ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือที่หลากหลายคนเรียกสั้นๆ ว่าแบงก์ชาติ มีหน้าที่สำคัญอันดับแรกคือ บริหารจัดการให้ระบบเศรษฐกิจ และการเงินของประเทศดำเนินต่อไปด้วยความเรียบร้อย ราบรื่น โดยมีเป้าหมายสำคัญ เพื่อให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตอย่างมีศักยภาพ มีเสถียรภาพ และมีความยั่งยืน
ที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ ธนาคารแห่งประเทศไทยต้องดำเนินงานด้วยความเป็นอิสระ ไม่ตกอยู่ภายใต้การชี้นำ สั่งการโดยเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวของนักการเมืองคนใดหรือกลุ่มใด หรือรวมถึงกลุ่มอิทธิพลกลุ่มใดๆ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลเผด็จการที่ขึ้นสู่อำนาจด้วยกลอุบายใดก็ตาม
สำหรับประเทศไทยในอดีตเคยเกิดปรากฏการณ์ธนาคารกลางหรือธนาคารแห่งประเทศไทยถูกอำนาจรัฐจากรัฐบาลเผด็จการ รวมถึงรัฐบาลที่ขาดสติ ไร้ปัญญา เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์เฉพาะตน จึงสร้างแรงกดดัน และสร้างข้อเรียกร้องที่ไร้ปัญญาต่อแบงก์ชาติ หรือธนาคารกลางเป็นประจำ
แล้วถ้ายิ่งมีรัฐบาลเผด็จการที่โง่เขลา เบาปัญญา ก็จะใช้อำนาจรัฐปลดผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เพราะรัฐบาลที่ปราศจากปัญญาจะเข้าใจเอาเองว่าธนาคารกลางอยู่ภายใต้อำนาจสั่งการของรัฐบาล
สำหรับรัฐบาลชุดปัจจุบันที่มีหุ่นกระบอกทำหน้าที่เป็นนายกรัฐมนตรี ภายใต้สังกัดพรรคเพื่อไทย ได้สร้างแรงกดดันและสร้างวิวาทะกับธนาคารกลางเป็นระยะๆ แล้วแต่ว่านายกรัฐมนตรีและรัฐบาลจะขาดสติและสิ้นปัญญาในระดับใด
ดังจะพบได้ว่านายกรัฐมนตรีรวมถึงเหล่าบรรดาลิ่วล้อบริวารของผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รวมถึงนักการเมืองไร้ปัญญาจำนวนไม่น้อยในพรรคเพื่อไทยออกมาแสดงความเขลา แล้วใช้อิทธิพลการเมืองกดดันผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยมากขึ้นเรื่อยๆ
จนทำให้ผู้ที่ติดตามประเด็นที่กล่าวข้างต้นแสดงความเป็นห่วงว่าหากยังคงเกิดเรื่องเบาปัญญาเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ในที่สุดจะเกิดความวุ่นวายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งจะส่งผลร้ายต่อประชาชนทุกคน และจะส่งผลเสียหายอย่างหนักต่อความน่าเชื่อถือของเศรษฐกิจไทยในสายตาประชาคมโลก
รัฐบาลที่มีปัญญาโดยแท้จะต้องปล่อยให้ธนาคารกลางดำรงความเป็นอิสระในการตัดสินใจ โดยมีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่เสถียรภาพ และความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยรัฐบาลที่มีปัญญาต้องสำเหนียกตลอดเวลาว่า ธนาคารกลางมีหน้าที่สำคัญคือดำเนินนโยบายการเงิน เพื่อให้เกิดเสถียรภาพทางเศรษฐกิจทุกด้านไม่ว่าจะเป็นด้านราคา โดยรักษาอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และเสถียรภาพด้านเศรษฐกิจ คือการป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจของประเทศเกิดความผันผวนปรวนแปรมากเกินไป จนนำไปสู่ปัญหาเศรษฐกิจถดถอย หรือปัญหาเงินเฟ้ออย่างรุนแรง และที่สำคัญอีกประการคือ ต้องรักษาเสถียรภาพของระบบการเงิน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสภาวะฟองสบู่ภายในประเทศ
แต่รัฐบาลที่โง่เขลา ไร้ปัญญาจะเข้าใจว่าธนาคารกลางมีหน้าที่กระตุ้นเศรษฐกิจ ดังนั้นจึงพบเป็นประจำว่ารัฐบาลที่มีนายกรัฐมนตรีโง่เขลา เบาปัญญา ที่ปากพร่ำว่าจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศดีในเวลาอันรวดเร็วเหมือนฝัน แต่ทว่าเป็นฝันร้าย ก็จะบีบบังคับให้ธนาคารกลางจะต้องทำตามความต้องการที่โง่เขลาของรัฐบาล เช่น การลดหรือเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย รวมถึงการพิมพ์ธนบัตรออกมาจำนวนมากๆ แม้กระทั่งเรื่องที่กดดันให้ธนาคารกลางแทรกแซงเรื่องค่าเงินของประเทศ
ธนาคารกลางจำเป็นต้องมีความอิสระ และมีจุดยืนในการบริหาร กิจการของหน่วยงานอย่างมั่นคง ไม่ยอมให้รัฐบาลใดๆ หรือผู้มีอำนาจรัฐคนใด ก้าวก่ายแทรกแซง เพราะจะก่อให้เกิดปัญหาเสถียรภาพของเศรษฐกิจ และปัญหาการเงินของประเทศได้ในอนาคต
รัฐบาลที่ไม่เห็นแก่ผลประโยชน์ของสาธารณะ มักจะใช้อำนาจที่ตนเองมีแทรกแซงต่อธนาคารกลาง โดยอ้างว่าเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่การกระทำดังกล่าวจะนำไปสู่ปัญหาเงินเฟ้อที่สูงมาก จนนำประเทศเข้าไปตกอยู่ในห้วงสภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่ หรือมิฉะนั้นก็จะพบว่ารัฐบาลที่โง่เขลาจะใช้การถลุงงบประมาณโดยสิ้นคิด ไม่คำนึงถึงภาระทางการคลังในอนาคต ไม่คำนึงว่าเมื่อก่อหนี้สินไว้จำนวนมากแล้ว จะทำให้ประชาชนต้องแบกรับภาระหนี้สินจำนวนมาก จำเป็นต้องย้ำว่าประเทศที่มีภาระหนี้สินจำนวนมากเสี่ยงต่อความไม่มีเสถียรภาพทางการเงินและภาพรวมของเศรษฐกิจ
เพราะฉะนั้นประเทศที่เจริญแล้วทุกประเทศจึงมีรัฐบาลที่ฉลาด มีสติปัญญา และรัฐบาลเหล่านั้นจะไม่เข้าไปแทรกแซง ก้าวก่ายกิจการของธนาคารกลาง
แต่รัฐบาลที่มีความโง่เขลา ซึ่งมาจากพรรคการเมืองที่มีหัวหน้าพรรคที่แสนจะเบาปัญญา มักจะอ้างว่าต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศอย่างรวดเร็วราวกับมีปาฏิหาริย์ โดยไม่เคยคำนึงถึงปัญหาต่างๆ ที่รุมเร้าประเทศของตน รวมถึงประเทศต่างๆ ทั่วโลก
รัฐบาลเบาปัญญาจะอ้างเพียงอย่างเดียวว่าต้องเร่งแก้ปัญหาปัจจุบันแบบหน้ามืดตามัว โดยไม่สนใจว่าจะมีปัญหาใดๆเกิดขึ้นตามมาในอนาคต ดังนั้น จึงมองข้ามปัญหาในระยะยาว โดยอ้างแค่เพียงว่าต้องกระตุ้นเศรษฐกิจในปัจจุบันให้หมุนเวียนโดยเร็ว ดังจะพบว่ารัฐบาลโง่เขลาเหล่านั้น มักจะใช้วิธีการแจกเงินโดยไร้ปัญญา รวมถึงการกดดันให้ธนาคารแห่งประเทศไทยต้องลดอัตราดอกเบี้ย นโยบาย โดยอ้างว่าเมื่อดอกเบี้ยถูกลงจะทำให้เศรษฐกิจเติบโตมากขึ้น ซึ่งถือเป็นการมองและแก้ปัญหาที่นับได้ว่าปัญญาอ่อนมากที่สุด แต่ถ้าหากเป็นรัฐบาลที่มีสติปัญญาเยี่ยมยอดแล้ว จะไม่มองปัญหาแค่เพียงตื้นๆ หรือมองปัญหาที่อยู่แค่เพียงปลายหัวแม่เท้าของตนเองเท่านั้น แต่จะมองไปถึงปัญหาอื่นๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศและเกิดขึ้นทั่วโลก
รัฐบาลที่มีปัญญาที่จะสามารถทำให้เศรษฐกิจของประเทศมั่นคงมีสถานภาพจะต้องดำเนินนโยบายทั้งการเงินและการคลังที่เหมาะสม ต้องไม่ทำให้เกิดปัญหาเงินเฟ้ออย่างหนัก จนกลายเป็นวิกฤตของประเทศ และจะต้องไม่สร้างปัญหาอื่นๆ ที่ก่อให้เกิดต้นทุนทางเศรษฐกิจจำนวนมากมาย อาจจะเป็นภาระหนี้สินที่แสนหนัก ต่อประชาชนทั้งประเทศ
เราจะพบว่ารัฐบาลที่โง่เขลานั้น จะอ้างเพื่อหาคะแนนนิยม ว่าต้องการทำให้เศรษฐกิจของประเทศดี ต้องการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ ต้องการทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ซึ่งสิ่งที่อ้างนั้นไม่ใช่เรื่องผิด หากดำเนินนโยบายเศรษฐกิจอย่างสมเหตุสมผล แต่หากเน้นแค่เพียงคะแนนนิยมการเมือง แล้วหว่านแจกเงินโดยไม่ลืมหูลืมตา ไม่ดูว่าการแจกเงินนั้นจะนำไปสู่ปัญหาวิกฤตในอนาคตหรือไม่ หรือจะก่อให้เกิดภาระหนี้สินต่อประเทศ แล้วทำให้ประชาชนต้องกลับมารับภาระหนี้สินนั้นหรือไม่
สำหรับประเทศไทยนั้นเราได้พบว่ามีรัฐบาลโง่เขลาหลายชุดที่อ้างว่าเข้ามาเพื่อพัฒนาระบบเศรษฐกิจของประเทศ แต่จริงๆ แล้วเป็นวันที่เข้ามาเพื่อทำให้ประเทศพังพินาศมากกว่า
รัฐบาลโง่ๆ ที่ไร้ความรับผิดชอบเหล่านั้นจะอ้างว่าเข้ามากระตุ้นและพัฒนาเศรษฐกิจเฉพาะหน้า แต่ทว่าลืมคำนึงถึงเสถียรภาพของเศรษฐกิจโดยรวมในอนาคต
ขอย้ำอีกทีว่าธนาคารกลางของประเทศที่พัฒนาแล้วทั่วโลกต้องเป็นอิสระ ถูกแทรกแซงโดยรัฐบาลหรืออำนาจการเมืองใดๆ และธนาคารกลางจะต้องคำนึงถึงความเป็นอิสระในการทำงานเพื่อให้ประเทศมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ธนาคารกลางที่ดำเนินงานโดยเป็นอิสระและคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดทางเศรษฐกิจของประเทศจะเป็นตัวจากสำคัญที่ช่วยรักษาอัตราเงินเฟ้อของประเทศให้อยู่ในสภาวะที่เหมาะสม
ธนาคารกลางต้องมีอิสระในการทำงาน และตัดสินใจใช้เครื่องมือในการทำงานโดยเน้นถึงเป้าหมายสูงสุดของเศรษฐกิจที่มีความมั่นคง โดยรัฐบาล กับธนาคารกลางต้องหารือร่วมกันและร่วมมือกันดูแลสภาพเศรษฐกิจของประเทศให้มั่นคง โดยทั้งสองหน่วยงานต้องสามารถกำหนดเป้าหมายทางเศรษฐกิจให้เหมาะสม
กับสถานการณ์ของประเทศและของโลก
ประเทศใดก็ตามที่ธนาคารกลางขาดอิสระ เพราะถูกอำนาจรัฐกดดันและแทรกแซง จะทำให้เกิดปัญหาความไม่น่าไว้ใจในสายตาของนักลงทุนนานาชาติที่กำลังตัดสินใจว่าจะเข้ามาลงทุนในประเทศ รวมถึงนักลงทุนที่ลงทุนอยู่แล้วก็จะเกิดความกังวลว่า เมื่อธนาคารกลางไร้อิสระในการทำงาน ก็จะส่งผลต่อสิทธิภาพของเศรษฐกิจในประเทศ แล้วถ้าหากปัญหายังคงบานปลายก็จะทำให้นักลงทุนที่ลงทุนอยู่แล้ว ถอนการลงทุนออกไป ส่วนนักลงทุนที่กำลังตัดสินใจว่าจะเข้ามาลงทุนหรือไม่ ก็จะยกเลิกการเข้าลงทุน เพราะฉะนั้นเราจะเห็นได้ว่าในประเทศที่ธนาคารกลางถูกกดดันและแทรกแซงโดยรัฐบาล จะเกิดปัญหา นักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศยุติการลงทุนในประเทศนั้นๆ แล้วนำเงินลงทุนออกไปจากประเทศที่เกิดปัญหารัฐบาลแทรกแซงธนาคารกลาง
ประเทศไทย มีคณะกรรมการนโยบายการเงิน ที่เป็นผู้มีส่วนสำคัญในการตัดสินใจเรื่องนโยบายการเงินของประเทศ โดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน ประกอบไปด้วยผู้ที่เชี่ยวชาญในด้านการเงินอย่างแท้จริง ทุกคนล้วนมีอิสระในการตัดสินใจเพื่อผลประโยชน์ของประเทศ และจะไม่ยอมให้การเมืองเข้าไปแทรกแซงการทำงานหรือการตัดสินใจอย่างเด็ดขาด โดยการตัดสินใจแต่ละครั้งต้องอยู่บนฐานของเหตุและผล และต้องคำนึงถึงความโปร่งใส แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือต้องตัดสินใจให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทั้งภายในและระหว่างประเทศ
ความเป็นอิสระของธนาคารกลางไม่ได้หมายความว่าเป็นรัฐเอกราช ที่ไม่ต้องขึ้นอยู่ภายใต้การบริหารงานของรัฐบาล แต่เป็นการทำงานที่สอดประสานระหว่างธนาคารกลางกับรัฐบาลโดยมีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่ความมั่นคงมีศักยภาพของเศรษฐกิจ
แน่นอนว่าในยามที่ประเทศมีปัญหาเศรษฐกิจ รัฐบาลจำเป็นต้องเร่งแก้ปัญหานั้นโดยเร็ว และอาจจำเป็นต้องใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่เหมาะสม แต่ไม่ใช่เอะอะก็จะให้ธนาคารกลางลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หรือคิดอะไรไม่ออกก็จะหว่านแจกเงิน โดยไร้สติสิ้นปัญญา เพราะหวังแค่เพียงคะแนนนิยมทางการเมือง
ไม่มีใครห้ามการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรัฐบาล แต่รัฐบาลที่มีปัญญาต้องไม่กระตุ้นเศรษฐกิจแล้วก่อให้เกิดปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจตามมา หรือก่อให้เกิดปัญหาหนี้สินมากมายจนท่วมประเทศ
รัฐบาลไทยชุดนี้มีสติปัญญามากหรือน้อยเพียงใด มีความรับผิดชอบต่อปัญหาของประเทศมากน้อยเพียงใด เป็นสิ่งที่คนไทยผู้มีสติปัญญาต่างเห็นและเข้าใจมาโดยตลอด
แต่ที่น่าเป็นห่วงมากสำหรับรัฐบาลไร้สติสิ้นปัญญาชุดปัจจุบันคือ การที่ปล่อยให้หัวหน้าพรรคซึ่งไม่มีความน่าเชื่อถือทั้งในด้านสติปัญญา และในด้านการเมืองออกมากล่าวด้วยความโง่เขลาว่าธนาคารกลางคือตัวปัญหาของประเทศ
อันที่จริงอาจจะมองอีกมุมหนึ่งก็นับเป็นเรื่องดีที่ปล่อยให้หัวหน้าพรรคที่ขาดสติไร้ปัญญา เพราะในกะโหลกศีรษะของหัวหน้าพรรคนั้นไม่มีมันสมอง การปล่อยให้คนโง่ออกมาพูดเรื่องสำคัญๆ ของประเทศนั้น อย่างน้อยก็เป็นการตอกย้ำให้สาธารณชนเห็นว่า หัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่พรรคหนึ่งเป็นคนที่ขาดปัญญาโดยแท้
ประเทศใดก็ตามที่มีนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลที่ขาดปัญญา ประเทศนั้นจะพบกับความวิบัติและหายนะในที่สุด ก็ต้องถามคนไทยทุกคนว่า เราต้องการให้ประเทศไทยของเราประสบกับความวิบัติ เพราะเรามีนักการเมืองโง่เขลาไร้ปัญญาใช่หรือไม่
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี