nn กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงที่เต็มไปได้สีสันและโอกาสของใครหลายคนที่ยอมละทิ้งภูมิลำเนามาแสวงหาอาชีพและรายได้ที่สูงขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็กลับเป็นเมืองที่ทำให้เกิดช่องว่างของความเหลื่อมล้ำและการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ตลอด 2 ปีที่ผ่านมาได้ซ้ำเติมให้ปัญหานี้ดูจะยิ่งถ่างออกไปอีก ส่งผลให้คนจนในเมืองกรุงมีจำนวนเพิ่มขึ้นกลายเป็นปัญหาสะสมที่น่ากังวลสำหรับการพัฒนาเมืองแห่งนี้ในระยะต่อไป ขณะเดียวกันการแก้ไขปากท้องจากกรุงเทพมหานครที่ผ่านมาแทบมองไม่เห็นนโยบายที่ชัดเจนนัก นั่นเป็นเรื่องที่เข้าใจได้เพราะนโยบายใดๆ ที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจจำเป็นต้องรอคอยจากรัฐบาลเป็นหลัก ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ ประธานที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์และงบประมาณ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มองปัญหานี้เชื่อมโยงกันจึงนำมาสู่นโยบาย 216 ข้อเพื่อสร้างกรุงเทพฯ เมืองน่าอยู่
ลำพังหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งที่จะเข้ามาแก้ไขคงไม่เพียงพอ จำเป็นต้องอาศัยการบูรณาการร่วมไม้ร่วมมือจากหลายภาคส่วนจึงจะทำให้สำเร็จได้ ดังนั้น ล่าสุดการประชุมเชิงปฏิบัติการ “Kick off การแก้ปัญหาความยากจนแบบเบ็ดเสร็จและแม่นยำกรุงเทพมหานคร” (เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เขตพระโขนง และ
เขตคันนายาว) ดร.เกษรา ในฐานะประธานเปิดการประชุมจึงมองถึงโอกาสในการร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนแผนปฏิบัติงาน เวทีดังกล่าวจัดขึ้นโดย กรุงเทพมหานคร หน่วยบริหารและจัดการทุน ด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน(พอช.) และมูลนิธิเพื่อการพัฒนาเชิงพื้นที่ โดยนำร่องศึกษาในพื้นที่เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เขตพระโขนง และเขตคันนายาว ซึ่งสะท้อนคนจนใน กทม. เพราะย่านนี้ที่ดินมีราคาสูง คนจนที่มีรายได้น้อยไม่สามารถเข้าถึงได้ ไม่มีกรรมสิทธิ์อยู่อาศัยหลากหลายทั้งแบบเช่า เช่าช่วงต่อ โดยข้อมูลเบื้องต้นพบว่ามีครัวเรือนที่มีรายได้น้อยประมาณ 1,000 กว่าครัวเรือน และว่างงานอีกกว่า 1,000 คน
การสำรวจ ประกอบด้วยคณาจารย์ นักวิจัย นักปฏิบัติการจากหลายหน่วยงานการร่วมมือของภาคีเครือข่าย และพัฒนาหาทางช่วยเหลือคนจน ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร กรอบการทำงาน 1.การสอบทานข้อมูล หรือ สถานะความยากจนของคนจนและครัวเรือนเป้าหมาย 2.การดำเนินฐานทุนหรือศักยภาพในการพัฒนาตนเอง หรือแก้ไขปัญหาความจนของคนจนและครัวเรือนเป้าหมาย โดยมีเป้าหมายที่จะเก็บข้อมูลอย่างน้อย 19,000 ครัวเรือนตามพื้นที่นำร่อง 3.การวิเคราะห์เปรียบเทียบฐานทุน บริบทของพื้นที่กับสถานะความเป็นอยู่ของคนจนและครัวเรือนเป้าหมาย และ 4.การวิจัยโครงการและดำเนินการแก้ไข ส่วนนี้เองที่กรุงเทพมหานครจะมีบทบาทที่สำคัญอย่างมากในการร่วมปรับปรุงเครื่องมือให้สอดคล้องกับบริบทของเมืองกรุงเทพฯ รวมไปถึงการเชื่อมโยงกลไกกับหน่วยงานภาคีเพื่อแก้ไขความยากจน
สำหรับโครงการฯ ในพื้นที่กรุงเทพมหานครเป็นโครงการวิจัย โครงการ 3 ต่อเนื่องจากโครงการ 1 และ 2 ในระดับจังหวัด มีระยะเวลาในการศึกษารวม 3 ปี
ขณะนี้เริ่มเก็บข้อมูลไปแล้ว 3 เดือนโดยมีเครือข่ายอาสาในพื้นที่ช่วยเก็บข้อมูล กรอบการศึกษาเน้น 5 เรื่อง ได้แก่ มิติทุนมนุษย์ ทุนทางกายภาพ ทุนการเงิน ทุนทรัพยากรธรรมชาติและทุนทางสังคม
“คนจนเมืองเกิดขึ้นเกือบทุกที่ในระบบทุนนิยม กรุงเทพฯ จึงไม่ต่างจากที่อื่นแต่สิ่งที่อยากบอกคือ กทม. ยุคนี้เราตั้งใจ และมีความจริงจังที่อยากจะเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาคนจนเมือง แต่ลำพัง กทม.ทำได้ไม่หมด เพราะ กทม. ไม่ได้เป็นผู้กำหนดนโยบายแต่เราเป็นจ้าของพื้นที่ จึงมีส่วนสำคัญที่น่าจะเป็นส่วนช่วยเหลือแพลตฟอร์ม ของการทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงๆ จังๆ ได้ โดยอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย” ดร.เกษรา
l พงษ์พันธุ์ l
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี