มุมมองนักบริหาร : ‘วิถีชีวิตที่สมดุล’ คือหลักคิดของ ‘สมิทธิ์ เมฆอรุณกมล’ และคือจุดกำเนิดของ ‘ONSENS’

มุมมองนักบริหาร : ‘วิถีชีวิตที่สมดุล’ คือหลักคิดของ ‘สมิทธิ์ เมฆอรุณกมล’ และคือจุดกำเนิดของ ‘ONSENS’

วันจันทร์ ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 07.01 น.

** ในโลกที่หมุนเร็วการแข่งขันทางธุรกิจดุเดือด และผู้คนต่างเร่งวิ่งไล่ตามหา “ความสำเร็จ” หลายคนอาจคิดว่าการทุ่มเทเวลา 100% ให้กับงานคือหนทางลัดสู่ความก้าวหน้า ไม่ว่าจะเป็นการเติบโตทางด้านหน้าที่การงาน ทางธุรกิจ ทางการเงิน แต่ในระยะยาว การละเลยสุขภาพกายใจ กลับทำให้เราสูญเสียพลังในการขับเคลื่อนสิ่งที่รัก อาจนำมาซึ่งความเหนื่อยล้า แต่สำหรับ คุณสมิทธิ์ เมฆอรุณกมล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารแห่ง บริษัท ออนเซ็น รีทรีต แอนด์ สปา กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ONSENS ผู้บุกเบิกธุรกิจหลักในการให้บริการออนเซ็นสไตล์ญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม และสปาครบวงจร รายแรกในประเทศไทย เชื่อว่าความสำเร็จที่แท้จริงและยั่งยืนนั้น ไม่ได้วัดกันที่ยอดตัวเลขเพียงอย่างเดียว หากแต่ต้องมาพร้อมกับ “วิถีชีวิตที่สมดุล” ซึ่งเป็นทั้งปรัชญาส่วนตัวและหัวใจหลักในการดำเนินธุรกิจที่ก่อตั้งมานานกว่า 13 ปี

ONSENS ในฐานะผู้ริเริ่มธุรกิจออนเซ็นสไตล์ญี่ปุ่นรายแรกในประเทศไทยภายใต้แบรนด์ “ยูโนะโมริ ออนเซ็น แอนด์ สปา” (Yunomori Onsen and Spa) และแบรนด์สปาไทยร่วมสมัยอย่าง “คลาย สปา” (KLAI SPA) ไม่ได้เป็นเพียงผู้ให้บริการด้านสุขภาพเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้สร้างพื้นที่แห่งความสมดุลให้กับคนเมืองที่ต้องการ “รีเซ็ต” ร่างกายและจิตใจจากความเร่งรีบในชีวิตประจำวัน ซึ่งคุณสมิทธิ์ได้เริ่มต้นธุรกิจนี้ด้วยหลักการที่เรียบง่ายแต่เปี่ยมความหมายว่า “เราเริ่มธุรกิจนี้ด้วยใจ ทำด้วยใจ”


จุดเริ่มต้นธุรกิจของ คุณสมิทธิ์ เมฆอรุณกมล เกิดจากการเป็นคนที่มัก “มองเห็นในสิ่งที่แตกต่าง” และนำมาต่อยอดให้เกิดเป็นโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆอยู่เสมอ ทุกครั้งที่เดินทางหรือพบเจอประสบการณ์ใหม่ มักตั้งคำถามว่า “ทำไมเมืองไทยถึงไม่มีแบบนี้” หรือ “มีใครทำหรือยังนะ” มุมมองเช่นนี้ทำให้เห็นช่องว่างทางการตลาด ซึ่งหลายครั้งได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของธุรกิจใหม่ที่โดดเด่นและแตกต่างจากตลาดเดิม

นี่คือหนึ่งในสิ่งสำคัญที่ทำให้เกิดธุรกิจ ONSENS ขึ้น จากการไปท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น มองเห็นเสน่ห์ และชื่นชอบในการ แช่ออนเซ็น จนเกิดคำถามในหัวขึ้นมาว่า ทำไมประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศแห่งการบริการและสปาชั้นนำ จึงไม่มีออนเซ็นแบบดั้งเดิมตามวิถีของญี่ปุ่น เพื่อเป็นทางเลือกในการดูแลสุขภาพให้กับคนไทยและชาวต่างชาติที่พำนักอยู่ในประเทศ จากความสงสัยนี้ได้กลายมาเป็นแนวคิดทางธุรกิจที่ต้องการผสานสองวัฒนธรรมแห่งการบำบัดเข้าด้วยกันอย่างลงตัว

คุณสมิทธิ์ จึงได้นำเอาวัฒนธรรมการแช่ออนเซ็นแบบญี่ปุ่นแท้ ๆ ซึ่งเป็นเสมือน “การหยุดพัก” จากกิจวัตรประจำวัน และเติมเต็มด้วย ศาสตร์การนวดไทยโบราณ ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของไทย การผสมผสานนี้ไม่ใช่แค่การรวมบริการ แต่เป็นการสร้าง “นวัตกรรมแห่งความสมดุล” ที่ตอบโจทย์การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม (Holistic Wellness) ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้แบรนด์ Yunomori แตกต่างและครองใจผู้บริโภคมาอย่างต่อเนื่อง กลยุทธ์สำคัญที่ ONSENS ใช้คือการนำแนวคิด “City Onsen” ของญี่ปุ่นมาปรับใช้ได้อย่างชาญฉลาด คือการวางตำแหน่งทำเลศักยภาพของ Yunomori ให้อยู่ ใจกลางเมือง ย่านธุรกิจการค้า ที่สะดวกต่อการเดินทางของกลุ่มเป้าหมายหลัก ซึ่งก็คือ นักธุรกิจ, หนุ่มสาววัยทำงาน, และชาวต่างชาติที่พำนักในประเทศไทยเป็นเวลานาน การเลือกทำเลศักยภาพอย่าง สุขุมวิท 26 สาทร 10 รวมถึงสาขาพัทยา สะท้อนถึงความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในพฤติกรรมของคนเมืองที่แทบไม่มีเวลาเดินทางไปพักผ่อนไกลๆ “เราไม่ได้ต้องการให้ลูกค้าเดินทางไปรีสอร์ต แต่เรานำรีทรีตมาไว้ให้ถึงใจกลางชีวิตประจำวันของพวกเขา” อีกทั้งการสร้างพื้นที่แห่งความผ่อนคลายในรูปแบบ Day Spa ที่เข้าถึงง่ายและราคาเหมาะสม คือวิธีที่ ONSENS ช่วยให้คนเมืองสามารถแทรก “ความสมดุล” เข้าไปในตารางชีวิตที่ยุ่งเหยิงได้อย่างเป็นรูปธรรม นี่คือการตอบโจทย์เมกะเทรนด์ด้านสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญอย่างสูง

นอกจากแบรนด์ Yunomori แล้ว การขยายพอร์ตธุรกิจด้วยแบรนด์ KLAI SPA ซึ่งเน้นศาสตร์การนวดไทยโบราณที่นำเสนอในรูปแบบทันสมัย และการเตรียมเปิดตัวแบรนด์ใหม่ “PAK Massage” ร้านสะดวกนวด ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองที่มองหาความคุ้มค่าตอบสนองวิถีชีวิตคนเมืองที่รวดเร็ว แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของผู้บริหารที่ต้องการสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ด้านสุขภาพแบบครบวงจร ที่พร้อมรองรับความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าในทุกกลุ่ม อีกทั้งขยายธุรกิจโครงการ Social Wellness Hotel and Spa ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมครบวงจร เพื่อมอบประสบการณ์แห่งการดูแลที่ครอบคลุมสมดุลทั้งด้าน Physical, Mental และ Social ถือเป็นหัวใจสำคัญของการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ

เห็นได้ว่าความสมดุลในวิถีชีวิตย่อม ส่งผลและสู่ความสมดุลในการบริหารธุรกิจ สำหรับคุณสมิทธิ์แล้ว ความเป็นผู้นำของ ONSENS ไม่ได้มาจากโชคช่วย แต่เกิดจากการบริหารจัดการที่ให้ความสำคัญกับความสมดุลในหลายมิติ ทั้งการผสานระหว่าง “วิถี” และ “นวัตกรรม” ด้วยการคงไว้ซึ่งความเสน่ห์ดั้งเดิมของออนเซ็นญี่ปุ่น ควบคู่กับการนำเทคนิคสมัยใหม่และการขยายสาขาในรูปแบบทันสมัย เพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ได้ต่อเนื่อง ไปจนถึงการเติบโตเป็นไปพร้อมกับการยกระดับคุณภาพชีวิตอย่างแท้จริง

มุ่งขยายสาขาและเตรียมเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ (IPO) เพื่อระดมทุนสร้าง Social Wellness Hotel and Spa ที่ทองหล่อ และการการขยายสาขาแบรนด์อื่น เช่น KLAI และ PAK Massage รวมอีก 7 สาขาภายในปี 2570

จากจุดเริ่มต้นที่ทำด้วย “ใจ” สู่การนำพา ONSENS ก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตลาดสปาและออนเซ็นที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง คุณสมิทธิ์ เมฆอรุณกมล ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า วิถีชีวิตที่สมดุล ไม่ใช่เรื่องของการแบ่งเวลาทำงานและพักผ่อนแบบ 50/50 แต่คือการผนวก “ความใส่ใจในคุณภาพชีวิต” เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ทางธุรกิจ เมื่อธุรกิจของคุณมุ่งเน้นการสร้าง “สมดุล” ให้กับชีวิตของผู้คน นั่นย่อมเป็นกุญแจสำคัญที่ปลดล็อกสู่ความสำเร็จที่มั่นคงและยั่งยืนอย่างแท้จริง

** อนันตเดช พงษ์พันธุ์ **

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top