอำนาจของอำนาจรัฐคสช.
นักสังเกตุการณ์ทางการเมืองประเมินว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้อำนาจรัฐคสช.เผชิญวิกฤติศรัทธาอย่างหนักและส่อเค้าลุกลามบานปลายมากขึ้นก็คือ กรณีอื้อฉาวนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร เพราะข้ออ้างของ พล.อ.ประวิตร ที่ว่านาฬิการาคาแพงหลายสิบเรือนเป็นของที่เพื่อนให้ยืมใส่และขณะนี้คืนเพื่อนไปหมดแล้วเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นและเหมือนหลอกคนทั้ประเทศ
เรื่องนี้ยิ่งหากหาก พล.อ.ประวิตร ด้วยการยุยงส่งเสริมคนแวดล้อมไม่ให้แสดงสปิริตลาออกโดยหวังว่าในที่สุดกระแสวิกฤติศรัทธาจะซาไปเองถือเป็นการประเมินที่อันตรายยิ่งต่อวิกฤติศรัทธาที่จะลุกลามบานปลายจนส่งผลกระทบทั้งต่อ พล.อ.ประยุทธ์ รัฐบาลรวมทั้งคสช. โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากผลการสอบสวนของคณะกรรมการปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ที่มี
พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ซึ่งเป็นลูกน้องเก่าของ พล.อ.ประวิตร เป็นประธานออกมาในลักษณะตะแบงปกป้อง พล.อ.ประวิตร แบบค้านสายตามหาชนจะยิ่งสุมไฟกรณีอื้อฉาวที่เกิดขึ้นให้เป็นชนวนระเบิดเวลาลูกใหญ่จากการรุมขย่มจากหลายฝ่ายโดยเฉพาะจากขบวนการที่จ้องล้มรัฐบาล หรือแม้แต่กองหนุนที่เคยเชียร์ คสช.ก็รับไม่ได้กับกรณีของ พล.อ.ประวิตร
กรณีอื้อฉาวนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร ทำให้คำชี้แจงผลงานในเรื่องดีๆเกี่ยวกับรัฐบาลถูกกลบและเบี่ยงเบนความสนใจไปจนหมดสิ้น ทำให้การเดินหน้าบริหารประเทศจากนี้ไปจะเป็นไปด้วยความยากลำบากจากวิกฤติศรัทธาความไม่เชื่อถือต่ออำนาจรัฐคสช.ในเรื่องความไม่โปร่งใสและปกป้องพวกเดียวกันเอง
เพราะฉะนั้นตราบใดที่ในกรณีนาฬิกาหรูของพล.อ.ประวิตรยังยืดเยื้อโดยไม่ตัดไฟแต่ต้นลม ด้วยการแสดงสปิริตของ พล.อ.ประวิตรเพื่อผ่อนหนักเป็นเบา กรณีสุดอื้อฉาวนี้ก็จะกลายเป็นกระแสบ่อนทำลายแบบรายวันอย่างต่อเนื่องจนเรื่องในด้านบวกของอำนาจรัฐคสช.ถูกกลบจนหมดสิ้น
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี