มาตรการแรงงานต่างด้าวที่แสนจะสับสน กำลังเดินทางมาสู่บทสรุปแล้ว มีกฎเกณฑ์ต่างๆ ออกมามากมาย ผมจึงรวบรวมมาเล่าสู่กันฟังโดยสรุปข้อมูลถึง 19 มี.ค. 2561 เท่านั้น
นับเป็นข่าวดีทั้งฝ่ายนายจ้างและลูกจ้างแรงงานต่างด้าว ที่รัฐบาลยังไม่กวดขันบังคับใช้กฎหมาย และพอมีเวลาให้ดำเนินการเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับแรงงานต่างด้าวให้ถูกต้อง
ตามกระบวนการปกติแล้ว จะมีแรงงานต่างด้าวได้ จะต้องทำเรื่องแรงงานจะเข้าประเทศไทยมาก่อน กล่าวคือ หากนายจ้างต้องการใช้แรงงานต่างด้าวจะต้องทำตามขั้นตอนที่ไทยทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) ไว้กับประเทศเพื่อนบ้านทั้ง 3 ประเทศ ด้วยการแจ้งกับกรมการจัดหางานว่าต้องการแรงงานต่างด้าวกี่คน พร้อมสเปกที่ต้องการ แล้วกรมการจัดหางานจะไปแจ้งต่อสถานทูตแต่ละประเทศ เพื่อขอให้หน่วยงานราชการที่เหมือนกรมการจัดหางานของประเทศนั้นๆ จัดหาแรงงานตามที่ได้ขอไป หากผู้จ้างฝั่งไทยตกลง ก็จะแจ้งกลับไปกรมการจัดหางานของประเทศนั้น เพื่อให้แรงงานไปขอวีซ่ากับสถานทูตไทย แล้วเดินทางผ่านชายแดนเพื่อตรวจวีซ่าและขอใบอนุญาตทำงานในประเทศไทย(Work Permit)
ถ้าแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาตาม MOU คงไม่มีปัญหาอะไร แต่ปัญหาคือ แรงงานต่างด้าวเข้าประเทศไทยมาแล้วและเข้ามาโดยผิดกฎหมายนั่นเอง การจะให้แรงงานต่างด้าวที่ทำงานกับเราในประเทศอยู่แล้ว ต้องเดินทางกลับประเทศไป เพื่อรอให้เราทำเรื่องขอตัวกลับมาตามขั้นตอน MOU ที่ถูกต้อง มีโอกาสสูงว่าแรงงานที่เราขอไปอาจไม่ได้คนเดิมกลับมา เพราะด้วยขั้นตอนที่ยุ่งยาก และการที่ให้คนงานถือเงินของนายจ้างกลับบ้านไปทำเอกสาร ก็อาจจะ
ไม่ได้กลับทั้งคนและเงิน
วิธีแก้ไขปัญหาคือ นายจ้างควรไปจ้างบริษัทเอเจนซี่แรงงานที่ขึ้นทะเบียนกับกรมการจัดหางานกว่า 128 แห่ง ให้ประสานงานให้จะง่ายกว่ามาก เพราะส่วนมากเค้าจะมีทีมงานช่วยในประเทศต้นทางอยู่แล้ว แต่ก็แปลกดี กฎที่ยึดถือกันขณะนี้คือห้ามบริษัทเหล่านี้โฆษณาตัวเอง เอาล่ะครับถึงอย่างไรก็ยังถือว่าเป็นวิธีการที่ยุ่งยากและมีราคาแพงอยู่ดี
รัฐบาลจึงกำหนดมาตรการอำนวยความสะดวกให้แรงงานต่างด้าวที่อยู่ในประเทศไทยอยู่แล้ว สามารถทำงานได้ถูกกฎหมาย ด้วยกระบวนการพิสูจน์สัญชาติซึ่งก็คือการออกหนังสือเดินทาง และขอใบอนุญาตทำงานในประเทศไทย โดยไม่ต้องเดินทางออกนอกประเทศตามขั้นตอน MOU
ตอนนี้เราแบ่งแรงงานต่างด้าวในประเทศ ที่ไม่ได้มาตาม MOU ออกเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.) กลุ่มแรงงานต่างด้าวที่รัฐบาลอนุญาตให้ทำงานในประเทศไทยได้ชั่วคราว ได้แก่ แรงงานต่างด้าวที่ลงทะเบียนรับบัตรอนุญาตทำงานชั่วคราว (บัตรชมพู) และแรงงานต่างด้าวที่มีหนังสือรับรองความสัมพันธ์นายจ้าง - ลูกจ้าง (ใบจับคู่) และ 2.) กลุ่มแรงงานต่างด้าว หลบหนีเข้ามาทำงานโดยไม่มีการลงทะเบียนอะไรเลย
• กลุ่มบัตรชมพูและใบจับคู่ •
แรงงานต่างด้าวกลุ่มนี้ คือกลุ่มที่ลงทะเบียนกับรัฐบาล ผ่อนผันให้ทำงานในประเทศไทยได้ชั่วคราว ระหว่างรอการพิสูจน์สัญชาติให้แล้วเสร็จ ซึ่งบัตรชมพูปิดลงทะเบียนไปตั้งแต่ปี 2559 ส่วนใบจับคู่ปิดลงทะเบียนไปตั้งแต่ปีที่แล้ว
แรงงานต่างด้าวกลุ่มบัตรชมพูและใบจับคู่ที่จะหมดอายุลงในวันที่ 31 มี.ค. 2561 นี้ จะต้องไปลงทะเบียนกับศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) ทั่วประเทศ 80 จุดก่อน เพื่อสแกนม่านตา ตรวจร่างกาย แสดงอัตลักษณ์บุคคลเก็บเป็นข้อมูลไว้ ก่อนวันที่ 31 มี.ค.นี้ ถ้าไม่ทำ ก็จะไม่ได้สิทธิ์เพื่อดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายในขั้นตอนต่อไป ตามที่ ครม. มีมติขยายเวลาออกไปจนถึงวันที่ 30 มิ.ย. 2561
ก่อนที่แรงงานต่างด้าวกลุ่มนี้ จะเข้าสู่กระบวนการเพื่อขออนุญาตทำงานในประเทศไทย จะต้องผ่านการพิสูจน์สัญชาติและออกหนังสือเดินทางจากประเทศต้นทางของตัวเองก่อน แต่ไม่ต้องเดินทางกลับประเทศเพื่อทำเรื่องเหล่านี้แล้ว เพราะรัฐบาลของประเทศเพื่อนบ้านเราทั้ง 3 ประเทศ มาตั้งศูนย์พิสูจน์สัญชาติและออกหนังสือเดินทางในประเทศไทยแล้ว ได้แก่ ลาว มีศูนย์ที่ กรุงเทพฯ, กัมพูชา มีศูนย์ที่ กรุงเทพฯ ระยอง, และ พม่า มีศูนย์ที่ สมุทรสาคร สมุทรปราการ ตาก ระนอง เชียงราย เชียงใหม่ นครสวรรค์ สงขลา แต่จะออกหนังสือเดินทางได้ช้าหรือเร็วนั้น ก็ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการศูนย์ ที่แต่ละประเทศต้องดูแลกันเอง
ส่วนแรงงานต่างด้าวกลุ่มบัตรชมพูและใบจับคู่ ที่ผ่านการพิสูจน์สัญชาติและมีหนังสือเดินทางแล้ว สามารถเข้าสู่ขั้นตอนของศูนย์บริการเบ็ดเสร็จได้ทันที ตั้งแต่การตรวจสอบเอกสาร คัดกรอง ตรวจสอบสิทธิ์ประกันสังคม บันทึกข้อมูลประวัติ ตรวจตราลงวีซ่า จนไปถึงการออกใบอนุญาตทำงาน เรียกได้ว่า ให้บริการเสร็จในที่เดียว ไม่ต้องไปที่ไหนต่อ
• กลุ่มที่ไม่ลงทะเบียนกับรัฐบาล •
แรงงานต่างด้าวกลุ่มนี้ จะเป็นกลุ่มที่ไม่มีทั้งบัตรชมพูและใบจับคู่ หรือทำบัตรชมพูและใบจับคู่ไม่ทัน เพราะปิดลงทะเบียนไปแล้ว บุคคลเหล่านี้ไม่อยู่ในข่ายที่จะพิสูจน์สัญชาติภายในประเทศไทยได้ ต้องกลับไปดำเนินการตามขั้นตอนที่ MOU กำหนดไว้เท่านั้น หรือไม่ก็ต้องออกนอกประเทศไป ก่อนกำหนดวันที่ 30 มิ.ย. 2561
ย้ำกันอีกครั้ง กลุ่มแรงงานต่างด้าวที่ยังอยากจะทำงานในประเทศไทยแต่ไม่มีบัตรชมพูหรือใบจับคู่ จะต้องกลับประเทศต้นทางไปเข้าขั้นตอนตาม MOU วิธีง่ายที่สุดคือติดต่อเอเจนซี่แรงงานที่ขึ้นทะเบียนถูกต้องกับสำนักบริหารแรงงานต่างด้าว กรมการจัดหางาน
ส่วนกลุ่มแรงงานต่างด้าวที่มีบัตรชมพูหรือใบจับคู่ ก็ขอให้รีบไปลงทะเบียนแสดงอัตลักษณ์กับศูนย์บริการเบ็ดเสร็จก่อน 31 มี.ค.นี้ ใครมีหนังสือเดินทางอยู่แล้วก็จะได้วีซ่าแรงงานและใบอนุญาตทำงานอายุ 2 ปี หมดอายุ 31 มี.ค. 2563 ส่วนใครไม่หนังสือเดินทางก็จะต้องรอพิสูจน์สัญชาติโดยประเทศต้นทาง เพื่อออกหนังสือเดินทางก่อนโดยจะต้องทำให้เสร็จก่อนหมดเขตวันที่ 30 มิ.ย. 2561
นายจ้างและแรงงานต่างด้าว อย่าชะล่าใจนะครับ เชื่อว่ารอบนี้อาจหมดเขตแล้วหมดเลย เพราะ ครม. เพิ่งมีมติออกมาอีกเมื่อวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา เห็นชอบให้แก้ไข พ.ร.ก.การบริหารจัดการ การทำงานของแรงงานต่างด้าว พ.ศ.2560 ปรับ
ลดโทษ จากเดิมให้ปรับนายจ้างที่มีแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย 400,000 ถึง 800,000 บาทต่อหัว เหลือ 10,000 ถึง 100,000 บาทต่อหัว แต่หากทำผิดซ้ำซากให้จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับ 50,000 ถึง 200,000 บาท และห้ามจ้างแรงงานต่างด้าวเป็นเวลา 3 ปี ซึ่งเมื่อพ้นกำหนดแล้ว บทลงโทษเหล่านี้จะบังคับใช้ทันที ในวันที่ 1 ก.ค. 2561
เป็นต้นไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี