nn จากนี้ไปอย่างน้อย 1-2 ปี ภาคการท่องเที่ยวยังไม่อาจกลับมาเหมือนก่อนที่จะเกิดการระบาดของโควิด-19 ได้อีกแน่นอน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติ แม้ว่ารัฐบาลจะค่อยแย้มประเทศ แต่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติก็จะเดินทางเข้ามาได้ไม่เกิน 1 ล้านคนต่อปีเท่านั้น จากเดิมที่เคยเข้ามาปีละกว่า 30 ล้านคน ดังนั้นภาคการท่องเที่ยวจึงยังต้องพึ่งพาการท่องเที่ยวในประเทศเป็นหลัก และว่ากันตามจริงแล้วเกือบจะทุกจังหวัดในประเทศไทยมีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวทั้งนั้น แตกต่างกันไปตามอัตลักษณ์ที่มีของแต่ละท้องถิ่น ดังนั้น องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) จึงได้จัดทำโครงการ “เปิดประตูสู่ความCreative กับการท่องเที่ยว มุมมองใหม่” เพื่อดึงอัตลักษณ์ที่โดดเด่นของแต่ละท้องถิ่น ออกมาดึงดูดนักท่องเที่ยว ซึ่งจะทำให้การท่องเที่ยวไทยนั้นเติบโตอย่างยั่งยืน ไม่ใช่เกิดการกระจุกตัวอยู่แต่เฉพาะในเมืองท่องเที่ยวหลักที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวต่างชาติเท่านั้น
ทั้งนี้เพราะภาคการท่องเที่ยวเป็นแฟล็กชิพที่สำคัญในการกระตุ้นให้เกิดการหมุนเวียนของรายได้กระจายออกไปสู่ชุมชน ด้วยความหลากหลายและความพร้อมในทรัพยากรจากแหล่งท่องเที่ยวที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ แหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ (Eco-tourism) แหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ และแหล่งท่องเที่ยวทางศิลปวัฒนธรรม (Cultural Attraction) ทุกแหล่งท่องเที่ยวจะแม่เหล็กที่สำคัญในการสร้างศักยภาพให้ประเทศไทยขึ้นชั้นเป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวในลำดับต้นๆ ของโลก การท่องเที่ยวโดยชุมชนจึงเป็นกลไกที่สามารถสร้างการเติบโตของรายได้ให้กับประเทศอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญการท่องเที่ยวยังช่วยสร้างเศรษฐกิจชุมชนได้อย่างแท้จริง
สุดสัปดาห์นี้ อพท. จึงร่วม “เปิดประตูสู่ความ Creative กับการท่องเที่ยว มุมมองใหม่” ที่จังหวัดเพชรบุรี และ ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งจะได้สัมผัสประสบการณ์การท่องเที่ยว แบบร่วมเรียนรู้ ดูของจริง ลงมือทำกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ (Creative Tourism) 8 กิจกรรม ทั้ง ตอกกระดาษ (ลายหนังใหญ่), ทำขนมตาล,ปูนปั้นลายประจำยาม,ทำขนมหวานบ้านน้อย (ข้าวตู) , พิมพ์ผ้าลายทอง, ทำยำหัวโหนด,ทำซี่โครงหมูอบสับปะรด และ ทำกระดาษจากใบสับปะรดและขี้ช้างป่ากุยบุรีโดยกิจกรรมนี้จะมีในวันที่ 30 ตุลาคม ถึง 1 พฤศจิกายน 2563 นี้ที่ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี
กิจกรรมที่จัดขึ้นในครั้งนี้ เป็นไปตามเป้าหมายของ อพท.ในการยกระดับความเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่นเมืองเพชร และ จ.ประจวบฯด้วยต้นทุนทางวัฒนธรรม ความหลากหลายของวัตถุดิบในท้องถิ่นสู่วัฒนธรรมอาหารสูตรดั้งเดิม รวมถึงการเข้าไปสัมผัสวิถีชีวิต ที่จะเปิดเป็นเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ๆ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาสัมผัสศิลปวัฒนธรรมที่ยั่งยืนของทั้งสองจังหวัด นับเป็นเป้าหมายสำคัญของการส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชน ตามแผนยุทธศาสตร์ อพท. ระยะ 4 ปี (2562-2565)
จังหวัดเพชรบุรีและประจวบคีรีขันธ์ เป็นพื้นที่ที่อยู่ในเขตพัฒนาการท่องเที่ยวฝั่งทะเลตะวันตก นอกจากความหลากหลายระบบนิเวศชายฝั่งทะเล และภูเขา ของทั้งสองจังหวัด ยังมีความโดดเด่นทั้งเรื่องอาหารและศิลปวัฒนธรรม จึงมีความเป็นไปได้ที่ อพท. โดยสำนักงานพื้นที่พิเศษ 8 จะพัฒนาพื้นที่แห่งนี้ให้เข้าสู่เครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ในด้านอาหารและด้านศิลปวัฒนธรรม ซึ่งการพัฒนาศักยภาพของชุมชนในช่วงเวลานี้จึงถือเป็นการเตรียมความพร้อมให้แก่ชุมชนในพื้นที่ เพื่อก้าวสู่การให้บริการที่มีมาตรฐานตามอัตลักษณ์ที่มีในท้องถิ่นต่อไป
นอกจากนั้น อพท.ยังได้เตรียมพร้อมที่จะขยายการพัฒนากิจกรรมการท่องเที่ยวโดยชุมชนทั้งในด้านการพัฒนานักสื่อความหมาย โดยการนำจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของชุมชนมาเป็นจุดขาย พร้อมกับสร้างเรื่องราวให้เกิดความน่าสนใจ เช่น เรื่องเล่าเรื่องเมนูอาหาร (Story Telling) และการจัดทำปฏิทินฤดูกาลอาหารท้องถิ่น และหมวดหมู่อาหาร (Category) เพื่อเป็นตัวเลือกดึงดูดนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปี
พงษ์พันธุ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี