nn หลายสิบล้านคนในประเทศนี้คงคิดเหมือนผมใช่ไหมว่า...ก็ไหนรัฐบาลคุยโม้ว่ารัฐบาลได้สร้างประวัติศาสตร์ทำให้เศรษฐกิจ (จีดีพี) เติบโตเกิน 3% ต่อเนื่องกันถึง 3 ไตรมาส...แล้วทำไมชีวิตกูมันลำบากอย่างนี้วะ...ทำไมรายได้ไม่พอค่าเทอมลูก...ทำไมเงินเดือนไม่เคยชนเดือน...ทำไมตลาดมันเงียบเป็นป่าช้า...ทำไมเพื่อนๆ ญาติต้องตกงานเพราะโรงงานปิดกิจการ ฯลฯ
คืออย่างนี้ครับพ่อแม่พี่น้อง...ในช่วงไตรมาสที่ 3-4 ของปี 2567 ...มีเม็ดเงินที่รัฐบาลอัดฉีดลงมาในระบบเพื่อกระตุ้นการบริโภคผ่านหลายๆ โครงการ เช่น แจกเงินกลุ่มเปราะบาง 1.4 แสนล้านบาท...แจกเงินผู้สูงอายุอีก กว่า 3 หมื่นล้านบาท...การส่งออกขยายตัวจากสินค้าจีนที่เข้ามาสวมสิทธิ์สินค้าไทย..มีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เริ่มกลับมาหลังจากหมดยุคการระบาดของโควิด-19...ซึ่งตัวเลขการส่งออกและท่องเที่ยวที่มันโตเมื่อนับเป็นเปอร์เซ็นต์...เพราะฐานมันต่ำในไตรมาสก่อนหน้านั้น...ส่วนตัวเลขการผลิตและการลงทุนภาคเอกชนยังต่ำอยู่เหมือนเดิม เมื่อฐานมันต่ำอยู่แล้วก่อนหน้า ตัวเลขในไตรมาส 3-4 ของปี’67 จึงไม่ค่อยมีผลต่อการคำนวณเป็นเปอร์เซ็นต์เท่าใดนัก
ส่วนตัวเลขในไตรมาส 1 ของ 2568...ที่ขยายตัวได้ 3.1% มีปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากการส่งออกสินค้า โดยเฉพาะการเร่งส่งออกไปสหรัฐฯและจีน ที่ผู้นำเข้าเร่งนำเข้าก่อนที่สหรัฐฯประกาศขึ้นภาษีตอบโต้ รวมถึงวัฏจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่อยู่ในช่วงขาขึ้นและยังได้ปัจจัยหนุนจากการเร่งใช้จ่ายเงินงบประมาณของภาครัฐ ส่วนภาคการท่องเที่ยวยังได้รับผลบวกจากการเข้ามาของนักท่องเที่ยวในเดือนมกราคมที่ยังอยู่ในช่วงไฮซีซั่น (ซึ่งตอนนี้นับแต่เดือนเมษายนเริ่มชะลอตัวลงจากการหดตัวของนักท่องเที่ยวจีนเป็นหลัก) ส่วนการลงทุนภาคเอกชนยังหดตัวต่อเนื่อง 4 ไตรมาส และภาคการผลิตอุตสาหกรรมยังขยายตัวต่ำ...นั่นสินค้าที่ส่งออกไปส่วนใหญ่ไม่ได้ผลิตแต่เป็นสินค้าที่นำเข้ามาแล้วสวมสิทธิ์เป็นสินค้าไทยแล้วส่งออกไปยังประเทศที่ 3 รวมทั้งอีกส่วนหนึ่งเป็นการระบายสินค้าคงคลังต่อเนื่อง....ใส่หมายเหตุไว้ว่า GDP ไตรมาส 1 ปี 2568 และข้อมูลเดือนเมษายนยังไม่สะท้อนผลกระทบของมาตรการกำแพงภาษีต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ...
ตัวเลขที่แท้จริงของเศรษฐกิจไทยจะสะท้อนความเป็นจริงช่วงครึ่งปีหลัง...ซึ่งเราจะเห็นสัญญาณเศรษฐกิจไทยที่แผ่วลง GDP คาดกันว่าครึ่งปีหลังอาจโตเฉลี่ยไม่ถึง 1%...แม้ว่าจะมีการใช้จ่ายภาครัฐที่จะยังช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจได้ในระยะสั้น โดยเฉพาะการปรับแผนใช้จ่ายงบกลางค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ วงเงิน 1.57 แสนล้านบาทที่ยังเหลือ
อย่างไรก็ตามต้องคำนึงถึงว่า...เครื่องชี้ด้านการผลิตยังสะท้อนความเปราะบางมากๆ เช่น จำนวนธุรกิจเปิดกิจการในช่วง 4 เดือนแรกของปีหดตัว 4.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน(YOY) ขณะที่จำนวนธุรกิจปิดกิจการเพิ่มขึ้น 8.3% YOY …ความเชื่อมั่นภาคธุรกิจปรับลดลง เครื่องชี้กิจกรรมภาคธุรกิจมีแนวโน้มซบเซาต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดบ้านและรถยนต์ ธุรกิจท่องเที่ยวเริ่มชะลอตัวตามการลดลงของนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะจีน บางธุรกิจจะเผชิญผลกระทบจาก China influx รุนแรงขึ้น ซึงปัจจัยเหล่านี้ชี้ว่า การลงทุนภาคเอกชนในช่วงที่เหลือของปีจะมีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่อง สำหรับการส่งออกสินค้าจะกลับมาหดตัวหลังสหรัฐฯ เริ่มเก็บภาษีตอบโต้คู่ค้าตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคม 2568 นอกจากนี้ เครื่องชี้ภาวะการเงินที่ยังตึงตัว โดยเฉพาะรายย่อยที่เข้าถึงสินเชื่อได้ยาก และในภาวะกำลังซื้ออ่อนแอและหนี้ครัวเรือนสูง...จะเป็นปัจจัยกดดันการบริโภคภาคเอกชน...nn
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี