นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานการประชุมติดตามผลการดำเนินงานตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ในเรื่องการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย โดยมีนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ หม่อมหลวง ภู่ทอง ทองใหญ่ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงเข้าร่วม เพื่อรับทราบข้อสั่งการจากนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ที่ได้มอบหมายแนวทางดำเนินการจากการประชุมเมื่อวันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา
โดยมีความคืบหน้าที่สำคัญคือ การบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงมหาดไทย ผ่านการตั้งคณะทำงานเพื่อปฏิบัติการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ระดับจังหวัด เพื่อตรวจสอบ สืบสวน สอบสวน จับกุม และดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดนอมินี โดยมีนิติบุคคลเป้าหมาย จำนวน 46,918 ราย เพื่อให้แต่ละจังหวัดตรวจสอบธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย และรายงานผลให้ทราบภายใน 3 เดือน
นายพิชัย เปิดเผยว่า การประชุมครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อผลักดันการขับเคลื่อนนโยบายของนายกรัฐมนตรีให้เกิดผลเป็นรูปธรรมใน 5 ประเด็นหลัก ได้แก่1.การจดทะเบียนบริษัทนอมินี 2.การลักลอบนำเข้าสินค้าไม่ได้มาตรฐาน 3.การสวมสิทธิแอบอ้างเป็นสินค้าไทย 4.โรงงานต่างชาติที่ฝ่าฝืนกฎหมาย 5.การถ่ายลำสินค้า (Transshipment)
โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับมอบหมายให้ดำเนินการเร่งด่วน เช่น กรมการค้าต่างประเทศประสาน ETDA ใช้กฎหมายกับ e-Commerce Platform,กรมศุลกากรและกรมโรงงานฯ ตรวจสอบคุณภาพสินค้าในเขต Freezone}ประสานกรมประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ผลการดำเนินงานและสร้างการรับรู้ในกลุ่มผู้ประกอบการ, พัฒนาการเชื่อมโยงข้อมูลตรวจสอบแหล่งกำเนิดสินค้า ,ปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับการถ่ายลำสินค้าให้ไทยเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์
“ท่านนายกฯให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการจัดระเบียบสินค้านำเข้าและธุรกิจต่างชาติที่ฝ่าฝืนกฎหมาย เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศ กระทรวงพาณิชย์สั่งการให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และกรมการค้าต่างประเทศ เร่งแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับมอบหมายงาน และรายงานผลต่อคณะกรรมการฯ โดยเร็ว” นายพิชัยกล่าว
ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือนกันยายน 2567 ถึงพฤษภาคม 2568 หน่วยงานภายใต้คณะกรรมการฯ ดำเนินคดีสินค้าผิดกฎหมายกว่า 57,739 คดี มูลค่าความเสียหาย 2,287 ล้านบาท และเก็บภาษีนำเข้าสินค้าต่ำกว่า 1,500 บาท ได้ถึง 1,875 ล้านบาท พร้อมใช้มาตรการ Notice and Takedown ลบสินค้าผิดกฎหมายจากออนไลน์กว่า 14,976 รายการ และดำเนินคดีกับธุรกิจนอมินี 861 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 15,296 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน เพื่อรับมือกับการไหลทะลักของสินค้านำเข้าจากมาตรการภาษีของต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ได้เร่งลดระยะเวลาการไต่สวนมาตรการปกป้องและตอบโต้ทางการค้าให้เหลือไม่เกิน 1 ปี และจับมือภาคเอกชนติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อพิจารณาใช้มาตรการ Safeguard ป้องกันตลาดภายในประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้นายพิชัยได้สั่งการให้จัดประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างชาติฝ่าฝืนกฎหมาย คณะใหญ่ ในต้นสัปดาห์หน้า เพื่อขับเคลื่อนข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีให้เห็นผลเป็นรูปธรรมต่อไป
- 030
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี