เศรษฐศาสตร์วันหยุด : 4โจทย์เศรษฐกิจที่รัฐบาลต้องเจอ ต้องหาคนที่รู้จริงมาแก้

เศรษฐศาสตร์วันหยุด : 4โจทย์เศรษฐกิจที่รัฐบาลต้องเจอ ต้องหาคนที่รู้จริงมาแก้

วันอาทิตย์ ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2568, 02.00 น.

เมื่อประเทศไทย...ได้รัฐบาลใหม่แล้ว ได้นายกรัฐมนตรีคนที่ 32 แล้ว...แม้อาจจะมีเวลาเพียงแค่ 6 เดือนที่ได้บริหารประเทศ...แต่ช่วงเวลาที่มีในมือ ประชาชนก็ยังหวังมากๆ ที่จะให้รัฐบาลเข้ามาเร่งทำเรื่องปัญหาเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้...

แล้วถ้าถามว่าในช่วงเวลาต่อจากนี้เศรษฐกิจไทยจะต้องเผชิญกับอะไรบ้าง...1.ภาคส่งออกสูญเสียแรงขับเคลื่อน การส่งออกที่เติบโตสูงในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 (+15.0% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน) ส่วนใหญ่มาจากการเร่งสะสมสินค้าล่วงหน้า (Front-loaded exports) ก่อนที่สหรัฐฯจะขึ้นอัตราภาษีนำเข้า แต่ในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 คาดว่าแรงส่งดังกล่าวจะลดลงอย่างรุนแรง จากการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯต่อสินค้าไทยในอัตรา 19% และเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มอ่อนแรงลง จะส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศและกิจกรรมในภาคการผลิตทั่วโลก


2.การลงทุนภาคเอกชนเผชิญความท้าทายที่เพิ่มขึ้น แม้การลงทุนภาคเอกชนในไตรมาส 2 จะกลับมาขยายตัวได้เป็นครั้งแรกในรอบ 5 ไตรมาส (+4.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน) ส่วนหนึ่งเป็นผลจากฐานที่ต่ำในปี 2567 และการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีขึ้นจากการเร่งส่งออกล่วงหน้า แต่แรงส่งดังกล่าวอาจขาดความต่อเนื่อง โดยทั้งปี 2568 คาดว่าการลงทุนภาคเอกชนจะเติบโตในระดับต่ำที่ 0.9% แม้ยังพอมีปัจจัยบวกอยู่บ้างจากการลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดเล็กของภาครัฐ วงเงิน 8.5 หมื่นล้านบาท แต่การลงทุนภาคเอกชนยังมีความเปราะบางอยู่ จากปัจจัยลบจากความกังวลเรื่องความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ ความตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชา การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวที่ล่าช้ากว่าคาด และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ

3.ภาคท่องเที่ยวมีแนวโน้มหดตัวเป็นปีแรกหลังฟื้นตัวจากโควิด ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2568 นี้ มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทย 21.9 ล้านคน ลดลง 7.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการลดลงอย่างมากของนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งปัจจุบันมีอัตราการฟื้นตัวเพียง 40% เมื่อเทียบกับระดับก่อนเกิดการระบาดของโรคโควิด เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัย และการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในภูมิภาค โดยเฉพาะเวียดนาม

4.การบริโภคภาคเอกชนถูกกดดันโดยหลายปัจจัย แม้การบริโภคจะได้แรงหนุนจากนโยบายบางส่วนของภาครัฐ อาทิ มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ และนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น ผ่านการปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่ผลเชิงบวกอาจมีจำกัด เนื่องจากปัญหาเชิงโครงสร้างและปัจจัยฉุดรั้งต่างๆ ทั้งผลกระทบจากการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่มีต่อการจ้างงานและรายได้ครัวเรือน รายได้เกษตรกรที่ลดลง เนื่องจากราคาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ หนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ซบเซาต่อเนื่อง การบริโภคในช่วงที่เหลือของปีจึงมีแนวโน้มเติบโตต่ำ

4 เรื่องที่กล่าวมาข้างต้นในเวลาที่มีอยู่ของรัฐบาล แม้จะแก้ปัญหาถึงแก่นของปัญหาไม่ได้ แต่ถ้าทำได้ถูกวิธี และชาญฉลาดพอ ก็พอจะประคับประคองกันไปได้...ดังนั้นโจทย์แรกเลยคือ...รัฐมนตรีในกระทรวงเศรษฐกิจ...ต้องถูกฝาถูกตัว...ไม่ใช่แต่งตั้งตามโควตาทางการเมือง...

พงษ์พันธุ์

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top