นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า กนอ.ได้ดำเนินโครงการระบบติดตามการเคลื่อนย้ายกากของเสียอุตสาหกรรมแบบ Real-Time เพื่อกำกับและติดตามตรวจสอบการเคลื่อนย้ายกากอุตสาหกรรมจากผู้ก่อกำเนิดของเสีย (Waste Generator)ผู้ขนส่ง (Waste Transporter) และผู้รับกำจัด (Waste Processor) แบบครบวงจร โดยนำเทคโนโลยีระบบสารสนเทศที่ทันสมัย เช่น ระบบ AI, GPS RFID CCTV มาประยุกต์ใช้อย่างบูรณาการ ป้องกันการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมที่ก่อให้เกิดความเสียหายกับสิ่งแวดล้อม และส่งผลกระทบต่อประชาชนที่อาศัยอยู่รอบพื้นที่ที่ถูกลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรม
โครงการนำร่องระยะที่ 1 ดำเนินการแล้วเสร็จเป็นแห่งแรกที่นิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ จังหวัดลำพูน ในการติดตามของเสียอันตราย (Hazardous Waste) ซึ่งมีผู้ประกอบการภายในนิคมอุตสาหกรรม 60บริษัท ผู้รับกำจัดกากของเสียอุตสาหกรรม 25 บริษัทผู้ขนส่ง 11 บริษัท และรถบรรทุกขนส่งกากอุตสาหกรรม 160 คัน ได้ลงทะเบียนในระบบฯ และดำเนินการระยะที่ 2 มาตั้งแต่ปี 2565 ขยายผลครบทั้ง 14 นิคมอุตสาหกรรมแล้วเมื่อเดือนกรกฎาคม 2566 ซึ่งระยะที่ 2 ได้เพิ่มเติมในส่วนของการแสดงข้อมูลน้ำหนักรถบรรทุกกากของเสีย และน้ำหนักกากของเสียพร้อมป้ายทะเบียน ทำให้การติดตามตรวจสอบมีข้อมูลครบถ้วนมากที่สุด
“กนอ. พัฒนาแนวคิดในการสร้างระบบติดตามการเคลื่อนย้ายกากอุตสาหกรรมตั้งแต่ผู้ก่อกำเนิดจนถึงผู้รับกำจัด เพื่อป้องกันการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งสามารถตรวจสอบ ติดตาม และสืบค้นข้อมูลการเคลื่อนย้ายกากของเสียอุตสาหกรรมแบบ Real-Time ได้ เช่น ตรวจสอบตำแหน่งรถ เส้นทางเดินรถ รวมถึงพฤติกรรมของพนักงานขับรถตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง โดยระบบจะประมวลข้อมูลแล้วแจ้งเตือนความผิดปกติ หรือนำส่งรายงานไปยังศูนย์ควบคุมของ กนอ.โดยอัตโนมัติ ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามและเข้าสกัดการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมได้อย่างทันท่วงที” นายวีริศ กล่าว
ผู้ว่าฯกนอ.ย้ำว่าเราให้ความสำคัญต่อการบริหารจัดการสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วที่เกิดขึ้นจากการประกอบกิจการโรงงานภายในนิคมอุตสาหกรรม รวมถึงการปฏิบัติตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมฉบับล่าสุดที่มีการปรับปรุงใหม่ เรื่อง การจัดการสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว พ.ศ. 2566จะมีผลบังคับใช้วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 ซึ่งผู้ก่อกำเนิดของเสียและผู้รับกำจัดของเสียต้องรายงานการจัดการของเสียภายในระยะเวลาที่กำหนด ผู้ฝ่าฝืนมีโทษปรับสูงสุด 20,000 บาท ทั้งนี้ เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืนของภาคอุตสาหกรรมและชุมชน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี