นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างเดือนมกราคม 2568 เท่ากับ 112.3 เพิ่มขึ้น 0.3% ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน จากการเร่งดำเนินโครงการก่อสร้างของภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการด้านคมนาคมที่ดำเนินการในหลายพื้นที่ รวมทั้งค่าขนส่งที่ปรับสูงขึ้น ตามราคาน้ำมันดีเซลที่สูงกว่าปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ดัชนีราคาส่วนใหญ่ปรับสูงขึ้น ทั้งไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ ผลิตภัณฑ์คอนกรีต อุปกรณ์ไฟฟ้าและประปา วัสดุฉาบผิว และวัสดุก่อสร้างอื่นๆ
โดยหมวดสินค้าสำคัญที่สูงขึ้น ได้แก่ หมวดไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ เพิ่มขึ้น 1% จากสินค้าสำคัญ ได้แก่ ไม้แบบ ไม้พื้น และบานประตู หมวดผลิตภัณฑ์คอนกรีต เพิ่มขึ้น 1.2% จากสินค้าสำคัญ เช่น เสาเข็มคอนกรีตอัดแรง เสาเข็มคอนกรีตเสริมเหล็ก และคอนกรีตผสมเสร็จ หมวดอุปกรณ์ไฟฟ้าและประปา เพิ่มขึ้น 2.7% จากการสูงขึ้นของราคาสายเคเบิล THW สายส่งกำลังไฟฟ้า NYY และสายไฟฟ้า VCT ที่มีการปรับราคาสูงขึ้นตามราคาทองแดงซึ่งเป็นวัตถุดิบหลัก หมวดวัสดุฉาบผิว เพิ่มขึ้น 0.8% จากการสูงขึ้นของราคาสีทาถนนชนิดสะท้อนแสง และหมวดวัสดุก่อสร้างอื่นๆ เพิ่มขึ้น 7.3% จากการสูงขึ้นของราคายางมะตอย เนื่องจากความต้องการใช้เพิ่มขึ้นเพื่อก่อสร้างและซ่อมแซมถนนในหลายพื้นที่
ส่วนหมวดสินค้าสำคัญที่ราคาลดลง ได้แก่ หมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก ลดลง 3.2% จากการลดลงของราคาเหล็กโครงสร้างรูปพรรณ เช่น เหล็กเส้นกลมผิวเรียบ เหล็กเส้นกลมผิวข้ออ้อย เหล็กฉาก เหล็กรางน้ำ เป็นต้น ที่ยังคงได้รับผลกระทบจากปัญหาวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ของจีนเป็นสาเหตุ ทำให้มีปริมาณเหล็กในตลาดจำนวนมากกดดันให้ราคาเหล็กในเอเชียและในประเทศลดลงอย่างต่อเนื่อง หมวดซีเมนต์ ลดลง 1.6% จากการลดลงของปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ปูนซีเมนต์ผสม และปูนฉาบสำเร็จรูป เนื่องจากต้นทุนการผลิตลดลงจากราคาถ่านหินปรับลดลง โดยมีสาเหตุจากการเปลี่ยนไปใช้พลังงานสะอาดทดแทนมากขึ้น ทำให้ความต้องการใช้ถ่านหินลดลง ประกอบกับมีการแข่งขันในธุรกิจซีเมนต์สูงมาก
นอกจากนี้ยังมีผลกระทบจากปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังสูงและหนี้เสียที่เพิ่มขึ้น ทำให้สถาบันการเงินมีความเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อ ส่งผลให้การลงทุนโครงการใหม่ๆชะลอตัว จึงเป็นปัจจัยกดดันให้ดัชนีราคาหมวดกระเบื้อง ลดลง 1.3% จากสินค้าสำคัญ เช่น กระเบื้องเคลือบบุผนัง กระเบื้องเคลือบปูพื้น เป็นต้น รวมทั้งหมวดสุขภัณฑ์ ลดลง 0.9% จากสินค้าสำคัญ เช่น กระจกเงา ฝักบัวอาบน้ำ และราวจับแสตนเลส ที่มีความต้องการใช้ลดลงตามการชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์
นายพูนพงษ์ กล่าวว่า ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างปี 2567 เฉลี่ยทั้งปี ลดลงเล็กน้อย 0.2% เนื่องจากสถานการณ์การลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวต่อเนื่องจากหลายปัจจัย เช่น อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูง ภาวะหนี้ครัวเรือนสูง รวมทั้งหนี้เสียที่เพิ่มขึ้น ทำให้สถาบันการเงินเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อ ส่งผลกระทบต่อการจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ ทำให้การลงทุนโครงการใหม่ๆชะลอตัว แต่ในปี 2568 คาดว่าดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างจะมีทิศทางที่ขยายตัว จากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามแผน ทำให้การก่อสร้างที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อาทิ โครงการรถไฟความเร็วสูง โครงการรถไฟฟ้า โครงการทางด่วนพิเศษ โครงการขยายสนามบิน เป็นต้น รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยที่ลดลงกว่าปีที่แล้ว และภาคอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นตามการท่องเที่ยว ทำให้สถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ในประเทศมีแนวโน้มฟื้นตัว จะเป็นปัจจัยส่งผลให้ความต้องการใช้สินค้าวัสดุก่อสร้างเพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตามมีปัจจัยที่ทำให้ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างหดตัวกว่าที่คาดไว้ โดยต้องจับตามาตรการปกป้องอุตสาหกรรมเหล็กของสหรัฐฯ โดยการขึ้นภาษีศุลกากรในสินค้าเหล็กนำเข้า วิกฤตอสังหาริมทรัพย์ของจีนที่ยังคงยืดเยื้อ อาจส่งผลให้เหล็กของจีนกระจายไปยังภูมิภาคอื่นเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอาเซียนและไทย ส่งผลให้ราคาเหล็กในตลาดโลกและในประเทศปรับลดลง มีการชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์จากการเข้มงวดของการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงิน และหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และราคาน้ำมันและพลังงานของโลกมีแนวโน้มลดลงตามอุปสงค์ที่ชะลอตัว และนโยบายการเพิ่มกำลังการผลิตของสหรัฐฯ
-033
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี