นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยภายหลังการประชุม กกร.ประจำเดือนตุลาคม 2568 ว่า ต้องขอบคุณรัฐบาลที่ได้ให้ความสำคัญกับการหารือร่วมกับภาคเอกชน ผ่านการประชุมกับทั้ง 3 สถาบัน ได้แก่ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนถึงการเปิดรับฟังความคิดเห็นและการทำงานแบบมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง
ทั้งนี้หลายข้อเสนอของภาคเอกชนได้ถูกบรรจุไว้ในนโยบายของรัฐบาลแล้ว กกร.จึงคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่านโยบายเหล่านี้จะได้รับการผลักดันให้เกิดผลอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เดินหน้าอย่างมั่นคงต่อไป โดย กกร.พร้อมที่จะสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลอย่างเต็มที่ในช่วงระยะเวลาก่อนการเลือกตั้ง เพื่อให้มาตรการด้านเศรษฐกิจไม่สะดุด และสามารถสร้างความต่อเนื่องในการพัฒนาประเทศได้อย่างยั่งยืน โดย กกร.ได้เสนอร่างพิมพ์เขียว เวที “Reinvent Thailand” เพื่อเป็นกรอบการทำงานที่รวดเร็วและคล่องตัว เหมาะสมกับบริบทโลกที่มีการเปลี่ยนแปลง ในการฟื้นฟูและยกระดับเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป
ในช่วงที่ผ่านมาการเร่งส่งออกที่หนุนเศรษฐกิจโลกเริ่มแผ่วลง เศรษฐกิจโลกในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2568 นี้และในปี 2569 มีทิศทางชะลอตัว โดย OECD ประเมิน GDP โลกปี 2568 เติบโต 3.3% แต่ปัจจัยลบจากการขึ้นภาษี ซึ่งกระทบการใช้จ่ายและการจ้างงาน จะกดดันเศรษฐกิจโลกปี 2569 ให้ชะลอลงเหลือเติบโต 2.9% ทั้งนี้การส่งออกไปตลาดสหรัฐฯจะหดตัว ภูมิภาคอาเซียนจะหดตัว 9.7% ส่วนไทยจะหดตัว 12.7% ตามการประเมินของ UNDP สะท้อนความเปราะบางของการค้าโลก
อย่างไรก็ตามปัจจุบันค่าเงินบาทยังแข็งค่า และมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับราคาทองคำที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ยังขาดข้อมูลเชิงลึกเพื่ออธิบายผลกระทบจากธุรกรรมทองคำและคริปโตเคอร์เรนซี รวมถึงการโอนเงินกลับประเทศของแรงงานต่างด้าวที่อยู่นอกระบบ ซึ่งทำให้ตัวเลขดุลการชำระเงินส่วนใหญ่ถูกจัดอยู่ในหมวด “Errors & Omissions” โดยไม่สามารถจำแนกได้ชัดเจน กกร.จึงเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำงานร่วมกัน เชื่อมโยงข้อมูล เร่งแยกแยะและวิเคราะห์ผลกระทบของธุรกรรมเหล่านี้ต่อภาคเศรษฐกิจจริง(Real Sector) พร้อมทั้งพิจารณามาตรการเชิงโครงสร้างเพื่อสร้างสมดุลในระยะยาว ที่ค่าเงินดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่า อาทิ การจัดตั้งกองทุน Sovereign Wealth Fund เพื่อเป็นกลไกเพิ่มเติมตอบโจทย์กับกิจกรรมการเคลื่อนย้ายเงินทุน ไม่ยึดติดกับผลิตภัณฑ์เดิม รองรับและบริหารความผันผวนอย่างเป็นระบบ
ทั้งนี้ กกร.ยังคงประมาณการส่งออกปี 2568 นี้เติบโต 2-3% โดยค่าเงินบาทแข็งค่าเป็นปัจจัยกดดันที่สำคัญ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความสามารถในการแข่งขันของผู้ส่งออกไทยและการท่องเที่ยว แต่หากมีการดูแลเสถียรภาพและทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงได้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ตัวเลขการส่งออกปรับตัวสูงขึ้นได้ รวมถึงการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ ดังนั้น กกร.จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และทบทวนประมาณการการส่งออกอีกครั้งในการประชุมเดือนหน้า
นอกจากนี้ไทยต้องเร่งยกระดับ Regional Value Content (RVC) เนื่องจากหากไม่สามารถรักษาระดับที่เหมาะสมได้ อาจกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทยในตลาดสหรัฐฯ และส่งผลต่อแรงงานราว 4 แสนคนที่เกี่ยวข้อง จึงจำเป็นต้องเร่งพัฒนาการใช้วัตถุดิบในประเทศ และเสริมสร้างอุตสาหกรรมต้นน้ำให้แข็งแรง โดยมี RVC ที่เหมาะสมอยู่ที่ 40% ซึ่งจะเป็นเกณฑ์สำคัญที่ช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถแข่งขันได้อย่างมั่นคงในตลาดโลก
“คาดปี 2568 นี้ทั้งปีเศรษฐกิจไทยน่าจะขยายตัวได้ที่ 1.8-2.2% ตามที่ประเมินไว้เดิม แต่หากสามารถเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2569 ให้ได้ 1 ใน 3 ของงบประมาณภายในสิ้นปี 2568 นี้ กระตุ้นนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศให้ไปถึง 34 ล้านคน ควบคู่ไปกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจคนละครึ่งพลัส สนับสนุน SMEs และ Made In Thailand ตามแนวทาง Quick Big Win ของรัฐบาล จะเป็นแรงสนับสนุนสำคัญของเศรษฐกิจไทยในปี 2568 ให้เติบโตได้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่เติบโต 2.5%”นายพจน์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม กกร.มีความกังวลเกี่ยวกับ ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. เนื่องจากมีบางมาตราที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวม และเพิ่มภาระต้นทุนในการจ้างงานให้กับนายจ้าง นอกจากนี้ร่าง พ.ร.บ.ยังขาดการรับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชนอย่างเป็นระบบและรอบด้าน ดังนั้น กกร.จึงขอให้มีการทบทวนร่าง พ.ร.บ. และขอให้ภาคเอกชนเข้าไปมีส่วนร่วมเป็นคณะกรรมาธิการในการพิจารณา (ร่าง) พ.ร.บ.ดังกล่าว เพื่อสะท้อนความเห็นและมุมมองต่อการปรับปรุงกฎหมาย เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทั้งฝ่ายนายจ้างและฝ่ายลูกจ้าง รวมทั้งไม่ให้ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันและภาพรวมเศรษฐกิจไทย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี