ในขณะที่ประชาชนคนไทย ต้อง “ปากกัดตีนถีบ” หาทางดำรงชีวิตให้รอด ให้ดีไปวันๆ มีใครบ้างที่ “ต่อสู้เรื่องต่างๆ แทนท่าน”
การมี “ตัวแทนทางการเมือง” เน้นหนักไปที่ “ตัวแทนความรู้สึก” กับ “ที่พึ่งทางเศรษฐกิจ” มากกว่าการมีตัวแทนเพื่อไป “ปกป้องโอกาสและคุณภาพชีวิต”
ถึงเวลาเลือกตั้งที ก็ปั่นหัวคนเลือกให้กลัว ให้โกรธ ให้เกลียด นักการเมืองหรือพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม จนไม่เหลือสติที่จะเลือกว่า ผู้สมัครคนไหนที่มี “สติปัญญา” มีความเอาจริงเอาจัง และ “มีสำนึก” ที่จะเป็น “ผู้แทน” ของตนเองอย่างแท้จริง
ถึงเวลาที่เขาได้เก้าอี้ สส. ได้โอกาสเป็น “ผู้แทนราษฎร” ก็ไปหมกมุ่นเป็นตัวแทนของ “นายทุนทางการเมือง” หัวหน้ามุ้ง หัวหน้าพรรค ที่บางพรรค เจ้าของพรรคก็โขกสับ “ผู้แทนราษฎร” อย่างกับหมูกับหมา
“ผู้แทนราษฎร” บางคน จึงเป็นได้แค่ “เซลส์แมนของพรรค” เป็นพนักงานบริษัท มากกว่าการเป็น“ผู้แทนที่แท้จริง”
ด้วยการมีผู้แทนส่วนใหญ่เป็นแบบนี้นี่เอง เหตุการณ์สุ่มเสี่ยงหลายอย่างในชีวิต “ราษฎร” จึงเป็นได้แค่ “ข่าวสาร” ที่ให้สื่อรายงานไปวันๆ แต่ขาดคน “เป็นเดือดเป็นร้อน”
ลุกขึ้นต่อสู้ ตรวจสอบ และเป็นปากเป็นเสียงให้
1) เมื่อวันที่ 3 พ.ค. เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งเร่งทำการค้นหาชายไม่ทราบชื่อ พลัดตกลงไปในท่อลึก ที่อยู่บริเวณเกาะกลางถนนป้ายรถไฟฟ้า BTS สายสีเหลือง ช่วงบริเวณซอยลาดพร้าว 49 หลังจากได้รับแจ้งเหตุจากผู้เห็นเหตุการณ์ช่วงเวลา 09.30 น. เจ้าหน้าที่กู้ภัยใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง จนพบร่างผู้เสียชีวิต นอนอยู่ภายในท่อดังกล่าว ที่มีความลึกกว่า 7 เมตร การกู้ภัยต้องใช้อุปกรณ์พิเศษ และผู้เชี่ยวชาญเพื่อลงไปนำร่างผู้เสียชีวิตขึ้นมา ก่อนเวลา 12.00 น. ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่สามารถนำร่างผู้เสียชีวิตขึ้นมาได้ พร้อมกับฝาปิดท่อดังกล่าว
นายโอ๊ะชัย แสงพล พนักงานเทศกิจสำนักงานเขตวังทองหลาง และนางสาวยุวดี บุญพิทักษ์ พนักงานรักษาความสะอาด เล่าว่า เมื่อเวลาประมาณ 09.30 น. ที่ผ่านมา
ขณะที่กำลังปฏิบัติงานเทศกิจดูแลความเรียบร้อยบริเวณตลาดสะพาน 2 ใกล้ปากซอยลาดพร้าว 49 เห็นชายคนหนึ่งความสูงประมาณ 170 เซนติเมตร รูปร่างท้วม กำลังข้ามถนนจากฝั่งตรงข้ามตลาด แต่เมื่อถึงบริเวณเกาะกลางถนน ชายคนดังกล่าวตกลงไปต่อหน้าต่อตา จึงวิ่งไปดู พบว่าชายคนดังกล่าวตกท่อร้อยสายไฟ ตัวเองพยายามเรียก ชายคนที่ตกลงไปพยายามเงยหน้าขึ้นมาก่อนหมดสติไป
จากการสอบถามเจ้าหน้าที่กู้ภัย มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เปิดเผยว่า จากการสำรวจพบว่าท่อดังกล่าวมีความลึกกว่าหลายเมตร โดยระดับน้ำภายในท่อมีความลึก 2 เมตร ภายในท่อระบายน้ำไม่มีจุดพักทำให้ผู้ที่พลัดตกลงไปตกน้ำโดยทันที จากการสำรวจยังพบภายในท่อระบายน้ำจุดที่พบร่างผู้เสียชีวิต มีอากาศเข้าออกซิเจนอยู่ที่ร้อยละ 20 ซึ่งถือว่าเบาบาง ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจและอุปกรณ์โรยตัว เข้าช่วยเหลือ โดยทำการเปิดฝาท่อที่ห่างจากจุดเกิดเหตุออกไปประมาณ 2 เมตร นำพัดลมเป่าลมเข้าไปเพื่อให้มีอากาศภายในท่อ จากนั้นนำเครื่องติดตั้งสลิงแบบเคลื่อนที่ ติดตั้งไว้บริเวณเหนือบ่อ ก่อนใช้สลิงดึงร่างผู้เสียชีวิต นำขึ้นมาได้
ตรวจสอบเบื้องต้นผู้เสียชีวิตเป็นชาย อายุประมาณ55-60 ปี รูปร่างอ้วน สวมเสื้อยืดสีเทา กางเกงขาสั้นสีน้ำเงินค้นในตัวไม่พบเอกสาร มีเพียงกุญแจบ้าน 1 พวง จากนั้นจึงนำศพส่ง สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ ชันสูตรพลิกศพ ส่วนสาเหตุที่คาดว่าน่าจะทำให้ผู้พลัดตกลงไปหมดสติ อาจจะเกิดจากการกระแทกขอบปูน หรือเกี่ยวกับสายเคเบิลทำให้มีอาการจุกและจมน้ำเสียชีวิต ส่วนสาเหตุการตายที่แท้จริงต้องรอแพทย์ชันสูตรพลิกศพเพื่อยืนยันอีกครั้ง
พันตำรวจเอกเศรษฐพันธ์ ศรีสาคร ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลโชคชัย เปิดเผยว่า จะเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาสอบปากคำ เนื่องจากยังไม่สามารถสรุปได้ว่าจุดเกิดเหตุอยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยงานใด เบื้องต้นได้นำฝาท่อในจุดที่เกิดเหตุซึ่งเบื้องต้นเป็นฝาไม้อัด นำส่งพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบ พร้อมกับสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเข้าข่ายกระทำการโดยประมาทหรือไม่ โดยเบื้องต้นได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำแผงเหล็กมาปิดกั้นบริเวณจุดเกิดเหตุ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำซ้อนขึ้นอีก
ด้านประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า คนส่วนใหญ่ที่จะข้ามถนนในบริเวณนี้จะเป็นผู้สูงอายุที่เดินขึ้นสะพานลอยไม่ไหว ซึ่งสะพานลอยแต่ละจุดอยู่ห่างกันประมาณเกือบ 1 กิโลเมตร ดังนั้นจึงอยากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบทำฝาท่อให้แข็งแรง ซึ่งก่อนหน้าที่จะมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเหลืองเคยมีจุดข้ามทางม้าลาย ซึ่งทุกวันนี้กลับไม่มีอยู่ในพื้นที่ จึงอยากให้กลับมาทำจุดข้ามสำหรับผู้สูงอายุอีกครั้ง
2) เวลา 13.00 น. นายฐิติวุฒิ เงินคล้าย รองผู้ว่าการไฟฟ้านครหลวง ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมเปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า จุดเกิดเหตุอยู่ในระหว่างดำเนินการร้อยสายไฟใต้ดิน ของการไฟฟ้านครหลวงโดยมีบริษัทผู้รับเหมารับช่วงต่ออยู่ในขณะนี้ โดยท่อมีความลึกประมาณ 7 เมตร เดิมทีฝาท่อดังกล่าวเป็นโลหะ แต่ประสบปัญหาถูกคนขโมยฝาท่อไป กว่า 150 ชิ้น หรือเกือบทั้งหมดโครงการ จึงทำให้ผู้รับเหมาใช้ไม้อัดหนาประมาณ 10 มิลลิเมตร เข้ามาปิดฝาท่อเพื่อทำการทดแทนชั่วคราว ระหว่างรอสั่งทำแผ่นคอนกรีตมาปิดบริเวณฝาท่อ ซึ่งทางผู้รับเหมามองว่าความหนาระดับดังกล่าวแข็งแรงเพียงพอแล้วจุดบริเวณที่เกิดเหตุไม่ใช่จุดสำหรับคนข้ามถนนจึงไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น หลังจากนี้จะทำการสำรวจฝาท่อทั้งหมดที่เป็นแผ่นไม้ และนำแผ่นคอนกรีตมาปิด รวมถึงติดตั้งสัญลักษณ์แจ้งเตือนสำหรับผู้สัญจร กำหนดให้แล้วเสร็จภายในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ ยังขอยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดจากการประมาทของการไฟฟ้านครหลวง พร้อมขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิตโดยยืนยันว่าพร้อมจะชดเชยเยียวยาและรับผิดชอบกับการสูญเสียที่เกิดขึ้น และสัญญาว่าจะไม่ให้เหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นได้อีก
3) ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ โพสต์ข้อความแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ว่า “ขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ชายตกท่อ ปากซอยลาดพร้าว กทม. ถึงเวลาที่ประเทศไทยต้องมีองค์กรเพื่อความปลอดภัยสาธารณะ”
4) สิ่งที่เราควรเห็นทันทีจากเหตุการณ์น่าสะเทือนใจนี้ คือ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็น “พ่อเมือง” ของคนกรุง ที่ผ่านการเลือกตั้งมาด้วยคะแนนเสียงท่วมท้นเป็นประวัติการณ์ ประกาศกร้าวที่จะยืนเคียงข้างครอบครัวผู้เสียชีวิต ปกป้องสิทธิประโยชน์ทั้งปวงที่ควรได้รับ ทั้งทางคดีอาญา คดีแพ่ง และการชดเชยเยียวยา การแก้ปัญหา “ทางข้าม” ที่เกิดจากสะพานลอยอยู่ไกล และไม่เหมาะสมกับ “ผู้สูงวัย” ที่นับวันจะมีมากขึ้น เหตุเพราะสังคมไทยเคลื่อนตัวสู่การเป็น “สังคมผู้สูงอายุ” อย่างเต็มรูปแบบแล้ว และสั่งการให้ผู้อำนวยการเขตทั้ง 50 เขต สแกนพื้นที่ เพื่อสำรวจ “จุดอันตราย” และหาทางป้องกัน หรือจี้ไปยังหน่วยงานที่ต้องรับผิดชอบ จัดการ ป้องกัน ก่อนที่จะกระทบต่อชีวิตของประชาชน ซึ่งเรายังไม่เห็นเลย!!
5) ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือ “ดร.เอ้” รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กทม. กล่าวว่า คนกทม.เสี่ยงได้ทุกวัน ทั้งสะพานถล่ม เครนล้ม คานร่วงรางหลุด ล้อร่วง ถนนทรุด ยุบตัว กากแคดเมียมเข้ามากองเก็บในโกดัง โดยปราศจากการจัดการที่ถูกต้อง เป็นต้น
ถึงเวลาแล้วที่เราจึงต้องจริงจังกับการแก้ปัญหาความไม่ปลอดภัย มาร่วมลงชื่อให้ครบ 10,000 ชื่อ เพื่อเสนอกฎหมาย จัดตั้ง “องค์กรเพื่อความปลอดภัยสาธารณะ” ที่ suchatvee.com เพื่อเป็นตัวแทนปกป้องสิทธิ์ของคนไทยทุกคน แก้ปัญหาอย่างยั่งยืน เพราะ “สิทธิการมีชีวิตอยู่อย่างปลอดภัย” คือ สิทธิพื้นฐานของมนุษย์
“ผมขอเป็นผู้นำเรียกร้องให้ทุกคนลุกขึ้นมาใช้สิทธิเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง สิทธิของการอยู่อย่างปลอดภัย โดยไม่ต้องหวาดระแวง กับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดถนนยุบ สะพานถล่ม เครนล้ม และอีกมาก โดยการจัดตั้ง“องค์กรอิสระเพื่อความปลอดภัยสาธารณะ” เพราะความสูญเสียนั้นไม่สามารถหาสิ่งใดมาทดแทนได้ ร่วมช่วยกันลงชื่อเพื่อให้เรามีองค์กรที่สามารถหาความจริงได้กันครับ” ศ.ดร.สุชัชวีร์ กล่าว
6) สำหรับ “องค์กรเพื่อความปลอดภัยสาธารณะ”จะเป็นองค์กรอิสระที่ดำเนินงานเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยระดับสาธารณะ ด้วยบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ หลากหลายสาขาที่เกี่ยวข้องกับมาตรฐานความปลอดภัยสาธารณะ มีความเป็นกลาง นำทางด้วยหลักการทางวิชาการ อย่างเคร่งครัด โดยมีบทบาท หน้าที่ ดังนี้
1.ตรวจสอบ และนำเสนอข้อเท็จจริง ด้วยหลักวิชาการ อย่างเป็นกลาง เมื่อเกิดอุบัติเหตุและอุบัติภัย ที่มีผลกระทบต่อความปลอดภัยสาธารณะ
2.ให้คำปรึกษา ข้อแนะนำ อบรม ให้ความรู้ และดำเนินกิจกรรมอื่นๆ เพื่อส่งเสริมความปลอดภัยสาธารณะ แก่ ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน
3.แจ้งหรือโฆษณาข่าวสารเกี่ยวกับการดำเนินการก่อสร้าง และอื่นๆ ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายหรือเสื่อมเสียแก่สิทธิของประชาชน
4.สอดส่อง เร่งรัดพนักงานเจ้าหน้าที่ ส่วนราชการ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐให้ปฏิบัติการตามอำนาจและหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด เพื่อความปลอดภัยสาธารณะ ตลอดจนเร่งรัดพนักงานเจ้าหน้าที่ให้ดำเนินคดีในความผิดที่เกี่ยวกับความปลอดภัยสาธารณะ
5.เสนอความเห็นต่อคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับนโยบายและมาตรการในความปลอดภัยสาธารณะ และพิจารณาให้ความเห็นในเรื่องใดๆ ที่เกี่ยวกับความปลอดภัยระดับสาธารณะตามที่คณะรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีมอบหมาย
และ 6.ปฏิบัติการอื่นใดตามที่มีกฎหมายกำหนดไว้ให้เป็นอำนาจและหน้าที่ขององค์กร
7) หันไปดูที่ต่างจังหวัดกันสัก 1 กรณี (ในหลายๆ กรณี) นายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผวจ.ระยอง พร้อมคณะ ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานเก็บกากสารเคมีบริษัท วินโพรเสสตั้งอยู่ในชุมชนซอยวัดโขดหิน ต.มาบตาพุด อ.เมืองระยอง จ.ระยอง ห่างวัดเพียง 1 กม. พบพื้นที่โรงงานมีประมาณ 5 ไร่ ตัวโรงงานปิดกิจการไปแล้ว ภายในมี 2 โกดัง โดยโกดังแรกพบมีการเก็บเศษวัสดุพลาสติก และกระดาษอยู่ในถุงบิ๊กแบ๊กสีขาวจำนวนมาก และพบถังขนาด 200 ลิตรถูกเรียงซ้อนกันเป็นจำนวนมากด้วย
ส่วนอีกโกดังพบมีการเก็บสารเคมีไว้ในถัง 200 ลิตรนับร้อยถัง และถูกเก็บในถังสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่อยู่ในลูกกรงเหล็กคล้ายกับของโรงงานที่ไฟไหม้ โดยมีป้ายเขียนกำกับชื่อสารเคมีไว้ด้วย มีทั้งสารเมทานอล น้ำมันเตา และกากตะกอนน้ำมัน นอกจากนี้ยังมีชุดแท่นเครื่องกรองบรรจุน้ำมันภายในโกดังอีก 1 ชุดด้วย
นายไตรภพกล่าวว่า เบื้องต้นได้มีการสั่งการให้อุตสาหกรรมจังหวัด ตรวจสอบในพื้นที่ทั้งหมดว่ามีโรงงานประเภทเดียวกันกับวินโพรเสสที่เกิดเพลิงไหม้หรือไม่ กระทั่งพบว่าโรงงานแห่งนี้เป็นของ บ.วินโพรเสสโรงงานดั้งเดิม ตั้งอยู่ใจกลางชุมชน จึงได้บูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบดังกล่าว พบว่าโกดังแรกมีการเก็บเศษกระดาษจำนวนมาก เสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัย ส่วนอีกโกดังพบสารเคมีบรรจุในถัง 200 ลิตรจำนวนมหาศาล เพื่อความปลอดภัย
เบื้องต้นจะให้ทางอุตสาหกรรมจังหวัด ดำเนินการไปแจ้งความการครอบครองวัตถุอันตรายกับเจ้าของก่อน และให้ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาตรวจสอบสารเคมีที่อยู่ในถัง 200 ลิตรนั้นเป็นไปตามที่ป้ายชื่อสารกำกับหรือไม่ ทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกันเหตุเพลิงไหม้ซ้ำอีกโรงของวินโพรเสส ซึ่งโรงงานแห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางชุมชนด้วย และจะมีการขนย้ายออกทันที หลังมีการตรวจสอบสารเคมีในโรงงานแห่งนี้ที่แน่ชัดก่อน ทั้งนี้ยังมีเบาะแสแจ้งว่า อาจจะมีการฝังสารอะไรบางอย่างไว้ใต้พื้นดินหรือไม่ จึงต้องตรวจสอบอย่างละเอียดก่อน นอกจากนี้ก็จะจัดชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ มาเวียนตรวจสอบ ป้องกันเหตุลอบวางเพลิงอีกด้วย
8) ในเรื่องนี้ ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ได้แสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊คเพจ “เอ้ สุชัชวีร์” ว่า
“ไฟไหม้โรงงานเก็บสารเคมีซ้ำซาก ต้องรื้อทั้งระบบ ไม่ใช่แค่ฉีดน้ำดับไฟไปวันๆ เพราะนี่คือการฉ้อฉลที่จ่ายด้วยสุขภาพและชีวิตของคนไทย”
กับอีกโพสต์หนึ่งที่ระบุว่า
“ต้องหยุดวงจรอุบาทว์ เผาโรงงาน “กำจัด”สารเคมี
1.ขนกากอุตสาหกรรมมาเก็บไว้ในโกดัง อ้างว่านำมาบำบัด แต่โรงงานยังอยู่ในขั้นตอนขอใบอนุญาต
2.ซิกแซกให้ได้รับใบอนุญาต ตั้งโรงงานบำบัด หรือถ้าไม่ได้จริงๆ ก็ยอมให้ดำเนินคดี
3.เผาทิ้งทั้งโรงงาน เพื่อกำจัดกากอุตสาหกรรม ต้นทุนถูกกว่า แค่ทำให้เหมือนเป็นอุบัติเหตุ
สรุป : พี่น้องประชาชนคนไทยครับ ท่านยังยินยอม ยินดี ที่จะมีชีวิตในสภาพ “ประชากรราคาถูก” หรืออาจถึงขั้น “ไม่มีราคา” ภายใต้ระบบการจัดการดูแลที่หละหลวมเช่นนี้กันต่อไปหรือ
คนจังหวัดตากต้องรอรับกากแคดเมียม ที่ขนส่งผิดวิธี ฝังกลบถูกวิธีหรือเปล่าก็ไม่รู้ ปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมไปเท่าไรแล้วก็ไม่รู้
พอเถอะครับ ลุกขึ้นสู้ ลุกขึ้นสร้างรั้วป้องกัน ร่วมลงชื่อ เพื่อเสนอกฎหมาย จัดตั้ง “องค์กรเพื่อความปลอดภัยสาธารณะ” ที่ suchatvee.comกันเถอะครับ!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี