นายจิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ Executive Chairman, Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า จากความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ส่งผลต่อตลาดทุนแต่ต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งทำให้เกิดมีความกังวลต่อเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้กดดันแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ให้เกิดขึ้นแบบรุนแรงและรวดเร็ว รวมถึงความกังวลต่อสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ทำให้ตลาดกังวลต่อปัญหาการขาดแคลนน้ำมันดิบและวัตถุดิบต่างๆ ส่งผลให้ราคาน้ำมันขยับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทางด้านตลาดการลงทุนในช่วงนี้ผันผวนกว่าปกติ ผลตอบแทนจากสินทรัพย์ต่างๆ อยู่ในทิศทางขาลงซึ่งมีปัจจัยจากอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่ยังคงปรับเพิ่มขึ้น และยังไม่เข้าสู่แนวโน้มขาลงตามเป้าหมายของเฟด จากราคาพลังงานและบริการที่ปรับเพิ่มขึ้น ทำให้นโยบายการเงินมีทิศทางตึงตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง ตลาดแรงงานยังคงตึงตัว โดยอัตราการว่างงานยังใกล้ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งในช่วง
ที่ผ่านมา ดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจโลกลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งแนวโน้มชะลอตัวลงต่อเนื่องนี้เข้าใกล้เกณฑ์หดตัว ทำให้มีโอกาสเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย อาจนำไปสู่ตลาดหมีหรือตลาดขาลง ในสภาวะเศรษฐกิจและตลาดเช่นนี้ ธนาคารยังคงเน้นย้ำกลยุทธ์การลงทุนแบบกระจายความเสี่ยง
ทั้งนี้ธนาคารจึงแนะนำให้ปรับกลยุทธ์และสัดส่วนการลงทุนในประเภทสินทรัพย์สำหรับครึ่งปีหลัง ได้แก่ 1.เงินสด 2% ลดสัดส่วนการถือครองเงินสด เพื่อไปลงทุนในตราสารหนี้มากขึ้น 2.ตราสารหนี้ 36% เนื่องอัตราผลตอบแทนส่วนเพิ่มจากพันธบัตรรัฐบาล น่าสนใจมากขึ้น 3.หุ้น 45% คงน้ำหนักการลงทุนในหุ้น 4.สินทรัพย์ทางเลือก 17% เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในยุโรป คาดว่าสินทรัพย์กลุ่มคุณค่า จะฟื้นตัวได้ดี ลดน้ำหนักการลงทุนในทองคำ แต่ให้น้ำหนักลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์เพื่อกระจายความเสี่ยง
ด้านนางสาวศิริพร สุวรรณการ Senior Managing Director-Financial Advisory Head ธนาคารกสิกรไทย ระบุว่า นับจากนี้ เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยแบบซอฟท์แลนดิ้ง ซึ่งให้มองที่ตัวเลขแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯและจีน โดยสหรัฐยังมองภาพรวมเติบโตแข็งแกร่ง คนตกงานน้อยมาก ค่าแรงยังเพิ่มขึ้น การใช้จ่ายดี แต่ตัวเลขเงินเฟ้อยังพุ่งขึ้นไม่หยุด สาเหตุส่วนหนึ่งคือ ราคาพลังงานและราคาอาหารที่พุ่งขึ้นถึงวันนี้ เงินเฟ้อยังไม่มีท่าทีหยุด ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย ล่าสุดขึ้น 0.75 % คาดการณ์ว่า จะขึ้นอีกอย่างน้อย 2 ครั้งคือ 0.75 และ 0.5% ทำให้เห็นความต้องการซื้อบ้านในสหรัฐเริ่มชะลอ ล่าสุดจีนเริ่มผ่อนคลายท่าทีเกี่ยวกับนโยบายโควิด แต่ยังระมัดระวัง เพราะหากมีการล็อกดาวน์อีกครั้ง จะส่งผลต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี