แม้จะอยู่ในสภาวะวิกฤติ แชร์ลูกโซ่ หรือ money game ก็ยังออกอาละวาด และในช่วงเวลาแบบนี้ ต้องบอกเลยว่าสิ่งที่ดูคล้ายความหวัง สิ่งที่ดูคล้ายโอกาสรอด แท้จริงแล้ว อาจเป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตบาดเจ็บหนักกว่าเดิมก็เป็นได้
ตัวผมเองตอนเริ่มศึกษาเรื่องการลงทุน ได้ยินและรู้จักแชร์ลูกโซ่จากกรณีศึกษาชื่อดัง คือ แชร์น้ำมันแม่ชม้อย ซึ่งเป็นแชร์ที่มีการระดมทุนกันในช่วงปี 2520-2528 มีผู้เสียหายหลักหมื่นคน และมีมูลค่าความเสียหายสูงถึง 4 พันล้านบาท
ภายหลังจากกรณีของแชร์แม่ชม้อย ก็ยังมีกรณีของแชร์ลูกโซ่อีกมากมาย ทั้งวงเล็ก วงใหญ่ ระดับท้องถิ่น ไปจนถึงระดับประเทศ แล้วก็มากันในหลากรูปแบบ ทั้งฝากเงินชวนลงทุน ระดมทุนเป็นหุ้นส่วนธุรกิจ ซื้อตั๋วหรือบัตรท่องเที่ยวpre order สินค้า คอร์สอบรมสัมมนา จนมาถึงวงแชร์ลูกโซ่ปัจจุบัน ที่โดยเปลือกอาจเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนสินค้าที่ใช้อ้างเพื่อเชื้อเชิญไปบ้าง แต่โดยรวมแล้วทั้งหมดยังมีรูปแบบสำคัญเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน นั่นคือ
ตั้งวงระดมเงิน เชื้อเชิญคนเข้ามาลงทุน โดยกลุ่ม Influencer ที่น่าเชื่อถือ (เซเลบฯ กูรู เนตไอดอล หรือคนที่ อ้างว่าเป็นนักธุรกิจ ฯลฯ)
ทำตามสัญญาในช่วงแรก มีการจ่ายผลประโยชน์ตามที่เชิญชวนไว้ เพื่อล่อให้คนเก่าลงทุนเพิ่ม และชวนคนใหม่เข้ามา
นำเงินที่ได้จากคนที่เข้ามาทีหลัง จ่ายให้กับคนที่เข้ามาก่อนเป็นลำดับ
วงเริ่มเป็นที่รู้จักมีการชักชวนกันมากขึ้น (หลังๆ มีระบบตัวแทน นายหน้า แบ่งผลประโยชน์กัน ทำให้ชวนคนได้เร็วยิ่งขึ้น)
เมื่อได้ระดมทุนได้ถึงจุดหนึ่ง ก็จะปิดวงแชร์หนีไป
เชื่อเหลือเกินว่าในอนาคตก็จะมีแชร์ลูกโซ่วงใหม่เปิดขึ้นมาอีก และการจะคอยไล่จับมิจฉาชีพที่หากินด้วยวิธีนี้คงไม่ใช่เรื่องง่าย ทางที่ดีเราในฐานะคนทำมาหากิน จึงควรทำความรู้จักกับมันให้ดีและป้องกันตัวเองจากการถูกหลอกด้วยอีกทางหนึ่ง น่าจะเป็นแนวทางจัดการกับปัญหาที่ยั่งยืนกว่า
ทั้งนี้ลักษณะการเชื้อเชิญลงทุนที่เข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ อาจสังเกตได้จาก “เนื้อหา” หรือ “คำสัญญา” ในหนังสือชี้ชวนหรือคำบอกเล่าของผู้ชี้ชวน ดังนี้
1. มีการประกันผลตอบแทน
สิ่งที่คนลงทุนทุกคนต้องรู้ก็คือ ในโลกการลงทุนนั้นไม่มีคำว่า “การันตี” หรือ “รับประกัน” ผลตอบแทนนะครับ
หลายคนคงเคยได้ยินคำโฆษณาว่า “การลงทุนมีความเสี่ยง” คำว่ามีความเสี่ยง ก็คือ มีโอกาสที่ผลตอบแทนจะมีความผันผวน ขึ้นๆ ลงๆ ไม่แน่นอน
เมื่อไม่แน่นอน ก็ย่อมจะการันตีหรือรับประกันไม่ได้ ดังนั้น ถ้าได้ยินคำเชื้อเชิญว่ามีรับประกันได้ผลตอบแทนเท่านั้นเท่านี้ได้แน่นอนทุกเดือน ให้เอะใจไว้ก่อนเลยว่ามีโอกาสเป็นแชร์ลูกโซ่ครับ
2. มีการอ้างว่าให้ผลตอบแทนสูงเกินจริง
เรื่องอัตราผลตอบแทนให้จำง่ายๆ แบบนี้ครับ สำหรับการลงทุนประเภทที่เราฝากเงินให้เขาลงทุนให้ สินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยระยะยาวสูงๆ อาทิ กองทุนรวมหุ้นนั้น ยังให้ผลตอบแทนโดยเฉลี่ยระยะยาวอยู่ที่ระดับ 8-12% ต่อปี หรือถ้าคิดเป็นเดือน ก็ตกประมาณ 1% ต่อเดือนเท่านั้นเอง
ดังนั้นถ้ามีใครเสนอให้ผลตอบแทนสูงกว่านี้ ก็ให้สงสัยไว้ก่อนว่ามีโอกาสจะเป็นแชร์ลูกโซ่
อย่างกรณีแชร์ลูกโซ่วงล่าสุด มีการรับประกันว่า ถ้าฝากเงิน 1,000 บาท เป็นเวลา 1 เดือน จะได้ผลตอบแทน 930 บาท หรือเท่ากับ 93% ต่อเดือน คิดเป็น 1,116% ต่อปีแบบนี้ชัดเจนเลยว่าไม่ใช่การลงทุนจริงแน่ๆ
จะเห็นว่าทั้งสองข้อข้างต้น ถ้าเรามีความรู้เรื่องการลงทุนสักหน่อย ก็จะไม่ติดบ่วงติดกับดักของพวกมิจฉาชีพแล้วครับ
นอกเหนือไปจากการประกันผลตอบแทนและอ้างว่าให้ผลตอบแทนสูงเกินจริงแล้ว กลุ่มการลงทุนลวงประเภทแชร์ลูกโซ่ ยังอาจมีลักษณะร่วมอื่นๆ อีก อาทิ
3. แค่ลงเงิน ก็ได้ส่วนแบ่งผลตอบแทนสูง โดยไม่ต้องทำอะไร ไม่ต้องรู้เรื่องอะไรเลย
4. ชวนคนมาลงทุน ได้ผลตอบแทนเพิ่ม ยิ่งชวนมาก ยิ่งได้ผลตอบแทนมาก
5. เงื่อนไขการชำระเงินคืน เปลี่ยนไปมาบ่อยๆ
6. ดำเนินการระดมทุนแบบไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
ทั้งหมดก็คือลักษณะของการเชื้อเชิญลงทุนที่เข้าข่ายจะเป็นแชร์ลูกโซ่ ที่ควรพึงระวังและศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุน
เงินทองกว่าจะหามาได้ก็ไม่ง่าย ไหนจะต้องอดทนอดออมเพื่อให้มีเหลือเก็บสะสม และยิ่งในเวลาวิกฤติแบบนี้ เก็บเงินทองไว้กับตัวดีกว่าครับ อย่าให้มันเสียไปด้วยน้ำมือของการลงทุนลวงอย่างแชร์ลูกโซ่กันเลยนะครับ
ขอให้ทุกคนมีสติในการลงทุนครับ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี