ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้ชี้แจงถึงกรณีที่การรถไฟฯ ยื่นฟ้องเพิกถอน หรือฟ้องขับไล่ ผู้ยึดถือครอบครองที่ดินเลขที่ 3466 และ 8564 บริเวณแยกเขากระโดงเอง ที่ศาลจังหวัดบุรีรัมย์เมื่อวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมานั้น เป็นการดำเนินการตามกฎหมายด้วยความถูกต้อง ยึดมั่นในการรักษาผลประโยชน์ของประเทศ เนื่องจากที่ผ่านมา คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้พิจารณาสำนวนไต่สวนข้อเท็จจริง โดยมีมติให้เพิกถอนโฉนดที่ดินเลขที่ 3466 และเลขที่ 8564 เนื่องจากออกทับที่ดินของ รฟท.และแจ้งให้กรมที่ดินดำเนินการเพิกถอนโฉนดที่ดินบริเวณดังกล่าว ตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 99 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามทุจริต พ.ศ. 2562 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น จึงถือว่ามีพยานหลักฐานชัดเจนที่สุด
อย่างไรก็ตามในส่วนคำพิพากษาศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2566 ที่ดินเขากระโดงเป็นเขตทางรถไฟอันเป็นทรัพย์สินสาธารณะเพื่อกิจการรถไฟ การออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน น.ส. 3 และโฉนดทับแนวเขตทางรถไฟ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยให้กรมที่ดินตรวจสอบแนวเขตและเพิกถอน คณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน มีมติไม่เพิกถอน ส่งผลให้การรถไฟฯ จำเป็นต้องใช้สิทธิฟ้องเพิกถอนหรือฟ้องขับไล่ผู้ครอบครองที่ดินเลขที่ 3466 และ 8564 ด้วยตนเอง ตามอำนาจสิทธิที่พึงมี และไม่ใช่การฟ้องเพื่อประวิงเวลาแต่อย่างใด
ทั้งนี้ คาดว่าศาลชั้นต้นจะใช้เวลาพิจารณาประมาณ 2 ปี และในชั้นอุทธรณ์อีกประมาณ 1 ปี ซึ่งถือว่าใช้เวลาสั้นกว่าการดำเนินคดีในที่ดินแปลงอื่นจากจำนวนทั้งหมด 995 แปลง และเพื่อใช้เป็นบรรทัดฐานในการดำเนินการกับที่ดินรายอื่นๆ ต่อไปด้วย
ขณะเดียวกัน ในวันที่ 17 ตุลาคม 2568 รฟท.ยื่นฟ้องศาลจังหวัดบุรีรัมย์เพิ่มเติมอีก โดยเป็นกลุ่มคดีที่เกี่ยวข้องกับบริษัทนิติบุคคลและผู้ครอบครองที่ดินแปลงใหญ่ที่นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ ประกอบด้วย ผู้ยึดถือครอบครองที่ดินเลขที่ 3477, 24091, 3476, 3742, 3743, 115572, 9160, 3285 และ 30222 โดยการยื่นฟ้องในกลุ่มนี้เนื่องจากเป็นกลุ่มที่จะไม่กระทบต่อประชาชนทั่วไป ที่สำคัญ หากการรถไฟฯ ชนะคดี จะทำให้การรถไฟฯ มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการนำที่ดินตรงนี้ไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์อีกด้วย
ทั้งนี้รฟท. ยืนยันว่า ดำเนินการทุกขั้นตอนตามกฎหมาย เพื่อรักษาผลประโยชน์ของรัฐ แต่เมื่อข้อพิพาทยังค้างคาอยู่ จึงต้องขอไปพิสูจน์สิทธิกันในศาล เพราะเชื่อว่าศาลยุติธรรมจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่ายอย่างแน่นอน อย่างไรก็ดีรฟท.จะทยอยฟ้องในแปลงต่างๆ ต่อไปจนครบ โดยดูจากประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับการรถไฟฯ เป็นหลัก ขณะเดียวกัน คดีที่อยู่ในศาลปกครองที่รฟท. ยื่นเป็นคดีใหม่ เพื่อขอให้เพิกถอนคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดินที่สั่งให้ยุติเรื่อง และขอให้ศาลมีคำสั่งให้อธิบดีกรมที่ดินมีคำสั่งเพิกถอนด้วยนั้น ก็ยังดำเนินการอยู่คู่ขนานกันไป เพื่อประโยชน์สูงสุดของรฟท
-032
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี