นางสาวสุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยความสำเร็จของผู้ประกอบการไทยที่เข้าร่วมงาน “AAHAR 2025 - The International Food & Hospitality Fair” ครั้งที่ 39 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-8 มีนาคม 2568 ณ กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย ว่า ผู้ประกอบการไทยสามารถสร้างยอดสั่งซื้อทันทีได้ถึง 80.3 ล้านบาท และคาดว่าจะมียอดสั่งซื้อสินค้าไทยภายใน 1 ปี กว่า 262 ล้านบาท

โดยงาน AAHAR 2025 เป็นงานแสดงสินค้าอุตสาหกรรมอาหาร เครื่องดื่มและบริการระดับนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดของอินเดีย มีผู้ประกอบการเข้าร่วมมากกว่า 2,500 ราย จาก 150 ประเทศ และมีผู้เข้าชมงานกว่า 100,000 คน

สำหรับงานในปี 2568 นี้ นางสาวสุจิรา ปานจนะ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงนิวเดลี ได้นำผู้ประกอบการไทย 23 บริษัท เข้าร่วมจัดแสดงสินค้าในรูปแบบ Thailand Pavilion เป็นครั้งแรก บนพื้นที่ 108 ตารางเมตร ซึ่งแบ่งเป็น คูหาผู้ประกอบการ 23 บริษัท, Product Showcase และ Thai SELECT Showcase ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ให้ทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในต่างประเทศนำสินค้าไทยไปขายในตลาดโลก

นางสาวสุนันทา กล่าวว่า การเข้าร่วมงานในครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงนิวเดลี และ Mr. Amit Lohani นายกสภาผู้นำเข้าสินค้าอาหารอินเดีย ร่วมเปิดคูหา Thailand Pavilion และพบปะผู้ประกอบการไทย ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสทางการค้าและสร้างความเชื่อมั่นให้กับสินค้าจากไทย

โดยสินค้าไทยได้รับความสนใจอย่างมาก ทำให้ Thailand Pavilion คว้ารางวัลคูหายอดนิยมของโซน Hall-1 International Pavilion ซึ่งเป็นโซนหลักของงาน ซึ่งสินค้าที่ได้รับความสนใจมากที่สุด ได้แก่ ซอสและเครื่องปรุงรส, เครื่องแกง, กุ้งแช่แข็ง, เครื่องดื่มบำรุงกำลัง, น้ำมะพร้าว,ผลไม้แปรรูป และขนมขบเคี้ยวจากข้าว

สำหรับผลตอบรับจากงานครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของสินค้าอาหารและเครื่องดื่มไทยในตลาดอินเดีย ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่และมีศักยภาพสูง โดยกรมฯจะเดินหน้าสนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้สามารถขยายตลาดส่งออกไปยังอินเดียและประเทศอื่นๆอย่างต่อเนื่อง

“กรมฯพร้อมผลักดันสินค้าไทยให้เป็นที่รู้จักในตลาดโลก โดยเฉพาะอินเดีย ซึ่งมีประชากรมากกว่า 1,400 ล้านคน และมีกำลังซื้อสูง กรมฯจะเดินหน้าจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าในลักษณะนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถขยายตลาดได้อย่างมั่นคง”นางสาวสุนันทา กล่าว

-033