พาณิชย์จับมือปาปัวนิวกินี  ขยายโอกาสการค้าการลงทุนร่วมกัน

พาณิชย์จับมือปาปัวนิวกินี ขยายโอกาสการค้าการลงทุนร่วมกัน

วันพฤหัสบดี ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568, 06.00 น.

นายวรวงศ์ รามางกูร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงการหารือกับนายริชาร์ด มารู (Hon. Richard Maru, OBE, MP) รมต.การค้าและการลงทุนปาปัวนิวกินีว่า ไทยและปาปัวนิวกินีมีความสัมพันธ์ทางการทูตตั้งแต่ปี 2519 และจะครบรอบ 50 ปี ในปี 2569 โดยปาปัวนิวกินีมีความใกล้ชิดกับไทยเป็นลำดับต้นๆ ในกลุ่มประเทศหมู่เกาะแปซิฟิก และเป็นแหล่งนำเข้าเนื้อปลาทูน่าที่สำคัญอันดับที่ 12 ของไทย คิดเป็นสัดส่วน 3.04% ของการนำเข้าเนื้อปลาทูน่าของไทยจากตลาดโลก ขณะเดียวกัน ชาวปาปัวนิวกินีก็นิยมบริโภคข้าวไทย โดยปีที่ผ่านมา ไทยส่งออกข้าวไปยังปาปัวนิวกินีคิดเป็นสัดส่วน 1.39 %ของการส่งออกข้าวจากไทยไปตลาดโลก และเป็นอันดับที่ 1 ของสินค้าทั้งหมดที่ไทยส่งออกไปยังปาปัวนิวกินี

รัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ ยินดีเปิดรับการค้าและการลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเป้าหมายซึ่งไทยมีความเชี่ยวชาญ เช่น อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว อุตสาหกรรมการเกษตรและแปรรูปอาหาร และการพัฒนาบุคลากรและการศึกษา สอดคล้องกับภาคอุตสาหกรรมที่เป็นจุดแข็งของปาปัวนิวกินี เช่น การเกษตร การทำประมง โดยเฉพาะการจับปลาทูน่าในบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ รวมไปถึงอุตสาหกรรมบริการ และการท่องเที่ยว และรวมไปถึงอุตสาหกรรมใหม่ที่เป็นอนาคตอย่าง Printed Circuit Board (PCB) และ Data Center ที่กำลังมีการลงทุนเข้ามาที่ไทยเป็นจำนวนมาก


“ไทยพร้อมร่วมมือกับปาปัวนิวกินีในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญระหว่างกัน รวมถึงพัฒนาและต่อยอดความร่วมมือในด้านเทคโนโลยี อุตสาหกรรมการผลิต และการพัฒนาทรัพยากรบุคคลระหว่างกันต่อไป โดยเฉพาะสาขาที่ไทยมีความเชี่ยวชาญ เช่น เกษตรกรรม สาธารณสุข ความมั่นคงทางอาหาร การประมง และการพัฒนาพลังงาน พร้อมทั้งใช้โอกาสนี้เชิญชวนนักธุรกิจจากปาปัวนิวกินีที่สนใจ เข้าร่วมงานกิจกรรมส่งเสริมด้านการตลาดในไทย อาทิ สินค้าอาหารและสินค้าแฟชั่น/ไลฟ์สไตล์ ในงาน THAIFEX– Anuga Asia งาน STYLE Bangkok และ งาน Bangkok Gems & Jewelry Fair (BGJF) อีกด้วย”

นอกจากนี้รมต.การค้าและการลงทุนปาปัวนิวกินี ได้แจ้งว่า มีความสนใจศึกษาดูงานระบบ National Single Window (NSW) ของไทย และยินดีร่วมมือกับไทยในการขยายมูลค่าการค้าและการลงทุนระหว่างกัน ปัจจุบันมีนักลงทุนไทยเข้าไปลงทุนในธุรกิจด้านการกระจายสินค้า อาทิ ข้าว น้ำตาล เกลือ รวมไปถึงธุรกิจผลิตปลาทูน่ากระป๋อง และธุรกิจปลูกอ้อยและผลิตน้ำตาล โดยปาปัวนิวกินีประสงค์เชิญชวนไทยเข้าไปขยายการลงทุนในประเทศในภาคธุรกิจต่าง ๆ ที่ไทยมีความเชี่ยวชาญเพิ่มเติม เช่น ประมง เนื้อไก่ ข้าว และน้ำตาล เป็นต้น รวมถึงขอเชิญชวนภาคเอกชนไทยเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการลงทุนในช่วงเดือนกันยายนนี้ เพื่อแสวงหาโอกาสทางการค้าและการลงทุนใหม่ๆ ในปาปัวนิวกินี

ในปี 2567 ปาปัวนิวกินีเป็นคู่ค้าอันดับที่ 76 ของไทย มีมูลค่าการค้ารวมระหว่างกัน 259.14 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากปีก่อนหน้า 26.33% ไทยส่งออกไปปาปัวนิวกินีคิดเป็นมูลค่า 211.21 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ ข้าว รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และน้ำตาลทราย ขณะที่ไทยนำเข้าจากปาปัวนิวกินี คิดเป็นมูลค่า 47.92 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีสินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ สัตว์น้ำสด แช่เย็น แช่แข็ง แปรรูปและกึ่งสำเร็จรูป สินแร่โลหะอื่น ๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ และเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ทั้งนี้ ไทยเป็นฝ่ายได้ดุลการค้า คิดเป็นมูลค่า 163.29 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top