nn ฝ่ายวิจัยของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ของไทย...3 แห่งได้เผยแพร่บทวิเคราะห์เกี่ยวกับ“โครงการดิจิทัล วอลเล็ต” ของรัฐบาล...สำหรับ...แวดวงการเงิน...มันไม่ใช่แค่เรื่องข่าวสารเท่านั้น...แต่ยังสะท้อนจุดยืนทางความคิดของธนาคารที่กันกันออกไป...อย่างกรณีของ...ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC)...มองว่า “โครงการดิจิทัล วอลเล็ต แม้จะมีความชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะแหล่งที่มาจากเงินงบประมาณซึ่งจะเริ่มมีผลต่อเศรษฐกิจช่วงท้ายปีนี้…แต่เมื่อหลังผลชั่วคราวของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ หมดลง... ปัจจัยเชิงโครงสร้างจะยังคงเป็นแรงกดดันสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้าอยู่โดยเฉพาะหนี้ครัวเรือนสูงจะฉุดรั้งการบริโภคภาคเอกชนการผลิตภาคอุตสาหกรรมยังอยู่ในระดับต่ำจะกดดันทิศทางการลงทุนภาคเอกชน รวมถึงปัจจัยเชิงโครงสร้างที่สะสมมานานจะทำให้ศักยภาพเศรษฐกิจไทยต่ำต่อเนื่อง”...ขณะที่ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ธนาคารกสิกรไทย...มองว่า ในประเด็นที่มาของแหล่งเงินเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อาทิ พ.ร.บ.เงินตรา พ.ศ.2501 จึงทำให้ต้องมีเงินหมุนเวียนในระบบเน็ตเวิร์กของวอลเล็ตก่อนการใช้งานจริง...จึงมีประเด็นที่อาจพิจารณาเพิ่มเกี่ยวกับเรื่องผลกระทบต่อสภาพคล่องในระบบการเงินไทย มีอยู่ 3 เรื่อง...1. สภาพคล่องของสถาบันการเงินแม้จะอยู่ในระดับสูง แต่ส่วนใหญ่ถือครองอยู่ในรูปตราสารหนี้ภาครัฐ และพันธบัตร ธปท. ทำให้การพึ่งพาสถาบันการเงินในการถือครองตราสารหนี้ภาครัฐที่จะออกใหม่ภายใต้โครงการดิจิทัลวอลเล็ต ต้องอาศัยการลดการถือครองตราสารหนี้ภาครัฐที่อยู่ในมือหรือระดมเงินฝากหรือสภาพคล่องใหม่เพิ่มเติม ซึ่งจะผลักดันให้ต้นทุนการออกตราสารหนี้ หรือการเสนอดอกเบี้ยเงินฝาก ปรับตัวสูงขึ้น กลายเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้นให้กับฝั่งผู้กู้ ทั้งเอกชนและภาครัฐ 2. ผลกระทบต่อการระดมทุนผ่านหุ้นกู้ของภาคเอกชนที่เป็นผลจากปริมาณอุปทานตราสารหนี้ภาครัฐที่เข้ามาเพิ่มขึ้น (Crowding Out Effect) ปัจจัยดังกล่าวนอกจากจะทำให้ Benchmark Yield ของพันธบัตรรัฐบาลสูงขึ้นซึ่งมีผลต่อเนื่องให้ฐานต้นทุนดอกเบี้ยอ้างอิงก่อนบวก Credit Spread ของหุ้นกู้ขยับขึ้นแล้วก็ยังอาจมีผลต่อความต้องการลงทุนของนักลงทุนรายย่อยต่อหุ้นกู้เอกชนด้วย 3. จังหวะการระดมทุนของภาครัฐ เผชิญความท้าทายมากขึ้น ตามทิศทางผลตอบแทนตราสารหนี้ที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะในต่างประเทศ ดังจะเห็นได้จาก US Treasury Yields ที่ขยับสูงขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมีนาคม 2567 ตามแรงผลักดันจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ…!! โดยสรุปธนาคารพาณิชย์ทั้งสองแห่ง ซึ่งเป็นธนาคารเอกชน...จึงสามารถให้ความเห็นแบบตรงไปตรงมาและได้แสดงความกังวลต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้น...!! ขณะที่ Krungthai COMPASS ธนาคารกรุงไทย...ออกบทวิเคราะห์ชิ้นหนึ่ง...ระบุว่า Digital Wallet ตัวช่วยเศรษฐกิจไทย ในยามที่การฟื้นตัวยังเปราะบาง โครงการ Digital Wallet ถือเป็นมาตรการ Quick-win เพื่อผลักดันอุปสงค์ภายในประเทศให้ฟื้นตัวได้ทั่วถึงมากขึ้น ทั้งยังช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่นต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทย…!! อย่าแปลกใจทำไม“ชงหวานเจี๊ยบ”ขนาดนี้...ก็ประธานบอร์ด ธ.กรุงไทย..ก็คือคุณลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง...คุณผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย...ก็พูดไม่ผิดว่าจะบอกว่าก็คือนายแบงก์แบงก์รัฐท่านหนึ่ง...เพราะผู้หุ้นถืออันดับ 1 คือ...กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน…!! จะทำอะไรขวางทางรัฐก็จะโดนเรียกไป“บ้องหู” เอาได้ง่ายๆ nn
อนันตเดช พงษ์พันธุ์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี