** ท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากพิษโควิด-19 ที่เกิดขึ้นพร้อมกับ ช่วงฝุ่นตลบของการปรับคณะรัฐมนตรี ที่เวลานี้ต้องรอความชัดเจน จาก “บิ๊กตู่” พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะปรับทัพ จัดสรร ตำแหน่งวางตัวคณะรัฐมนตรีประยุทธ์ 2/2 ให้ลงตัวให้ออกมาลงตัวได้อย่างไร แต่ว่ากันว่า...การปรับเปลี่ยน ครม.ประยุทธ์ 2/2 จะเป็นอย่างไร .... ตำแหน่งที่เชื่อว่ายังเหนียวแน่น คือ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ เจ้ากระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เพราะหากมองย้อนกลับไปในช่วง1 ปีที่ผ่านมา แม้ผลงานจะไม่มีคนพูดถึงมากนัก แต่ผลงานเข้าตา“บิ๊กตู่” อย่างจัง โดยเฉพาะในช่วงที่ประเทศไทยประสบปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างหนัก ทำให้ประเทศไทยต้องก้าวเข้าสู่ยุค New Normal อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งด้านสาธารณสุข การศึกษา และด้านเศรษฐกิจ เพื่อให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อไปได้
ผลงานที่เห็นๆ เช่น การจัดทำข้อมูลประชาชนเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (People Data for Economy and Society : PDES)โครงการพัฒนา Cloud Platform เพื่อรองรับ New Normal หลังสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (โควิด-19) โครงการฝึกอบรมสร้างทักษะด้านดิจิทัล โครงการ Unified CommunicationPlatform โครงการสนับสนุนค่าจัดส่งสินค้าอุปโภค-บริโภค และค่าจัดส่ง/จัดซื้อสินค้าที่จำหน่ายในแพลตฟอร์มของบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เช่นHYPERLINK อีกทั้ง โครงการขยายจุดให้บริการ Free Wi-Fi ในชุมชนเมืองทั่วประเทศเพื่อส่งเสริมการฟื้นฟูเศรษฐกิจภายหลังสถานการณ์ของไวรัสโควิด-19 โครงการ “บวร 4.0” เพื่อการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลให้แก่ศาสนสถานในการเป็นศูนย์กลางพัฒนาความเท่าทันในการใช้ดิจิทัล และโครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชนสู่การเติบโตด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Village Economic Growth)
นอกจากนี้ เจ้ากระทรวง DES เร่งผลักดันความคืบหน้าการควบรวมกิจการระหว่างบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) กับบริษัท กสทโทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด(มหาชน) หรือ NT เพื่อรับมือการแข่งขันในอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ตั้งเป้าหมายให้เป็นบริษัทที่มีโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารขนาดใหญ่และครอบคลุมทั่วประเทศ ช่วยให้ผู้ใช้บริการเข้าถึงโครงข่ายการสื่อสารได้ในราคาที่เหมาะสม ตามที่ ครม.มีมติ เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2563 ที่ผ่านมา ให้ควบรวมให้เสร็จภายใน 6 เดือนนับจากวันที่ลงมติแต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ทำให้การส่งเอกสารแจ้งลูกหนี้ต่างประเทศล่าช้าจึงจะดำเนินการขอมติ ครม.ในการขยายการควบรวมให้แล้วเสร็จภายในเดือนมกราคม 2564
ส่วนโครงการที่สนับสนุนนโยบายการพัฒนาสู่รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์และดิจิทัลไทยแลนด์ ด้วยการเร่งพัฒนาระบบคลาวด์กลางภาครัฐ (Government Data Center and Cloud Service : GDCC) เพื่อเป็นโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ (Cloud Infrastructure) เริ่มให้บริการแล้ว มีหน่วยงานส่งคำขอใช้บริการเข้ามา 472 หน่วยงาน 1,570 ระบบ(ประมาณ 24,118 VM) ซึ่งตามแผนได้มีการกำหนดให้บริการหน่วยประมวลผลรวม 32,000 vCPU ภายในปี 2563 ช่วยประหยัดงบประมาณทางด้านไอทีของภาครัฐได้ 30-70 % ขณะเดียวกัน ข้อมูลที่สำคัญของประเทศจะถูกจัดเก็บอยู่ภายในประเทศไทยและสามารถเชื่อมโยงข้อมูลภาครัฐให้กลายเป็นบิ๊กดาต้า ภาครัฐเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการให้บริการประชาชนได้ ในส่วนของโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลด้านกฎหมายปัจจุบันได้จัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการร่างกฎหมายลูก โดยมีการรับฟังความเห็นจากภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชนหลายภาคส่วน เพื่อสร้างความโปร่งใสและให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเหมาะสมเป็นที่ยอมรับในระดับสากล
ต้องยอมรับความจริงว่า “ดิจิทัล” กำลังจะเปลี่ยนโลก ซึ่งแน่นอนว่าประเทศไทยก็ต้องเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นโครงสร้างพื้นฐานในทุกมิติสำหรับ “โลกดิจิทัล” ทั้งคน ทั้งเครื่องมือ และกติกา ประเทศไทยจะต้องเร่งสร้างขึ้นอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
พงษ์พันธุ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี