‘พุทธิพงษ์’รุดถก กสทช. 4 ข้อ เตรียมทบทวน‘เน็ตประชารัฐ’
12 กันยายน 2562 ที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เดินทางมาพบนายสุกิจ ขมะสุนทร ประธาน กสทช. และนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. เพื่อพูดคุยและรับฟังข้อมูลการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลและหารือเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอี) เปิดเผยภายหลังการเข้าหารือว่า วันนี้ได้มาพูดคุยในประเด็น 4 เรื่องด้วยกัน ในเรื่องความคืบหน้าของ 5G ได้ขอคำแนะนำและรายงานสถานการณ์ปัจจุบันว่า 5G มีความเป็นไปได้ที่จะเปิดประมูลได้ทันตามเวลาที่กำหนดไว้ในปี 2020หรือไม่ ซึ่ง กสทช.ยืนยันว่าเป็นไปตามแผนที่วางไว้ กระบวนการประมูลต่างๆ ตามสิ้นปีถึงต้นปีหน้า ขั้นตอนในการดำเนินการอยู่ในกรอบเวลาที่วางไว้
นอกจากนี้แผนที่จะปรับเลขหมายพื้นฐานจาก 9 หลัก เป็น 10 หลัก เป็นแผนที่มีความจำเป็นต่างๆ ภาพรวมความจำเป็นต่างๆ ของผู้ใช้บริการ ของคู่สายที่มีอยู่ ก็อาจจะไม่เพียงพอในเรื่องของการใช้โทรศัพท์และมีผลผูกพันในเรื่องของเลขหมายขยายเลขหมายการให้บริการ อินเทอร์เน็ต ซึ่งยังติดปัญหาอยู่บ้างของผู้ให้บริการ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ที่เป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์พื้นฐาน รับไป และไปดูแนวทางการแก้ไขปัญหา ซึ่ง กสทช.ก็มีแผนอยู่แล้วที่จะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี 2564 เพียงแต่ว่าขั้นตอนการดำเนินการในปี 2563 ก็จะต้องมีการปรับเปลี่ยนซึ่งไม่ได้ปรับได้ทันที เพียงแต่ติดปัญหาเรื่องงบประมาณ
ขณะเดียวกันในเรื่องดาวเทียม นโยบายและการบริหารจัดการดาวเทียม ทั้งที่กำลังจะสิ้นสุดสัญญาสัมปทาน การบริหารการจัดการ กระทรวงดีอีในฐานะผู้ดูแลนโยบาย การบริหารจัดการตามขั้นตอนต่างๆ
อย่างไรก็ตามกระทรวงดีอีจะทบทวนการใช้ประโยชน์จากเน็ตประชารัฐ ประสิทธิภาพความยั่งยืนของเน็ตประชารัฐมีความจำเป็น ทั้งของ USO และเน็ตประชารัฐของกระทรวงดีอี งบประมาณสนับสนุนที่สะดุด การวางโครงข่าย ในอนาคตจะเห็นประโยชน์ของโครงข่าย ส่วน 10,000 จุด ที่กระทรวงดีอีจะลงเพิ่มนั้น จะต้องกลับไปดูรายละเอียดว่าสัญญาเป็นอย่างไร กรอบงบประมาณที่ต้องเติมลงไป การวางแผนของผมอย่างน้อยระยะสั้นควรจะ 5 ปี ระยะยาว 10 ปี การหางบประมาณปีต่อปีไม่ง่าย การใช้งานต่อเนื่องของโครงข่ายมีความจำเป็น
“ประมาณ 4-5 เรื่องที่หารือกัน ซึ่งในรายละเอียดเป็นการรับฟังซะส่วนใหญ่ มีหลายๆ เรื่องที่ได้ซักถามบ้าง ส่วนเรื่องในอดีตการทำงานระหว่างกระทรวงดีอี และกสทช.ที่มีปัญหาอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการทำงานร่วมกัน ปัญหาความทับซ้อน หรือกรอบงานทั้งการวางนโยบายในทางปฏิบัติ จริงๆ ที่มีการพูดคุยกันและประสานงานร่วมกันให้ใกล้ชิดกว่านี้ เชื่อว่าหลายๆ จะทำให้การทำงานในส่วนของการสื่อสารโทรคมนาคมให้กับพี่น้องประชาชนได้รวดเร็วขึ้น ความซ้ำซ้อนของหน้าที่ก็คงจะน้อยลงและที่สำคัญที่สุด ในเรื่องของโครงข่ายโทรคมนาคม ไม่ว่าจะเป็นดาวเทียม เครือข่ายต่างๆ ก็ดีมีความจำเป็นที่จะต้องทำ” รมว.ดีอี กล่าว
ด้านนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. กล่าวว่า เรื่องเร่งด่วนในการหารือกับ รมว.ดีอี เป็นเรื่องการบริหารจัดการกิจการดาวเทียม โดยดาวเทียมไทยคม 5 ที่จะสิ้นสุดสัมปทาน กสทช.จึงเสนอให้เร่งรัดเพื่อดำเนินการให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง โดยกระทรวงดีอีแจ้งว่าอยู่ในขั้นตอนของการจ้างที่ปรึกษาการบริหารจัดการดาวเทียม กสทช.ได้แจ้งว่าหากการดำเนินการตามระบบบริหารจัดการใหม่ไม่ทันตามกำหนดกสทช.จะออกมาตรการเพื่อคุ้มครองผู้ใช้บริการไม่ให้เกิดผลกระทบ
นอกจากนี้ กสทช.ยังได้อธิบายถึงการเรียกคืนคลื่นความถี่ของไทยคม 5 ย่านความถี่ 3400-3700 เมกกะเฮิรตซ์ (MHz) เพื่อนำมาประมูล และการเร่งรัดพัฒนาเทคโนโลยี5G โดยรัฐมนตรีดีอีเห็นด้วยกับแนวคิดของกสทช.ที่จะผลักดันให้การขับเคลื่อน 5G เป็นวาระแห่งชาติและมีกรรมการระดับชาติเข้ามาดูแล กสทช.ยังได้แจ้งถึงการเรียกคืนคลื่นความถี่ 2600 เมกกะเฮิรตซ์ จากบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ซึ่งยังมีปัญหาเกี่ยวกับการเยียวยา โดยรัฐมนตรีดีอีได้รับที่จะไปหารือกับรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูและ บมจ.อสมท เพื่อหาข้อสรุปในเรื่องนี้ ส่วนการสนับสนุนนโยบายต่อต้านข่าวลวง ได้แจ้งถึงการเสนอแนวคิดที่จะให้ผู้ให้บริการ OTT ตั้งศูนย์ตรวจสอบข่าวลวงเพื่อปิดกันข่าวลวง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี