สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)เปิดตัว “กลุ่มอุตสาหกรรมการบินและอวกาศ” หรือ Aerospace Industry Club กลุ่มอุตสาหกรรมลำดับที่ 47 ภายใต้ ส.อ.ท. พร้อมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) โครงการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจความสามารถพิเศษต้นแบบ “Aerospace Valley” เพื่อผลักดันไทยสู่ศูนย์กลางอุตสาหกรรมการบินและอวกาศในภูมิภาค
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า กลุ่มอุตสาหกรรมการบินและอวกาศ นับเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมลำดับที่ 47 ภายใต้สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางการให้ความรู้ทางด้านต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ เช่น รูปแบบอากาศยาน ความต้องการใช้ประเภทต่างๆ เทคโนโลยีการเดินอากาศและการควบคุมนำทางการพัฒนา Advanced Air Mobility (AAM) และการจัดการ Airspace Integration เพื่อให้เกิดการใช้งานห้วงอากาศที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับการเดินอากาศสมัยใหม่
ขณะนี้ประเทศไทยได้เริ่มเตรียมความพร้อมเพื่อเปิดให้บริการด้านนี้อย่างเป็นรูปธรรมในอีก 3–5 ปีข้างหน้า ซึ่งจะเป็นการพลิกโฉมการใช้ห้วงอากาศของไทยในรูปแบบใหม่ ด้วยการผสานนวัตกรรมการบินอัจฉริยะเข้ากับการพัฒนาเมืองเศรษฐกิจการบิน (Aeropolis) สอดคล้องกับรูปแบบเมืองและผังเมืองสมัยใหม่ เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อมโยงระบบการเดินทางทางอากาศ บก ราง และน้ำได้อย่างไร้รอยต่อ
พร้อมกันนี้ยังผลักดันให้เกิดกลุ่มผู้ประกอบการที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ตั้งแต่การออกแบบ ผลิต สื่อสาร โทรคมนาคม ดาวเทียม ระบบสารสนเทศ ดิจิทัล AI Big Data รวมถึงการใช้ Open Source Software เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้ประชาชนเข้าถึงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ครอบคลุมทุกพื้นที่ และมีต้นทุนที่คุ้มค่า
โดยการพัฒนาในครั้งนี้ ยังมุ่งเชื่อมโยงผู้ประกอบการไปสู่ Cluster อุตสาหกรรมที่เกื้อหนุนซึ่งกันและกัน พัฒนา Use Cases ที่หลากหลาย โดยใช้กรณีศึกษาจากต่างประเทศเป็นต้นแบบ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลง (Disruption) ในอนาคต อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับการร่วมพัฒนา Talent ทั้งเชิงคุณภาพและปริมาณ รองรับ Business Model และ Startup ใหม่ๆ ที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทยอย่างยั่งยืน
นายเกรียงไกร กล่าวว่า อุตสาหกรรมการบินและอวกาศ ถือเป็นโอกาสใหม่ที่สำคัญของประเทศไทยในการก้าวสู่เศรษฐกิจมูลค่าสูง เนื่องจากอุตสาหกรรมการบินเป็นหนึ่งในกลไกหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก โดยคาดว่าตลาดอุตสาหกรรมการบินและอวกาศทั่วโลกจะสูงถึง 1.08 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2571 โดยภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รวมถึงประเทศไทย มีแนวโน้มการเติบโตที่รวดเร็วที่สุด และคาดว่าจะกลายเป็นตลาดการบินที่ใหญ่ที่สุดในโลกภายในปี 2583 ส่งผลให้ความต้องการด้านการซ่อมบำรุงอากาศยาน (MRO) และบุคลากรด้านการบินเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
ทั้งนี้เพื่อรองรับโอกาสนี้ ส.อ.ท.จึงได้จัดตั้งกลุ่มอุตสาหกรรมการบินและอวกาศ ให้สอดคล้องตามนโยบาย “4 GO” (GO Digital & AI, GO Innovation, GO Global, GO Green) โดย GO Digital & AI นำปัญญาประดิษฐ์และระบบดิจิทัลมาใช้ในการออกแบบ ควบคุมการจราจรทางอากาศ และการบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ GO Innovation ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการบินขั้นสูง GO Global เชื่อมโยงเครือข่ายไปสู่ระดับสากล และ GO Green พัฒนาและใช้เชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (SAF) ที่ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้สูงถึง 80%
“ความร่วมมือภายใต้บันทึกข้อตกลงโครงการ Aerospace Valley" ถือเป็นต้นแบบของการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจเฉพาะทางด้านเทคโนโลยีการบินและอวกาศ เพื่อยกระดับศักยภาพของไทยให้ก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางด้าน Aviation & Aerospace Hub ในภูมิภาคและเวทีโลกได้อย่างมั่นคง และจะเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันให้เศรษฐกิจไทยเปลี่ยนผ่านไปสู่อุตสาหกรรม S – Curve และ New S-Curve ที่เน้นการสร้างมูลค่าสูง ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ควบคู่ไปกับความใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน” นายเกรียงไกร กล่าว
พลอากาศเอก มนัท ชวนะประยูร ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) กล่าวว่า CAAT มีวิสัยทัศน์ที่มุ่งมั่นจะเป็นผู้นำด้านการกำกับดูแลความปลอดภัยและมาตรฐานการบินพลเรือนในระดับสากล เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการบินของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ พร้อมเชื่อมโยงประเทศไทยสู่ประชาคมโลกอย่างมั่นคงและปลอดภัย ด้วยพันธกิจหลักในการกำกับดูแลและส่งเสริมการบินพลเรือนให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล สร้างความเชื่อมั่นในความปลอดภัยและความมั่นคงของการบิน รวมถึงพัฒนาระบบการบินพลเรือนให้ทันสมัยและตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติและประชาชน
-033
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี