Mr. Francis Lopez ประธานบริษัท InterCommerce และ Deputy Chair, PAA Digital Trade Alliance เปิดเผยว่า “ความร่วมมือระหว่าง InterCommerce และ NT นี้เป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการอำนวยสะดวกการค้าข้ามพรมแดน เราส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนเอกสารระหว่างภาคธุรกิจกัน โดยการแลกเปลี่ยนใบรับรองสุขอนามัยพืชอิเล็กทรอนิสก์หรือ ePhyto สำหรับการนำเข้าและส่งออกสินค้าเกษตรระหว่างฟิลิปปินส์และไทย เป็นก้าวแรกในการริเริ่มการแลกเปลี่ยนรูปแบบ B2B ระหว่างทั้งสองประเทศ InterCommerce และ NT เป็นพันธมิตรกันมายาวนาน และเรายังเป็นสมาชิกของ PAA Digital Trade Alliance ซึ่งมีแพลตฟอร์มเชื่อมโยงดิจิทัลที่มีสมาชิกกว่า 18 รายที่เป็นผู้ให้บริการ NSW และผู้ให้บริการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์จากประเทศต่าง ๆ ทั่วทุกภูมิภาค”
นายชัยศักดิ์ รินเกลื่อน ผู้อำนวยการสำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร กรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า “กรมวิชาการเกษตรมีบทบาทสำคัญในฐานะผู้ออกใบรับรองสุขอนามัยพืชอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ePhyto ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญในการส่งออกพืชและผลิตภัณฑ์จากพืชของไทยไปยังต่างประเทศ การเข้าร่วมระบบ ePhyto Exchange ในรูปแบบ B2B ที่เปิดตัวโดย NT ในครั้งนี้ จะช่วยให้กระบวนการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างภาครัฐและภาคธุรกิจมีความรวดเร็ว ปลอดภัย และสอดคล้องกับมาตรฐานสากลมากยิ่งขึ้น โดยกรมฯ พร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการไทยทั้งด้านข้อมูล ขั้นตอน และการเชื่อมโยงระบบ เพื่อให้สามารถใช้งานระบบ ePhyto อย่างมีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์การค้าโลกยุคดิจิทัล และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศคู่ค้าได้อย่างยั่งยืน”
นายกานต์ คล้ายสุบรรณ ผู้อำนวยการกองบริหารจัดการ และพัฒนาระบบเชื่อมโยงข้อมูลการนำเข้า ส่งออกและโลจิสติกส์ กรมศุลกากร กล่าวว่า “เนื่องด้วยกรมศุลกากร เป็นหน่วยงานหลักในการกำกับดูแลแพลตฟอร์มกลาง Thailand National Single Window จึงต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องให้ระบบมีความทันสมัย ปลอดภัย และเป็นมาตรฐานที่ยอมรับโดยสากล ซึ่งกรมศุลกากร ได้ตระหนักถึงความสำคัญและมีการดำเนินการดังกล่าว มาตั้งแต่เริ่มใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ในภารกิจงานของกรมศุลกากร เช่น ระบบ EDI จวบจนถึงปัจจุบันที่ช่วยสนับสนุนให้หน่วยงานภาครัฐ สามารถเชื่อมโยงข้อมูลกับนานาประเทศ ผ่าน NSW ได้เป็นผลสำเร็จ
ทั้งนี้ กรมศุลกากร พร้อมให้ความร่วมมือในการยกระดับให้ NSW เป็นแพลตฟอร์มหลักของประเทศ ในการเชื่อมโยงข้อมูลทางการค้าและโลจิสติกส์ โดยการแลกเปลี่ยนข้อมูลใบรับรองสุขอนามัยพืช หรือ e-Phyto Certificate จะเป็นเป้าหมายสำคัญในอนาคตอันใกล้ ไม่ว่าจะเป็นระดับทวิภาคี ที่จะผลักดันให้สามารถเชื่อมโยงกับจีนได้สำเร็จภายใน 1-2 ปีข้างหน้า หรือเร่งรัดให้การเชื่อมโยงข้อมูล e-Phyto Certificate ผ่านแพลตฟอร์มกลางของ IPPC และ ASEAN Single
นางสาว รุจิรา จันทร์อร่าม ผู้อำนวยการกลุ่มความตกลงสุขอนามัยและสุขอนามัยพืชและอื่น ๆ สำนักงาน มาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) กล่าวว่า “มกอช. ในฐานะหน่วยงานกลางของไทยในการเจรจาเปิดตลาดและแก้ไขปัญหาการนำเข้าส่งออกสินค้าเกษตร มีบทบาทสำคัญในประสานงานและเจรจากับประเทศคู่ค้าเพื่อทดสอบแลกเปลี่ยนข้อมูล e-Phyto โดยหยิบยกขึ้นหารือในเวทีเจรจาต่าง ๆ ทำให้ไทยได้ทดสอบแลกเปลี่ยนข้อมูลและเริ่มใช้งานจริงกับคู่ค้าแล้วหลายประเทศ ทั้งผ่านระบบ ASEAN Single Window (ASW), IPPC Hub และการเชื่อมต่อแบบ Point-to-point ตลอดจนได้จัดตั้งคณะทำงานร่วมด้านใบรับรองสุขอนามัยและสุขอนามัยพืชอิเล็กทรอนิกส์ (e-SPS) เพื่อเป็นกลไกขับเคลื่อนการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน”
ดร.วงกต วิจักขณ์สังสิทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานดิจิทัลและโซลูชัน NT เปิดเผยว่า NT ในฐานะองค์กรผู้ให้บริการระบบ National Single Window ของประเทศ ได้พัฒนาและขยายขอบเขตการให้บริการจาก B2G, G2G สู่ B2B โดยในการเปิดตัวระบบ ePhyto Exchange แบบ B2B ในครั้งนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง NT กับ InterCommerce ฟิลิปปินส์ ซึ่งเราเป็นสมาชิก PAA Digital Trade Alliance ด้วยกัน และได้ร่วมกันพัฒนาการเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูลใบรับรองสุขอนามัยพืช หรือ ePhyto เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการทั้งสองประเทศ รวมทั้งจะขยายไปยังประเทศอื่น ๆ ในอนาคต
- 030
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี