วันจันทร์ ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2568
มื้ออาหารที่ผ่านมา ท่านผู้อ่านรับประทานอะไรกันบ้างคะและแน่ใจหรือไม่ว่าอาหารเหล่านั้น “สะอาด” และปลอดภัย วัตถุดิบในอาหารเหล่านั้นมาจากไหน และก่อนมาถึงมือท่าน ได้เคยสร้างผลกระทบอะไรไว้บ้าง
โดยทั่วไป เราอาจคิดว่าจะพบเจอคอร์รัปชั่นได้ตามท้องถนนที่เป็นหลุมบ่อ ในสำนักงาน ตามข่าวที่ปรากฏในโทรทัศน์ แต่ในจานอาหารของเราเล่า มีคอร์รัปชั่นเจือปนอยู่บ้างหรือไม่
ในการเสวนา Puey Talks ครั้งที่ห้าเนื่องในวาระรำลึกถึงอาจารย์ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ตอน ประชาธิปไตยทางอาหาร หลากหลาย ปลอดภัย ยั่งยืน เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2561 ผู้เข้าร่วมงานคนหนึ่งกล่าวประโยคที่ผู้เขียนจำได้ไม่ลืมว่า “ใครคุมอาหารได้ กุมอำนาจได้” ซึ่งอธิบายชื่อการเสวนาได้ทันที ก่อนหน้านี้เมื่อกล่าวถึงประชาธิปไตย ผู้เขียนนึกถึงอำนาจต่อรองและการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน แต่กลับนึกไม่ถึงว่า การเมืองและประชาธิปไตยจะอยู่ใกล้เพียงช้อนตัก เคี้ยวกลืน บดย่อย ดูดซึม และหล่อเลี้ยงร่างกายของเรานี้
แล้วใครเป็นผู้กุมอำนาจ
ผู้เขียนได้รับข้อมูลในการตอบคำถามนี้มากขึ้นจากงานเสวนา คอร์รัปชั่นในภาคเกษตร ภาค 1 :พาราควอต? เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2561 ซึ่งจัดโดยองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) ที่ชวนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งนักวิชาการ ตัวแทนภาคประชาสังคมและภาครัฐมาร่วมถกเถียงปมปัญหานี้ เนื่องจากกำลังมีการดำเนินการพิจารณาระงับการใช้สารเคมีนี้โดยกรรมการวัตถุอันตราย
สำหรับท่านผู้อ่านที่ไม่คุ้นเคย พาราควอตคือหนึ่งในสารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่นักวิชาการและภาคประชาสังคมรณรงค์ให้ยกเลิกการใช้ในประเทศไทย ชื่อทางการค้าที่อาจคุ้นหูกันมากขึ้น คือ กรัมม็อกโซน กระทรวงสาธารณสุขเองก็เสนอให้พิจารณาจำกัดการใช้เนื่องจากมีข้อมูลจากหลายแหล่งทั้งในและต่างประเทศ เช่น งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยมหิดล และองค์กรอนามัยโลก (WHO) ที่บ่งชี้ว่าเป็นอันตรายรุนแรงต่อมนุษย์และตกค้างในสิ่งแวดล้อม มีการหารือเรื่องนี้ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีแล้วถึง 2 ครั้ง ซึ่งล่าสุดนายกรัฐมนตรีสั่งให้มีมาตรการป้องกันการใช้ แต่ตัวเลขการนำเข้ากลับสูงขึ้น โดยในการพิจารณาครั้งนี้ ภาคประชาสังคมก็มีข้อกังวลเรื่องความโปร่งใสในการทำงานของคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจเพื่อหาข้อเท็จจริงในการพิจารณาให้มีการยกเลิกพาราควอต เนื่องจากภาคประชาสังคมอ้างว่าได้รับข้อมูลบ่งชี้ว่ามีกลุ่มผลประโยชน์แอบแฝงอยู่ในคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจฯ และคณะกรรมการวัตถุอันตราย ทั้งยังมีการใช้ข้อมูลที่ไม่ใช่ข้อมูลล่าสุดและมาจากกลุ่มผลประโยชน์ทับซ้อนในการพิจารณา
จากข้อมูลที่ภาคประชาชนอ้างอิงนั้น พบว่ากลุ่มผลประโยชน์ดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับบรรษัทข้ามชาติสัญชาติสวิสผู้ผลิตและส่งออกสารเคมีเกษตรรายใหญ่ คือ ซินเจนทา และบริษัทสัญชาติอเมริกัน คือ มอนซานโต โดยสวิตเซอร์แลนด์ห้ามใช้สารเคมีเกษตรนี้ในประเทศ สหรัฐอเมริกาจำกัดการใช้อย่างเข้มงวด แต่ทั้งสองประเทศอนุญาตให้มีการผลิตเพื่อการส่งออก ซึ่งส่วนใหญ่ไปยังประเทศที่กำลังพัฒนาซึ่งนอกจากอำนาจต่อรองจะต่ำแล้ว ยังมีทรัพยากรในการรับมือผลกระทบที่จะตามมาน้อยกว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว
สารคดีเรื่อง Circle of Poison ที่ผู้เขียนได้ดูเล่าถึงปัญหาวังวนแห่งพิษนี้ว่า ในสหรัฐอเมริกาเคยมีความพยายามผลักดันร่างกฎหมายระงับการใช้และผลิตสารเคมีอันตรายเพื่อส่งออกในสมัยประธานาธิบดีจิมมี่ คาร์เตอร์ แต่กลับถูกยกเลิกไปเมื่อเข้าสู่สมัยประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน ผู้ชูนโยบายเศรษฐกิจเสรีนิยมใหม่ เพราะแพ้เสียงล็อบบี้ยิสต์ที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับบริษัทผลิตภัณฑ์เกษตรเคมีและเทคโนโลยีชีวภาพยักษ์ใหญ่ เช่น มอนซานโตไบเออร์ ดูปองท์ บีเอเอสเอฟ และซินเจนทา ซึ่งเมื่อรวมกันบริษัทเหล่านี้ส่งออกสินค้ากว่า 75% ของตลาดโลก จึงไม่เป็นที่น่าแปลกใจว่าบริษัทเหล่านี้จะมีอำนาจควบคุมระบอบการผลิตอาหารทั่วโลก
กรณีห้ามหรือจำกัดการใช้ แต่ยังอนุญาตให้เอกชนผลิตเพื่อส่งออกนี้เป็นตลกร้ายที่ขำไม่ออก เมื่อสุดท้ายสารที่ถูกห้ามใช้ในประเทศ ก็ยังกลับมาถึง
ผู้บริโภคผ่านทางผลิตภัณฑ์นำเข้า
แน่นอนว่าไม่ได้มีเพียงผู้บริโภคทั่วโลกที่ได้รับผลกระทบ เกษตรกรผู้ผลิตและผู้อาศัยใกล้ชิดกับพื้นที่ทำเกษตรกรรมที่ใช้สารเคมีอันตรายก็ถูกคุกคามด้านความปลอดภัยในชีวิต คนที่เติบโตมาอย่างแข็งแรงกลับอ่อนแอลงอย่างรวดเร็ว เด็กที่เกิดมาเป็นออทิสติกโรคไต และเสียชีวิตลงในเวลาสั้นๆ ทั้งยังมีการตรวจพบว่าทารกในครรภ์มารดาที่ทำการเกษตรหรืออยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงมีพาราควอตปนเปื้อนอยู่ในสายสะดือและขี้เทา
นอกจากชื่อ เพศ ศาสนา และสิ่งสร้างทางสังคมอื่นๆ ที่จะติดตัวไปเมื่อลืมตาดูโลก เด็กๆ ของเราก็ได้ถูกพันธนาการด้วยตรวนพิษนี้ไปพร้อมกันด้วย พวกเขาถูกลิดรอนประชาธิปไตยตั้งแต่ยังไม่ได้สถานะบุคคลเสียด้วยซ้ำ
ด้วยความเสี่ยงต่อการล็อบบี้อันเป็นเงื่อนไขสำคัญที่นำไปสู่การคอร์รัปชั่นในห่วงโซ่อุปทานอาหารดังที่กล่าวมา อาจสรุปได้ว่าสาเหตุที่สถานการณ์ยังไม่เปลี่ยนแปลงเป็นเพราะปัจจัยสามประการที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค ได้แก่ โครงสร้างพื้นฐานที่จะรองรับ ผู้อำนวยความสะดวก และทัศนคติ ยังไม่ถึงพร้อม
นอกจากการทำให้ทางเลือกที่ยั่งยืนเข้าถึงง่ายกว่าสารเคมีอันตรายทั้งในทางกฎหมาย ภูมิศาสตร์และเศรษฐกิจ การให้ความรู้เรื่องการผลิตและบริโภคอย่างยั่งยืนและมีความรับผิดชอบทั้งต่อมนุษยชาติและทรัพยากรธรรมชาติจึงเป็นอีกภารกิจที่สำคัญยิ่งในการเรียกร้องประชาธิปไตยทางอาหาร ทั้งนี้ เพราะความมั่นคงและความปลอดภัยทางอาหารของมนุษย์เกี่ยวพันกับสิ่งแวดล้อมอย่างแยกออกจากกันไม่ได้ มนุษย์ไม่อาจดำรงอยู่ได้อย่างยั่งยืนหากทรัพยากรธรรมชาติล่มสลาย มนุษย์ซึ่งเป็นทั้งผู้ผลิตและบริโภควัตถุดิบจากสิ่งแวดล้อมและส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมจึงจำเป็นต้องมีทัศนคติที่ถูกต้อง โดยการเข้าใจว่าตนมีความเชื่อมโยงกับห่วงโซ่นี้อย่างไร
ผู้เขียนจึงขอถามผู้อ่านอีกครั้งว่าท่านเคยสงสัยหรือไม่ว่าอาหารมื้อที่ท่านเพิ่งรับประทานไปนั้น “สะอาด” เพียงใด คำว่าสะอาดนี้ไม่ได้หมายถึงปลอดสารพิษเท่านั้น แต่หมายถึงผ่านกระบวนการอันเป็นธรรม ไม่ส่งผลให้ท่านหรือคนอีกซีกโลกป่วยเป็นมะเร็งหรือพาร์กินสัน ไม่ทำให้เกษตรกรเป็นหนี้สิน ไม่ทำให้เกิดหมอกควันหรือภูเขาหัวโล้นในภาคเหนือ ไม่ส่งเสริมการทำประมง
ผิดกฎหมาย ไม่ทำลายความหลากหลายทางชีวภาพ ไม่ทำให้การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศรุนแรงขึ้น ไม่กำหนดอนาคตอันเสื่อมโทรมให้ลูกหลาน
ท่านมีสิทธิรู้และเลือกหรือไม่
ท่านมีหน้าที่รู้และเลือกหรือไม่
เป็นที่น่าเสียดายที่สิ่งที่ใกล้ตัวที่สุดเช่นอาหารกลับเป็นสิ่งที่ห่างเหินกับผู้บริโภคมากที่สุด เพราะกระแสชีวิตเชี่ยวกรากที่หลีกเลี่ยงได้ยากตราบเท่าที่อยู่ในระบบเศรษฐกิจและสังคมที่ขับเคลื่อนด้วยการสั่งสมความมั่งคั่งอย่างเสรี ผู้คนหลั่งไหลสู่เมืองด้วยความฝันว่าสามารถมีชีวิตที่ดีกว่าได้โดยไม่อาจรอรัฐสวัสดิการ ถูกหล่อหลอมให้อยู่อย่างปัจเจกมากขึ้น การรับประทานอาหารปรุงเองโดยพิถีพิถันพร้อมหน้ากับคนในครอบครัวกลายเป็นอภิสิทธิ์ การมีเวลาและกำลังทรัพย์มากพอเพื่อจะรู้ที่มาของอาหาร และมีสิทธิเข้าถึงอาหารที่ “สะอาด” กลายเป็นอภิสิทธิ์
เช่นเดียวกับที่อำนาจต่อรองในระบอบประชาธิปไตยควรอยู่ในมือประชาชน อธิปไตยทางอาหารควรอยู่ในมือผู้คุมอาหาร คือผู้บริโภคเฉกเช่นเดียวกัน สิ่งที่ผู้บริโภคทำได้คือการเริ่มตระหนักถึงสิทธิและหน้าที่ในการบริโภคอย่างสะอาด ปลอดภัยและยั่งยืน และยืนหยัดทำหน้าที่ปกป้องสิทธินั้นเพื่อตนเองและลูกหลานโดยการเรียกร้องให้ผู้ผลิตยึดถือในคุณค่าเดียวกัน
เช่นนี้แล้ว ทุกครั้งที่ผู้อ่านเลือกซื้อวัตถุดิบหรืออาหารปรุงสำเร็จ ทุกครั้งที่หยิบจับช้อนส้อม มีด หรืออุปกรณ์ทำครัว ท่านอาจกำลังลงมือสู้กับความไม่เป็นธรรมและปกป้องประชาธิปไตยอยู่ก็เป็นได้

‘กกล.บูรพา’ยึด‘ไอโฟน-ซิมฮ่องกง’บิ๊กล็อต ซุกไร่อ้อยอรัญฯ คาดเตรียมส่ง‘แก๊งคอลฯ’ฝั่งเพื่อนบ้าน
ลากปชช.เข้าสู่สงคราม! สม รังสี ลั่น ฮุนเซน ปล่อยคลิปเสียงคุยอิ๊งค์ เขมรได้อะไร?
‘ปชป.’เปิด 33 ว่าที่ผู้สมัคร สส.กรุงเทพฯ ‘อภิสิทธิ์’ดันใช้การเมืองสุจริตเปลี่ยนแปลงประเทศ
'วัน อยู่บำรุง'โพสต์ส่งสัญญาณชีวิตถึงจุดเปลี่ยน จับตาโยกซบ 'พรรคโอกาสใหม่'
‘นายกฯ’เรียกถก‘ผบ.เหล่าทัพ’ ก่อนนั่งหัวโต๊ะประชุม‘สมช.’

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี