nn การประกาศความสำเร็จของการทดลองวัคซีน COVID-19 ตัวเลขเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 ที่ฟื้นตัวดีกว่าที่ประเมินไว้ รวมทั้งตัวเลขการส่งออกที่ติดลบน้อยลง และการคาดหมายว่าบรรยากาศการค้าโลกจะกลับมีดีขึ้น ทำให้หลายฝ่ายมองว่าเศรษฐกิจไทยนั้นอยู่ในทิศทางที่ดีมีโอกาส เริ่มเห็นวี่แววของการฟื้นตัวบ้างแล้ว นักวิชาการหลายสำนักรวมทั้งหน่วยงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลปรับตัวเลขการติดลบของเศรษฐกิจไทยปีนี้ว่าอาจจะอยู่แค่ระดับ 6-7% จากเดิมที่คาดว่าจะติดลบ 9-10% และคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะกลับมาขยายตัวได้ในระดับ 3%
อย่างไรก็ตาม การของเศรษฐกิจไทยในระยะต่อจากนี้ ก็ยังคงถูกปกคลุมไปด้วยความเสี่ยงหลากหลายปัจจัยดังนั้นแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยจะยังคงเป็นไปอย่างเปราะบาง และแตกต่างกันมากในแต่ละอุตสาหกรรม และมีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงที่จะโตได้ต่ำกว่าที่ประเมินไว้
ความเสี่ยงแรกคือจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ยังจะเข้าไทยมาได้แค่ 7-8 ล้านคนเท่านั้น เทียบกับก่อนหน้าเกิดการระบาดของโควิด-19 ที่เข้ามาถึงกว่า 40 ล้านคน ดังนั้น ธุรกิจท่องเที่ยวยังคงเผชิญกับปัญหาสภาพคล่องต่อไปและอาจส่งผลรุนแรงการจ้างงาน และเป็นตัวฉุดการบริโภคในประเทศ ทั้งนี้เมื่อต้องรอถึงไตรมาส 3 หรือ 4 ของปี 2564 กว่าที่นักท่องเที่ยวต่างชาติจะเริ่มกลับมาได้บ้าง จึงมีโอกาสสูงที่ธุรกิจโรงแรมขนาดเล็กจะต้องทยอยปิดตัวเพิ่มมากขึ้นอีกจากที่ปิดตัวไปบ้างแล้วจำนวนไม่น้อยไปก่อนหน้านี้ เนื่องจากการขาดสภาพคล่องหรือมีเงินสดไม่พอใช้จ่ายเพื่อดำเนินกิจการต่อไป และหากว่านักท่องเที่ยวกลับมาน้อยกว่าที่คาด ผลกระทบต่อเศรษฐกิจจะรุนแรงขึ้น เพราะไม่ใช่เฉพาะรายได้จากการท่องเที่ยวที่หายไป แต่จะมีธุรกิจต่างๆที่เป็นธุรกิจต่อเนื่องทั้งต้นน้ำและปลายน้ำของธุรกิจการท่องเที่ยวจะต้องปิดกิจการลงไป ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลกระทบต่อเนื่องกับทั้งการบริโภค การลงทุน และทำให้เศรษฐกิจเติบโตได้ช้ากว่าที่ประเมินไว้มาก และเติบโตได้ในระดับต่ำกว่าคาดการณ์กันไว้
นอกจากนี้ ประเด็นของเงินบาทที่แข็งค่า (30-31 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ) จะเป็นปัจจัยถ่วงการฟื้นตัวของการส่งออก ในปี 2564 ด้วยเหตุที่ส่วนใหญ่สินค้าส่งออกของไทยเป็นสินค้าเทคโนโลยีที่ค่อนข้างต่ำ และแม้ว่าเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าหลักของไทยไม่ว่าจะเป็นสหรัฐและจีน จะฟื้นตัวได้ดีขึ้น แต่ก็ยังน่าเป็นห่วงว่าในสถานการณ์ที่ไทยแข่งขันได้ยากอยู่แล้ว ซ้ำต้องมาเจอภาวะค่าเงินบาทที่เริ่มแข็งค่ามากขึ้นเมื่อเทียบกับประเทศคู่ค้าและคู่แข่งขันก็จะทำให้รายได้ของผู้ส่งออกถูกกระทบ
ส่วนปัจจัยเลี่ยงล่าสุด คือ ความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองในประเทศ สถานการณ์การเมืองในประเทศจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่กระทบต่ออุปสงค์ในประเทศและชะลอการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ รวมทั้งเศรษฐกิจไทยที่ยังคงเผชิญกับความเสี่ยงจากปัจจัยเชิงโครงสร้างหลายประการที่ทำให้ไทยเสียความสามารถในการแข่งขันและความน่าดึงดูดในการเป็นเป้าหมายของการลงทุนจากต่างประเทศ
เมื่อดูจากปัจจัยเสี่ยงที่รออยู่ข้างหน้า ดังนั้นนโยบายเศรษฐกิจทั้งนโยบายการเงินและนโยบายการคลังยังคงต้องออกมาเพิ่มเติมอีก และรัฐบาลควรมีนโยบายเพื่อรองรับความเสี่ยงหลายประการที่จะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้า เพื่อประคับประคองธุรกิจ สร้างงาน และกระตุ้นเศรษฐกิจ จนกว่าสถานการณ์ในสังคมและเศรษฐกิจโลกและไทยจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติในอีก 2 ปีข้างหน้า
พงษ์พันธุ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี