‘ทูตพาณิชย์’นัดประชุม14กย.ดันส่งออก
พร้อมปรับแผนการทำงาน
ตีตลาดอาเซียน-อินเดีย-จีน
นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่ากรมได้จัดประชุม
ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ(ทูตพาณิชย์)กว่า 60 ประเทศทั่วโลก ในวันที่ 14 ก.ย.นี้ ที่กระทรวงพาณิชย์ และในวันดังกล่าวผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะเข้ารับนโยบายจาก รมว.และรมช.พาณิชย์ด้วย
ในเบื้องต้นที่ประชุมจะมีการรายงานภาวะและสถานการณ์การค้าโลก เพื่อประเมินผลการดำเนินงานและรายงานในระดับกรม ก่อนกำหนดแผนงานตามยุทธศาสตร์และกำหนดเป้าหมายการส่งออกในปี 2559 ต่อไป โดยกลุ่มประเทศได้จัดแบ่งตามภูมิภาค ได้แก่ อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ ยุโรปตะวันตก ยุโรปตะวันออก ตะวันออกกลางแอฟริกา อาเซียน เอเชียตะวันออก จีน และเอเชียใต้ รวมถึงสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศของ 4 ภูมิภาคในไทย (5 แห่ง) ด้วย
“ทูตพาณิชย์จะรายงานผลความคืบหน้า การดำเนินโครงการตามแผน ยุทธศาสตร์ รายตลาด การประสานการทำงานรายภูมิภาค ประชุมประเมินสถานการณ์การส่งออกปี 2558 เพื่อกำหนดเป้าหมายส่งออกปี 2559”
ส่วนประเด็นที่จะหารือร่วมกัน ได้แก่ การทำความเข้าใจยุทธศาสตร์กรม และการนำไปสู่แผนงาน/โครงการ ยุทธศาสตร์กรม ยุทธศาสตร์การส่งเสริมเอสเอ็มอี ฯลฯ
นางนันทวัลย์กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ รองนายกรัฐมนตรี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ได้มอบนโยบายและแนวทางการบริหารราชการแก่ผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ 7 ด้าน โดยด้านการผลักดันการส่งออก จะเร่งผลักดันการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการเจรจาระดับทวิภาคี อาทิ อาเซียน จีน ญี่ปุ่น อิหร่าน และการเจรจาแก้ปัญหาทางการค้าในกรอบต่างๆ โดยเฉพาะการขยายการค้าการลงทุนในตลาดอาเซียนและต้องทำงานประสานกับกระทรวง การต่างประเทศให้เข้ามามีส่วนร่วมสนับสนุนด้านเศรษฐกิจการค้า การใช้ประโยชน์จากอี-คอมเมิร์ซอย่างเต็มที่และส่งเสริมให้มีการทำธุรกิจผ่านระบบนี้ให้มากขึ้น
การสร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่ให้เป็นนักรบเศรษฐกิจใหม่ โดยเน้นร่วมมือกันระหว่างภาครัฐ สถาบันการศึกษา สถาบันวิจัยทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และการต่อยอดผลงานวิจัย นวัตกรรมเพื่อนำไปสู่การค้าในเชิงพาณิชย์, การส่งเสริมธุรกิจบริการ โดยให้ความสำคัญ เพราะจะเป็นแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจของประเทศต่อไป เช่น ท่องเที่ยว แฟรนไชส์ ค้าปลีกค้าส่ง ร้านอาหาร บริการด้านสุขภาพและแรงงาน การแปรรูปสินค้าเกษตรและสร้างแบรนด์อาหาร และธุรกิจภาพยนตร์ รวมถึงจัดโครงสร้างการบริหารงานและบุคลากรผู้รับผิดชอบให้เหมาะสม เป็นต้น
ขณะที่ รมช.พาณิชย์ได้มอบนโยบายให้ปรับแผนการทำงานของทูตพาณิชย์ในกลุ่มประเทศอาเซียน อินเดีย จีน เพราะเป็นตลาดที่มีศักยภาพ ประกอบกับเศรษฐกิจยังมีแนวโน้มที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มช่องทางการค้า ขยายตลาด สร้างเครือข่ายกับผู้นำเข้า ตัวแทนและห้างร้านต่อไป
นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยเกี่ยวกับความคืบหน้าในการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคตว่า ในการดำเนินการก่อสร้างทางการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.)จะต้องมีการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.)และกรุงเทพมหานคร(กทม.) เพื่อให้ระหว่างการก่อสร้างกระทบต่อประชาชนในการเดินทางน้อยที่สุด โดย ขณะนี้การก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวได้เริ่มมีการปิดช่องทางการจราจร บางส่วนไปแล้วตั้งแต่เวลาตี 1 ของวันที่ 8 ก.ย. ซึ่งอาจทำให้ส่งผลกระทบต่อการจราจรในบริเวณดังกล่าว
“ในวันที่ 12 ก.ย.นี้ จะมีการปิดการจราจรบริเวณสะพานข้ามแยกเกษตร รวมถึงจะมีการเร่งติดตั้งป้ายเตือนและป้ายประชาสัมพันธ์เส้นทางเลี่ยงให้ ประชาชนรับทราบเพิ่มเติม”
ทั้งนี้ในส่วนของความคืบหน้าของโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงส่วนต่อขยายเส้นทางเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ และโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม เส้นทางศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลและความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่น สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) สำนักงบประมาณ รวมถึงกระทรวงการคลัง เพื่อหาข้อสรุปเรื่องการลงทุนซึ่งจะมีความชัดเจนภายในสัปดาห์นี้ และคาดว่าจะสามารถนำเข้าสู่เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ได้ภายในเดือนนี้เช่นกัน
ส่วนความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้ารางเดี่ยว(Monorail) รถไฟฟ้าสายสีชมพู(ปากเกร็ด-มีนบุรี) และรถไฟฟ้าสายสีเหลือง(ลาดพร้าว-สำโรง) ขณะนี้อยู่ระหว่างการเชิญชวนเอกชนเข้ามาร่วมลงทุน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี