nn จากนี้ไปอีก 1- 2 ปี ประเด็นใหญ่และสำคัญของประเทศไทยคือปัญหาด้านเศรษฐกิจ ซึ่งได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกหดตัวอย่างหนัก จากผลของการระบาดของโควิด-19 ซึ่งรัฐบาลเองก็ดูเหมือนจะรับรู้และให้ความสำคัญกับเรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจเป็นอันดับแรก ซึ่งสะท้อนออกมาได้ชัดเจนจากการที่นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และทีมงาน เดินสายหารือกับกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ 10 ฉบับ ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรีได้ย้ำในทุกเวทีการหารือว่าเป็นเรื่องภาวะเศรษฐกิจไทย
นายกรัฐมนตรีเข้าใจดีว่าโควิด-19 จะให้สภาพการหดตัวทางเศรษฐกิจยืดเยื้อยาวนานและทำให้ชีวิตคนไทยยากลำบากขึ้น และดูเหมือนว่านายกฯจะรู้ปัญหาจะกระจายออกไปกระทบคนส่วนใหญ่ของประเทศ...ทั้งกลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ซึ่งมีอยู่กว่า 3 ล้านราย คิดเป็น 95% ของวิสาหกิจทั้งประเทศ มีการจ้างงานกว่า 6-8 ล้านอัตรา...กลุ่มเกษตรกร กว่า 10 ล้านราย และกลุ่มรากหญ้าผู้มีรายได้น้อยกว่า 14 ล้านคน แรงงานในกลุ่มอาชีพอิสระ 39 ล้านคน กลุ่มแรงงานในภาคการท่องเที่ยว 4 ล้านราย....สรุปนายกฯดูเหมือนจะรู้ว่าคนไทยกว่าค่อนประเทศจะยากลำบาก
นี่เป็นเหตุที่ต้องเร่งทำงานด้านเศรษฐกิจรูปแบบใหม่“ศบค.เศรษฐกิจ” คือแทนที่จะนั่งประชุมกันแต่เฉพาะรัฐมนตรีประจำกระทรวงเศรษฐกิจอย่างเดียว ก็ปรับใหม่โดยเรียกผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจจากหลายภาคส่วน ทั้งตัวแทนสมาคมธนาคารไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าไทย สภาธุรกิจตลาดทุน ฯลฯ เข้ามาร่วมให้ข้อมูลเพื่อให้บรรดารัฐมนตรีประจำกระทรวงเศรษฐกิจได้รับทราบข้อมูลด้วย ก่อนที่จะออกเป็นนโยบายและโครงการต่างๆส่งให้รัฐบาลตัดสินใจ
นอกจากนี้ก็พยายามผลักมาตรการเพื่อประคับประคองเศรษฐกิจ เช่นพยายามการผลักดันการพึ่งพาเศรษฐกิจในประเทศ มาตรการช่วยเหลือ SME วงเงิน 5 แสนล้านบาท การยืดเวลาการพักชำระหนี้ ที่จากเดิมจะครบกำหนด 6 เดือน ในเดือนกันยายนนี้ ให้ขยายไปถึงธันวาคม มาตรการเพื่อช่วยภาคการท่องเที่ยว เพิ่มเติมจากการสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศรวมทั้งมาตรการด้านการลงทุนต่างๆ เพื่อช่วยกระตุ้นให้ภาคเอกชนลงทุนมากขึ้น
ส่วนแนวทางที่จะดำเนินต่อเมื่อพ้นจากวิกฤติโควิด-19 แล้ว นายกรัฐมนตรี ก็เน้นไปที่การขยายตลาดทางการค้า โดยมองถึงการการขยายกรอบความร่วมในระดับพหุภาคี เพิ่มเติมจากเดิมที่ไทยมีข้อตกลงอยู่แล้ว การนำศักยภาพที่ไทยมีอยู่ให้มีมูลค่า ทั้งด้านการเกษตร อาหาร บริการ ด้านสุขภาพ ฯลฯ
มาถึงตรงนี้เหมือนว่าประเทศไทยจะมองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ สำหรับการก้าวผ่านวิกฤติเศรษฐกิจ...แต่ว่าติดอยู่นิดเดียวคือ...คนที่จะมาทำงานให้....ซึ่งนั่นก็คือทีมครม.ด้านเศรษฐกิจ...สภาพการตอนนี้คงไม่ต้องขยายความต่อว่า ทีมเศรษฐกิจชุดเดิมจะเป็นไง....ตอนนี้ต้องโฟกัสไปที่ทีมเศรษฐกิจชุดใหม่...นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่าข้างหลังแกมีคนเก่งด้านเศรษฐกิจอยู่ข้างหลังเพียบเลย...แต่พอชวนให้มาทำงานข้างหน้า ทุกคนส่ายหน้าหมด บอกว่ากลัวการเมือง ขอช่วยอยู่ข้างหลังดีกว่า...และเมื่อดูอาการของนักการเมืองในพรรคพลังประชารัฐตอนนี้แล้ว....“ศบค.เศรษฐกิจ”...จึงน่าจะเป็นตัวช่วยที่ดีของนายกรัฐมนตรีที่จะบริหารงานด้านเศรษฐกิจในยามนี้
พงษ์พันธุ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี