นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2568 ได้ลงพื้นที่จ.ราชบุรีเพื่อติดตามสถานการณ์สินค้าเกษตรสำคัญของจังหวัด ได้แก่ นมโค และมะพร้าวน้ำหอม ซึ่งกำลังเผชิญปัญหาสินค้าคงคลังและราคาตกต่ำ พร้อมสั่งการให้เร่งหามาตรการระยะสั้นและระยะยาวเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด หน่วยงานภาครัฐ และตัวแทนภาคเอกชนเข้าร่วมประชุม
ทั้งนี้ภายหลังลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสหกรณ์โคนมหนองโพ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี พบว่า ปัจจุบันนมพาณิชย์คงเหลือสต๊อกสูงถึง 10 ล้านกล่อง จากกระแสการบริโภคนมที่ลดลง โดยได้สั่งการให้นำนมที่ค้างสต๊อกกระจายไปยังปั๊มน้ำมัน ร้านธงฟ้า และร้านค้าปลีก-ส่ง เพื่อเร่งระบายสินค้าในเบื้องต้น พร้อมเสนอแนวทางหารือในระดับนโยบายเกี่ยวกับโครงการนมโรงเรียน เพื่อส่งเสริมการบริโภคนมในกลุ่มเด็กและเยาวชน
“เรื่องปากท้องเกษตรกร ผมไม่เคยละเลย วันนี้ผมมาดูปัญหาในพื้นที่ด้วยตัวเอง และสั่งการให้เร่งวางนโยบายระยะยาว โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรไทย ให้สามารถแข่งขันได้ทั้งในประเทศและตลาดโลก”นายจตุพร กล่าว
นอกจากนี้ได้นำคณะเดินทางไปที่ศาลากลางจังหวัดราชบุรี เพื่อติดตามสถานการณ์ราคามะพร้าวน้ำหอม ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของจ.ราชบุรี โดยขณะนี้ราคามะพร้าวน้ำหอมหน้าสวนเฉลี่ยเพียงลูกละ 4-5 บาท จากปริมาณผลผลิตที่เพิ่มขึ้น และตลาดส่งออกหลักอย่างจีนมีคำสั่งซื้อลดลง ส่งผลให้ผลผลิตล้นตลาดและกดราคาภายในประเทศ
ทั้งนี้กระทรวงฯจึงกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาเชิงรุก 3 ระยะ ได้แก่ 1.ระยะสั้น เร่งระบายผลผลิตผ่านแหล่งท่องเที่ยว หมู่บ้าน คอนโดมิเนียม ผู้แปรรูป ,2.ระยะกลาง ผลักดันโรงงานแปรรูป เช่น บริษัท ไทยกู๊ดฟาร์มเมอร์ จำกัด ,บริษัท ไอโคโค (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท โยโก (ไทยแลนด์) จำกัด เป็นต้น ให้เข้ามารับซื้อผลผลิตส่วนเกิน และขยายตลาดในประเทศ และ3.ระยะยาว สร้างตลาดส่งออกใหม่ ยกระดับมาตรฐานสินค้า และควบคุมการผลิตด้วยแผนจัดการสายพันธุ์ ปุ๋ย และศัตรูพืช พร้อมส่งเสริมการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้า
อย่างไรก็ตามต้นทุนการผลิตที่สูง โดยเฉพาะปุ๋ยและยาฆ่าแมลง เป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องแก้ไขในเชิงระบบ พร้อมผลักดันบทบาทของทูตพาณิชย์ในการเปิดตลาดต่างประเทศ และสร้างโอกาสใหม่ให้สินค้าเกษตรไทย ผ่านงานแฟร์ต่างๆ และจะมีการเชื่อมโยงกระจายผลผลิตไปแต่ละจังหวัด ผ่านกลไกของสำนักงานพาณิชย์จังหวัดด้วย
“ผมเชื่อว่าสินค้าเกษตรของไทยไม่เป็นรองใคร ขอเพียงคนไทยช่วยกันสนับสนุนตามนโยบาย ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย รวมถึงต้องพัฒนาให้สินค้าแปรรูปได้ พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และเพิ่มโอกาส คือทิศทางที่กระทรวงฯจะดำเนินการเพื่อพี่น้องเกษตรกรไทย”นายจตุพร กล่าว
ทั้งนี้มะพร้าวน้ำหอมราชบุรี เป็นสินค้าที่ได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์(GI) ด้วยคุณสมบัติของแหล่งภูมิศาสตร์ที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้น้ำมะพร้าวมีรสชาติหอมหวานนุ่มนวล อุดมด้วยแร่ธาตุ ปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกกว่า 110,490 ไร่ เกษตรกรกว่า 6,504 ราย โดยอำเภอที่มีพื้นที่ปลูกมากที่สุด ได้แก่ ดำเนินสะดวก เมืองราชบุรี และบางแพ
นายจตุพร กล่าวต่อว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้ กรมการค้าภายใน ยังได้เดินหน้าขับเคลื่อนนโยบาย “ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย” มีเป้าหมายสูงสุดคือ “ทำให้ประชาชนมีความสุข” โดยการดูแลราคาสินค้าให้เป็นธรรม คุ้มครองผู้บริโภคอย่างเท่าเทียม เพิ่มโอกาสทางการค้า และขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก เพื่อให้ทุกครอบครัวมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อันจะก่อให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องทั่วประเทศ
โดยการจัดงาน “ธงฟ้าราคาประหยัด จังหวัดราชบุรี” โดยได้รับความร่วมมือจากผู้ผลิต ผู้ประกอบการ กลุ่มเกษตรกร ผู้ผลิตรายกลางและรายย่อย วิสาหกิจชุมชน นำสินค้าอุปโภคบริโภค 10 หมวด กว่า 500 รายการ มาจำหน่ายในราคาลดสูงสุด 60% ระหว่างวันที่ 10-12 กรกฎาคม 2568 ณ บริเวณถ้ำฤๅษีเขางู อ.เมือง จ.ราชบุรี
ทั้งนี้ตนมีนโยบายที่ต่อยอดนำสินค้าจำเป็นที่ใช้ในภาคการเกษตร อาทิ ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง เป็นต้น ที่มีคุณภาพดีมาจำหน่ายในราคาที่เหมาะสม เพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกร ควบคู่ไปกับการแก้ไขปัญหากลไกราคาในระยะยาวต่อไป โดยได้มอบหมายให้นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ พิจารณาโครงการ เพื่อเป็นการลดต้นทุนในภาคการเกษตร อันจะทำให้พี่น้องเกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี