จนถึงทุกวันนี้ ยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่ยังคงสับสนกับนิยามของ 2 คำ ฮิตในโลกการเงิน นั่นคือ PASSIVE INCOME กับ FINANCIAL FREEDOM มันเหมือน หรือต่าง หรือเกี่ยวข้องกันอย่างไร
ในฐานะที่พอจะรู้จักและเข้าใจ ผมอยากจะเล่านิยามและแบ่งปันมุมมองของสองคำนี้ให้ทุกท่านได้ฟังกัน เผื่อจะเป็นประโยชน์ในการต่อยอดสู่ความสำเร็จทางการเงินครับ
Passive Income หรือรายได้จากทรัพย์สิน หมายถึง รายได้ที่เกิดจากการนำทรัพย์สินที่เราสร้างหรือครอบครองไปใช้ประโยชน์
อาทิ ธุรกิจให้กำไร อสังหาริมทรัพย์ให้ค่าเช่า ตราสารการเงิน (หุ้น พันธบัตร กองทุนรวม ฯลฯ) ให้เงินปันผล หรือดอกเบี้ย ลิขสิทธิ์หรือสิทธิบัตรให้ค่าลิขสิทธิ์หรือส่วนแบ่งกำไร เป็นต้น
รายได้จากทรัพย์สินนี้เป็นรายได้ที่อยู่ในรูป “กระแสเงินสด” ที่เราจะได้รับอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ต้องทำงานตลอดเวลาไม่ต้องทำงานทุกวัน เลือกเวลาทำงานได้ จัดสรรเวลาได้(แต่ไม่ทำอะไรเลยแล้วได้เงิน ไม่มีนะครับ) ต่างจากรายได้ประเภทเงินเดือนหรือค่าจ้าง ที่หยุดทำไม่ได้ หยุดทำก็จะไม่มีรายได้ (Active Income)
ตามนิยามของคนทั่วไปนั้น ว่ากันว่าคนเราถ้ามีรายได้จากทรัพย์สิน มากกว่ารายจ่ายรวมในแต่ละเดือนเมื่อไหร่ เราก็จะมีอิสระทางการเงินเมื่อนั้น
เช่น ถ้าเรามีรายจ่ายต่อเดือน 30,000 บาท หากเรามีคอนโดฯให้เช่า 1 หลัง เก็บค่าเช่าหักค่าผ่อนแล้วเหลือเดือนละ 10,000 บาท มีธุรกิจที่เราจ้างลูกจ้างทำงานให้ มีกำไรต่อเดือน
เดือนละ 20,000 บาท แบบนี้เราก็จะถือว่ามีอิสรภาพทางการเงินหรือ Financial Freedom ตามนิยามของกูรูทางการเงินส่วนใหญ่
แต่สำหรับผม Financial Freedom หรือ อิสรภาพทางการเงิน นั้น ผมให้ความหมายที่แตกต่างตามประสบการณ์ของตัวเองว่า มันคือ การมีชีวิตที่มีอิสระทางความคิด โดยไม่มี “เงิน” เป็นเครื่องพันธนาการ
ทำอะไร ตัดสินใจอะไร ไม่ต้องเอา “เงิน” เป็นตัวตั้งไม่เลือกทำบางงานเพราะได้เงินเยอะ เกี่ยงงานบางงานเพราะได้เงินน้อย หรือไม่ทำเลย ถ้าไม่ได้เงิน
เพราะหากคนเราถ้ายังหายใจเข้าออกเป็น เงิน เงิน เงิน …แล้วมันจะมีอิสรภาพทางการเงินที่แท้จริงได้อย่างไร
ด้วยเหตุของนิยามตามข้างต้น ทำให้ผมมองเห็นและเข้าใจได้ว่า โจทย์ที่แท้จริงของ Financial Freedom ก็คือ “ความคิด” ไม่ใช่เงิน หรือรายได้จากทรัพย์สิน
เพราะต่อให้คุณเป็นพนักงานประจำ แต่ถ้าคุณเลือกทำงานนั้นด้วยตัวคุณเอง ทำงานด้วยใจรัก ด้วยความชอบ ไม่เบื่อไม่บ่น ทำงานสนุกทุกวันเหมือนไม่ได้ทำงาน มุ่งมั่น ตั้งใจ ทำเกินเงินเดือน แถมรายได้ก็ยังพอเก็บ พอกิน พอสะสม
แบบนี้ก็อาจเรียกได้ว่ามีอิสรภาพทางการเงินแบบไม่ต้องมีเงินเยอะๆ หรือมีรายได้จากทรัพย์สินก็ได้เหมือนกัน (แต่มีก็น่าจะดีกว่าใช่มั้ย 555)
ตรงกันข้าม คนบางคนที่มีรายได้จากทรัพย์สิน แต่ทุกวันก็ยังคิดถึงแต่เงิน ทำอะไรก็ยังเอาเงินเป็นตัวตั้ง ไม่ได้เงินก็ไม่ทำ แบบนี้ต่อให้มี passive income มากแค่ไหน ก็ยังถือว่า ไม่มีอิสรภาพทางการเงินอยู่วันยันค่ำ
ที่อธิบายมาข้างต้น ไม่ได้ต้องการคัดค้านหลักคิดทางการเงินหรือตั้งเป็นประเด็นถกเถียงเรื่องเงินๆ ทองๆ เพียงแต่อยากจะนำเสนอวิธีคิดว่า อิสรภาพทางการเงินที่แท้จริงนั้น ในความเป็นจริงแล้วอยู่ใกล้มากกว่าที่ใครหลายคนเข้าใจ
ลูกศิษย์ผมคนหนึ่งลาออกจากงานประจำ มาเดินตามความฝันการเป็นนักเขียนการ์ตูนของตัวเอง แม้จะต้องเริ่มต้นจากความยากลำบาก แต่ด้วยใจรัก เขาก็สามารถทำสิ่งที่รักให้กลายเป็นธุรกิจเลี้ยงตัวได้
เริ่มต้นจากการเปิดร้านขายเสื้อที่เขาออกแบบเอง แม้จะรายได้ไม่มากนัก แต่ก็พอเลี้ยงตัวได้สบาย แถมยังมีเวลามาเขียนการ์ตูนตามความฝันของตัวเอง
ปัจจุบันเขามีร้านขายเสื้อที่ออกแบบลายเอง 2 สาขามีบ้านเช่า 1 หลัง และมีงานเขียนการ์ตูนที่ประสบความสำเร็จ ถึงระดับรางวัลชมเชยจากการประกวดที่ประเทศญี่ปุ่น
เริ่มต้นจาก “ความคิด” ที่เป็น “อิสระ” หลุดให้พ้นจากพันธนาการปลอมๆ ที่สร้างขึ้นมาหลอกตัวเอง นั่นคือ จุดเริ่มต้นของอิสรภาพทางการเงิน และความสุขที่แท้จริงของชีวิต
ลองปลดปล่อยตัวเองจากพันธนาการทางการเงิน แล้วใช้“ใจ” นำทางดูบ้างนะครับ เราเรียนหนังสือกันมานาน จนเอะอะอะไรก็ใช้แต่สมองหาเงินให้เยอะ มีทรัพย์สินให้แยะ … ต้องใช้สมองคิด
แต่หากอยากได้ชีวิตที่อิสระ และมีความสุข … ต้องใช้ใจครับ
เพราะอิสรภาพทางการเงินที่แท้จริงนั้น มองไม่เห็นด้วยตา … แต่มองเห็นได้ด้วยความคิด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี