เมื่อ 2-3 วันก่อน มีข่าวเล็กๆ แต่เป็นข่าวดังเกี่ยวกับการยุบพรรคการเมือง อันต่อเนื่องมาจากเหตุการณ์หม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล หรือท่านใหม่ ได้เสด็จไปเยี่ยมพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรีที่บ้านพัก เนื่องในโอกาสเทศกาลสงกรานต์ ในฐานะที่ทรงถือว่า พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เป็นคนของวังบูรพา ซึ่งมีฐานะเป็นน้องชายของเสด็จพ่อของหม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล
เนื้อข่าวมีระบุว่า หม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล ได้นั่งลงไหว้พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ แล้วกล่าวว่าแม้ว่าท่านจะมีอายุถึง 80 ปีแล้ว แต่ต่อหน้าพลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ ท่านยังเป็นเด็ก เพราะ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เป็นน้องของเสด็จพ่อของท่าน และเติบโตมาจากวังบูรพา เพราะป้าของ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เป็นพระชายาของเสด็จปู่ของหม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล และในวัยเด็กนั้นพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ก็ได้เจริญเติบโตในวังบูรพา ซึ่งในสมัยโน้นถือว่าเป็นคนวังบูรพา
ดังนั้น เมื่อยามที่พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เรืองอำนาจในบ้านเมืองในยุคของพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ก็ไม่ได้ลืมความหลังครั้งก่อน แสดงตนเป็นคนของวังบูรพาเหมือนเดิม ได้ทำนุบำรุงอุ้มชูคนในวังบูรพาอย่างดียิ่ง และในยามยากลำบากที่พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ถูกปรปักษ์ทางการเมืองใส่ไคล้กล่าวหาว่าเป็นคนทรยศชาติเพราะมีเชื้อสายเวียดนามแซ่ย้ง และกล่าวหาเรียกว่าชื่อว่าบักย้ง แม้กระทั่งให้ผู้หลักผู้ใหญ่เข้าไปใส่ความต่อบุคคลสำคัญของชาติ ทำให้เกิดความระแวงแคลงใจขึ้น
ในยามนั้น ทั้งเสด็จพ่อและเสด็จอาของหม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล ได้เรียงหน้าให้สัมภาษณ์ยืนยันว่าพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ไม่ใช่ลูกญวนที่ไหน แต่เป็นคนไทยที่มีความจงรักภักดี เติบโตมาจากวังบูรพา มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วยจิตใจของชาววังบูรพาทุกคนที่เสด็จปู่ของหม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล ได้ฝากฝังสั่งเสียไว้
ถึงขนาดในครั้งนั้นเสด็จพ่อของหม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล ได้ขอเข้าเฝ้าฯ เพื่อกราบบังคมทูลถึงประวัติความเป็นมาของพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ จนเป็นที่สิ้นสงสัยใดๆ
เหล่านี้คือฐานะที่พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เป็นคนของวังบูรพา ดังนั้นแม้หม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล จะมีฐานันดรสูงกว่าคนสามัญอย่างพลเอกชวลิต ยงใจยุทธแต่ท่านก็ถือว่าด้วยอาวุโสและวัยที่มากกว่า หม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล ก็เรียกพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ว่าอาและให้ความเคารพตามประสาผู้น้อยผู้ใหญ่ตามธรรมเนียมประเพณีไทยที่ดีทุกประการ
ในการไปเยี่ยมพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ครั้งนี้ ก็เป็นธรรมดาที่จะต้องคุยกันในเรื่องของบ้านเมือง เพราะในสายตาของหม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล ในปัจจุบันนี้ก็เห็นแต่พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ที่เป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมืองที่มีความรักห่วงชาติบ้านเมือง ตลอดจนประเทศชาติและราชบัลลังก์อย่างมั่นคง ดังนั้นจึงได้ถามว่าสถานการณ์ปัจจุบันนี้ฝ่ายอนุรักษ์ที่ยึดมั่นถือมั่นในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์จะทำอย่างไรจึงจะรักษาชาติบ้านเมืองเอาไว้ได้ และทำให้รัฐบาลเป็นรัฐบาลของประชาชนตามความปรารถนาของปวงชนชาวไทย
พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ก็ได้ตอบว่า ฝ่ายอนุรักษ์นิยมจะต้องมียุทธศาสตร์ที่ถูกต้อง ไม่ใช่รบดะไปทุกทิศ ก็จะมีแต่ความฉิบหายสถานเดียว โดยได้เปรียบเทียบกับเมื่อครั้งที่ขงเบ้งมอบให้กวนอูรักษาเมืองเกงจิ๋ว แล้วถามว่าถ้าโจโฉยกทัพมาจะทำอย่างไร กวนอูก็บอกว่าจะรบโจโฉขงเบ้งก็ถามต่อว่าถ้าซุนกวนยกทัพมาจะทำอย่างไร กวนอูก็บอกว่าก็จะรบกับซุนกวน ขงเบ้งก็ถามอีกว่าถ้าโจโฉและซุนกวนยกทัพมาพร้อมกันจะทำอย่างไร
กวนอูก็ตอบว่าก็จะรบทั้งโจโฉและซุนกวน แม้ตัวจะตายก็ไม่เสียดายชีวิต ขงเบ้งฟังคำกวนอูแล้วก็เห็นเป็นลางร้าย แล้วสอนว่าถ้ารบทั้งสองทางก็จะเสียทั้งเกงจิ๋วและชีวิตของท่าน ทั้งจะทำให้การใหญ่ของเล่าปี่เสียหายไปด้วย กวนอูก็ถามว่าแล้วจะทำอย่างไร ขงเบ้งก็บอกว่าจะมอบคาถา 8 คำไว้ให้สำหรับรักษาเมืองเกงจิ๋วและรักษาชีวิตของกวนอู แล้วขอคำสัตย์ว่ากวนอูจะปฏิบัติตาม กวนอูก็รับคำเป็นสัตย์
ขงเบ้งจึงบอกว่าจะต้องถือคาถานี้ให้มั่นคง แล้วทำได้ตราบใด ความปลอดภัยก็จะมีอยู่ตราบนั้น นั่นคือบทคาถาว่า “เหนือรบโจโฉ ใต้จับมือซุนกวน” กวนอูก็รับคำเป็นสัตย์ แต่ในที่สุดปรากฏว่ากวนอูรักษาคาถา 8 คำนี้ไว้ไม่ได้ ในที่สุดด้านเหนือกวนอูก็ต้องรบกับพวกโจโฉ ด้านใต้ก็ต้องรบกับพวกซุนกวนจนต้องสูญเสียเกงจิ๋วและกวนอูก็ถูกลิบองจับได้นำไปประหารชีวิต เป็นเหตุให้เล่าปี่รบกับซุนกวนและแตกทัพที่เมืองเป๊กเต้ ทำให้ยุทธศาสตร์สามก๊กล้มครืนลงตั้งแต่บัดนั้น
ที่พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ พูดนั้นจะต้องตีความให้เข้าใจว่าฝ่ายอนุรักษ์จะต้องจับมือกับใคร และจะต้องรับมือกับใคร เพราะถ้าหากฝ่ายอนุรักษ์ไม่มียุทธศาสตร์ที่ถูกต้อง รบดะกับทั้งเพื่อไทยและก้าวไกล พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ ก็ชี้ว่าถ้ารบดะแบบนี้ก็จะฉิบหายถึงกาลสิ้นชาติแน่
และพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ก็ยังบอกด้วยว่าความคิดยุบพรรคเป็นความคิดที่ผิด การยุบพรรคการเมืองไม่ใช่หนทางแก้ไขปัญหาทางการเมืองของประเทศ บทเรียน 18 ปีมานี้ มีการยุบพรรคมากมาย แต่พรรคที่ถูกยุบก็ไม่ได้ล้มหายตายจากไป ยังคงเติบใหญ่
พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบก็ทำให้พรรคก้าวไกลชนะเลือกตั้ง ถ้าต่อไปพรรคก้าวไกลถูกยุบ พรรคใหม่ที่จะตั้งขึ้นอาจชนะเลือกตั้งทั้งประเทศพรรคเดียวก็ได้ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ชี้ให้เห็นอีกว่า พรรคเพื่อไทยถูกยุบพรรคมาแล้ว 2 ครั้ง นายกรัฐมนตรีของพรรคถูกถอนมาแล้ว 3 คน และใช้ทหารทำการรัฐประหารมาแล้ว 2 ครั้ง ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง
ทางการเมืองได้ จนวันนี้แผ่นดินตกเป็นของพรรคเพื่อไทยไปแล้ว การยุบพรรคจึงไม่ใช่หนทางแก้ไขปัญหาของชาติบ้านเมือง
ดังนั้นใครที่คิดจะใช้แผนยุบพรรคก้าวไกลในไม่กี่วันข้างหน้านี้ ถ้าหูไม่หนวก ตาไม่บอด ก็ลองทอดสายตาไปตามที่พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ชี้ให้ดูและฟังเสียงที่พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ พูดเสียหน่อยก็อาจจะมีสติสัมปชัญญะกลับคืนมาได้บ้าง ก็จะหลุดรอดออกมาจากสภาวะรบดะทุกทิศที่จะมีแต่ความฉิบหายสถานเดียว
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี