แหล่งข่าวใน การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า การรถไฟฯได้จ้างเอกชนดำเนินโครงการจ้างพัฒนาระบบการเงินและการบัญชี (Financial Management Information System : FMIS) วงเงินกว่า 300 ล้านบาท เพื่อต้องการเข้าสู่ยุคไฮเทคตามหน่วยงานอื่น โดยมีระยะเวลาดำเนินการ 4 ปี ตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2563-24 กันยายน 2567 ระบบดังกล่าวการรถไฟฯได้ติดตั้งใช้งานกับระบบการเงินและการบัญชีของหลายหน่วยงานภายในรถไฟฯ อาทิ ระบบงบประมาณ ระบบงานด้านรายจ่ายและเงินยืมทดลอง ระบบรายได้สำหรับสถานีนำร่อง 12 แห่ง ระบบคลังพัสดุ ระบบบัญชีลูกหนี้และเจ้าหนี้ ระบบบัญชีทรัพย์สินถาวร และระบบบัญชีแยกประเภททั่วไป ตลอดจนการเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานอื่นๆภายในการรถไฟฯ
อย่างไรก็ตามก่อนสิ้นสุดระยะเวลาสัญญาจ้าง บริษัทเอกชนผู้พัฒนาระบบได้จัดประชุมร่วมกับคณะกรรมการกำกับดูแล (Project Management Office : PMO) เพื่อแจ้งถึงกำหนดระยะเวลาสัญญาจ้างและจัดประชุมเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆที่จะเป็นผู้ใช้งาน รวมถึงกำหนดการใช้งานจริง แต่เมื่อเริ่มใช้งานจริง กลับปรากฏว่าได้เกิดปัญหาขึ้นหลายกรณี และสุดท้ายระบบมีปัญหา ไม่สามารถใช้งานได้จริง เป็นเหตุทำให้งบประมาณตกเบิกได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า จึงทำให้การรถไฟฯยังคงไม่ดำเนินการตรวจรับงานและเบิกจ่ายให้ผู้ประกอบการ รวมถึงเปิดใช้งานจริง และได้เรียกผู้รับจ้างพัฒนาระบบเข้าประชุมชี้แจงแนวทางในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน
ทั้งนี้บริษัทผู้ที่ถูกว่าจ้างอ้างว่า ที่ผ่านมาบริษัทได้ดำเนินการตามสัญญาครบถ้วนแล้ว แต่การรถไฟฯยังไม่ได้มีการตรวจรับงาน ทำให้บริษัทไม่สามารถจะแบกรับปัญหาที่เกิดขึ้น ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากผู้ปฏิบัติงานของการรถไฟฯเองยังไม่เข้าใจระบบ เพราะประสิทธิภาพของระบบขึ้นอยู่กับการสั่งการต่อเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน และผู้บันทึกข้อมูล บริษัทเป็นเพียงผู้ช่วยเหลือสนับสนุนการใช้งานเท่านั้น พร้อมกับแจ้งว่าปัญหาที่เกิด ก็เกิดจากการรถไฟฯเองที่ไม่ได้ดำเนินการเช่าระบบคอมพิวเตอร์เพื่อดำเนินการติดตั้งให้กับสถานีต่างๆทั่วประเทศ รวมทั้งยังไม่มีการต่ออายุสิทธิ์ Oracle สำหรับการใช้งานระบบ FMIS ที่หมดอายุ จึงทำให้ไม่สามารถ Run งานได้เต็มประสิทธิภาพ
ล่าสุดทางบริษัทเอกชนผู้พัฒนาระบบยังมีหนังสือแจ้งไปยังการรถไฟฯ จะดำเนินการช่วยเหลือและสนับสนุนการดูแลระบบ FMIS ไปจนถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมาเท่านั้น จนกว่าการรถไฟฯจะได้ข้อยุติเรื่องการขยายเวลาและงดเว้นค่าปรับ รวมทั้งดำเนินการตรวจรับงานตามกำหนด เพื่อนำระบบดังกล่าวส่งออกไปใช้งานจริงหลังจากนั้น แต่จนถึงขณะนี้ผ่านมากว่า 6 เดือนเข้าไปแล้ว ระบบ FMIS ของการรถไฟฯยังคงมีปัญหา ไม่สามารถใช้งานได้จริง ทำให้การเชื่อมโยงข้อมูลต่างๆเกิดความสับสน ต้องใช้ระบบเดิมควบคู่ และมีปัญหาในการจัดซื้อจ้างจ้าง การบริหารระบบคลังพัสดุ บัญชีการเงิน และรายรับรายจ่าย โดยที่ยังไม่สามารถหาผู้รับผิดชอบได้ เจ้าหน้าที่ทุกๆฝ่ายบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่อยากได้เอกชนรายนี้มาทำงาน แต่ทัดทานเส้นสายผู้ใหญ่ระดับสูงในการรถไฟฯไม่ไหว
“เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์มากในการรถไฟฯว่า โครงการนี้มีการตั้งงบประมาณสูงเกินไป เมื่อเทียบกับผลงานที่ออกมา เพราะระดับราคาค่างวดการจ้างทำระบบบัญชีสูงถึง 301 ล้านบาท ซึ่งในอดีตการรถไฟฯเคยจ้างบริษัทที่ปรึกษาทำบัญชีใหญ่ ระดับบิ๊กโฟว์ เช่น PWC, EY, Deloitte KPMG มาทำ แต่คราวนี้กลับไปจ้างบริษัทไอทีห้องแถวมาทำที่มีคนทำงานเพียงไม่กี่คนแถมยังมาใช้คนในการรถไฟฯทำงานให้อีกต่างหาก สรุปงานใครกันแน่ ชักเริ่มน่าสงสัย เหตุเพราะบริษัทบิ๊กโฟว์เค้าไม่สามารถทำถุงขนมตกในหน่วยงานได้ เพราะเค้ามีระบบ compliance ในบริษัทบัญชีใหญ่เหล่านั้นจึงไม่ได้รับงาน”แหล่งข่าว กล่าว
นอกจากนี้ยังมีการลักไก่แอบให้บริษัทเอกชนไอทีใช้สถานที่การรถไฟฯมีออฟฟิศส่วนตัว ห้องทำงาน ใช้น้ำใช้ไฟของหลวงโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆให้กับหน่วยงาน ทั้งๆที่ไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขสัญญาว่าสามารถใช้สถานที่ของการรถไฟฯได้ฟรีๆ มิทราบว่าเหตุใดการรถไฟฯถึงหลับหูหลับตาปล่อยปละละเลย เอื้อประโยชน์ให้แก่เอกชนรายนี้ได้ถึงเพียงนี้ ตามลำพังแค่เสียบปลั๊กชาร์จมือถือส่วนตัวโดยใช้ไฟหลวงก็ผิดแล้ว นี่ถึงขนาดมีออฟฟิศส่วนตัวตั้งอยู่ในหน่วยงาน หากไม่เส้นใหญ่จริงๆ คงทำกันเช่นนี้ไม่ได้ ดังนั้นจึงอยากให้หน่วยงานตรวจสอบ ทั้งสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เข้ามาตรวจสอบถึงความไม่ชอบมาพากลของโครงการนี้ และบริษัทเอกชนขาใหญ่ไอทีห้องแถวรายดังกล่าวด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี