นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 เปิดเผยว่า 4 เดือนแรก (มกราคม - เมษายน) ปี 2568 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 จำนวน 363 ราย โดยเป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 87 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (ผ่านช่องทางการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และการใช้สิทธิตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างประเทศ) 276 ราย เงินลงทุนรวม 57,860 ล้านบาท โดยชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุน 5 อันดับแรกของ 4 เดือน ปี 2568 ได้แก่1. ญี่ปุ่น 71 ราย คิดเป็นร้อยละ 20 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 17,255 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ ธุรกิจการจัดหาจัดซื้อวัตถุดิบ ชิ้นส่วน และส่วนประกอบสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ ,ธุรกิจบริการจัดหาวัสดุอุปกรณ์ การเปลี่ยนและทำการเชื่อมต่อท่อส่งใต้ทะเล ระหว่างแท่นหลุมผลิตในโครงการขุดเจาะน้ำมัน,ธุรกิจบริการสถานีบริการอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานพาหนะไฟฟ้า,ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น ชิ้นส่วนโลหะ/เคมีภัณฑ์สำหรับใช้ในอุตสาหกรรมเกี่ยวกับโลหะ/ชิ้นส่วนยานพาหนะ/ชิ้นส่วนคอมเพรสเซอร์รถยนต์
2. สหรัฐอเมริกา 51 ราย คิดเป็นร้อยละ 14 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 2,485 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ ธุรกิจค้าปลีกสินค้า เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตแผ่นวงจร ซอฟต์แวร์สำเร็จรูป อุปกรณ์โทรคมนาคม เครื่องสำอาง,ธุรกิจบริการคลังสินค้า,ธุรกิจบริการ Data Center,ธุรกิจบริการรับจ้างผลิต เช่น สิ่งปรุงแต่งอาหาร โลหะผสมสำหรับผลิตเครื่องประดับ, Captive Screw for PCB
3. สิงคโปร์ 45 ราย คิดเป็นร้อยละ 12 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติ เงินลงทุน 9,126 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ ธุรกิจบริการออกแบบ จัดซื้อ จัดหา ติดตั้ง ทดสอบ ตลอดจนการฝึกอบรม การให้คำปรึกษาแนะนำด้านการปฏิบัติการของงานระบบควบคุมกำกับดูแลและเก็บข้อมูลสำหรับโครงการรถไฟฟ้า,ธุรกิจบริการศูนย์กระจายสินค้าด้วยระบบที่ทันสมัย,ธุรกิจบริการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อจำหน่าย และ/หรือ ให้บริการ เช่น ซอฟต์แวร์จัดหา และจัดซื้อสินค้า เป็นต้น,ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น อาหารสัตว์เลี้ยง ผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม, Printed Circuit Board ผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น ผลิตภัณฑ์โลหะและชิ้นส่วนโลหะ
4. จีน 43 ราย คิดเป็นร้อยละ 12 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติ เงินลงทุน 6,471 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ ธุรกิจจัดหาจัดซื้อวัตถุดิบ ชิ้นส่วนและส่วนประกอบสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ชิ้นส่วนโลหะ เป็นต้น เพื่อค้าส่งในประเทศ,ธุรกิจบริการดำเนินพิธีการศุลกากรในเขตปลอดอากร (Free Zone),ธุรกิจบริการให้เช่าอาคารโรงงานพร้อมสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวก,ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น เครื่องจักรอุตสาหกรรม ผลิตภัณฑ์พลาสติกสำหรับอุตสาหกรรม ผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อการอุตสาหกรรม เครื่องใช้ไฟฟ้า ชิ้นส่วนยานพาหนะ
5. ฮ่องกง 40 ราย คิดเป็นร้อยละ 11 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 5,766 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ ธุรกิจบริการศูนย์กระจายสินค้าด้วยระบบที่ทันสมัย,ธุรกิจบริการสถานีบริการอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานพาหนะไฟฟ้า, ธุรกิจบริการ DATA CENTER, CLOUD SERVICES,ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น ผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อการอุตสาหกรรม เครื่องมือแพทย์ ผลิตภัณฑ์ทางทันตกรรม อะไหล่และส่วนประกอบรถยนต์ ชิ้นส่วนพลาสติกสำหรับอุตสาหกรรม
อย่างไรก็ตาม ถือได้ว่าการเข้ามาประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวในไทยช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมข้างต้น
มีส่วนช่วยในการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านจากประเทศผู้เข้ามาลงทุนให้แก่คนไทย เช่น
องค์ความรู้เกี่ยวกับการควบคุมหลุมขุดเจาะน้ำมัน องค์ความรู้เกี่ยวกับการจัดการท่าเทียบเรือและความปลอดภัยการขนถ่ายสินค้า องค์ความรู้เกี่ยวกับสถานีจัดประจุไฟฟ้า องค์ความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนการการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้า องค์ความรู้เกี่ยวกับแพลตฟอร์มบริหารงานติดตั้งเครื่องอัดประจุไฟฟ้า เป็นต้น
เมื่อเปรียบเทียบกับ 4 เดือนแรก (มกราคม - เมษายน) ปี 2567 พบว่า การอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย เพิ่มขึ้น 110 ราย (เพิ่มขึ้น 43%) (เดือน ม.ค. - เม.ย.68 อนุญาต 363 ราย / เดือน ม.ค. - เม.ย.67 อนุญาต 253 ราย) และมีมูลค่าการลงทุนเพิ่มขึ้น 2,902 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 5%) (เดือน ม.ค. - เม.ย.68 ลงทุน 57,860 ล้านบาท / เดือน ม.ค. - เม.ย.67 ลงทุน 54,958 ล้านบาท) รวมถึง มีการจ้างงานคนไทยจากนักลงทุนที่ขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวเพิ่มขึ้น 1,299 คน (เพิ่มขึ้น 128%) (เดือน ม.ค. - เม.ย.68 จ้างงาน 2,314 คน / เดือน ม.ค. - เม.ย.67 จ้างงาน 1,015 คน) โดยจำนวนนักลงทุนที่เข้ามาสูงสุดยังคงเป็นนักลงทุนญี่ปุ่นเช่นเดียวกับปีก่อน
อธิบดีอรมน เพิ่มเติมว่า สำหรับการลงทุนในพื้นที่ EEC ของนักลงทุนต่างชาติ ในช่วง 4 เดือน (มกราคม - เมษายน) ปี 2568 มีนักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 108 ราย คิดเป็นร้อยละ 30 ของจำนวนนักลงทุนต่างชาติในไทย ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 จำนวน 31 ราย (เพิ่มขึ้น 40%) (เดือน ม.ค. - เม.ย.68 ลงทุน 108 ราย / เดือน ม.ค. - เม.ย.67 ลงทุน 77 ราย) โดยมีมูลค่าการลงทุนในพื้นที่ EEC 31,363 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 54 ของเงินลงทุนทั้งหมด โดยเป็นนักลงทุนจาก *ญี่ปุ่น 32 ราย ลงทุน 10,008 ล้านบาท *จีน 25 ราย ลงทุน 3,867 ล้านบาท *สิงคโปร์ 10 ราย ลงทุน 5,934 ล้านบาท และ ประเทศอื่นๆ 41 ราย ลงทุน 11,554 ล้านบาท โดยธุรกิจที่ลงทุน อาทิ ธุรกิจค้าปลีกสินค้า เช่น แม่พิมพ์ (Mould) ที่ใช้สำหรับผลิตชิ้นส่วนพลาสติก อุปกรณ์และชิ้นส่วนสำหรับซ่อมแซมเครื่องทำความเย็น ชิ้นส่วนสำหรับซ่อมแซมเครื่องจักรที่ใช้ในกระบวนการผลิตยางรถยนต์ ,ธุรกิจบริการเคลือบผิวผลิตภัณฑ์โลหะ,ธุรกิจบริการให้ใช้แพลตฟอร์มและแอปพลิเคชัน,ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น เคมีภัณฑ์สำหรับใช้ในอุตสาหกรรมเกี่ยวกับโลหะ ชิ้นส่วนเครื่องจักร ชิ้นส่วนคอมเพรสเซอร์รถยนต์ ผลิตภัณฑ์พลาสติกสำหรับอุตสาหกรรม เป็นต้น
ทั้งนี้ เฉพาะเดือนเมษายน 2568 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจในประเทศไทย จำนวน 91 ราย เป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 20 ราย และ การขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (ผ่านช่องทางการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และการใช้สิทธิตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างประเทศ) 71 ราย เงินลงทุนรวม 10,827 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติจาก ฮ่องกง สหรัฐอเมริกา และสิงคโปร์ ตามลำดับ จ้างงานคนไทย 709 คน รวมถึงมีการถ่ายทอดเทคโนโลยี อันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านโดยตรงจากประเทศผู้เข้ามาลงทุนให้แก่คนไทย เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับการควบคุมหลุมขุดเจาะน้ำมัน องค์ความรู้เกี่ยวกับการจัดการเหตุฉุกเฉินสำหรับเรือกักเก็บปิโตรเลียม องค์ความรู้เกี่ยวกับการวิจัยและพัฒนาการปรับปรุงพันธุ์พืช เป็นต้น
สำหรับธุรกิจที่คนต่างด้าวได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจเดือนเมษายน 2568 ได้แก่ ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ โดยเป็นการจัดซื้อสินค้า วัตถุดิบ และชิ้นส่วนสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ ,ธุรกิจบริการขุดเจาะปิโตรเลียม ภายในบริเวณพื้นที่แปลงสำรวจที่ได้รับสัมปทานในอ่าวไทย,ธุรกิจบริการพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อให้บริการดิจิทัล,ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น ผลิตภัณฑ์ทางทันตกรรม แม่พิมพ์ ผลิตภัณฑ์พลาสติกสำหรับอุตสาหกรรม เครื่องจักรอุตสาหกรรม เป็นต้น
- 030
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี