บทบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ ซินหัว สื่อทางการของจีนเสนอบทความพาดหัวตัวไม้ว่า “การข่มขู่กรรโชกมีแต่ทำให้อเมริกากลายเป็นยอดอันธพาลโลก” บทบรรณาธิการบรรยายต่อไปว่า...
สิ่งที่คณะบริหารของสหรัฐได้ทำในรอบ 100 วันที่ผ่านมา เห็นได้ชัดเจนว่า ภายใต้วาระ “อเมริกามาก่อน “America Fist” สหรัฐอเมริกามองโลก เป็นสมรภูมิรบเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ที่ถือคติว่า “ผู้มีอำนาจเหนือกว่าสร้างความถูกต้องได้” และสหรัฐไม่รั้งรอสังเวยผลประโยชน์ชาติอื่นๆ แม้แต่พันธมิตรที่แนบแน่นใกล้ชิดเพื่อผลประโยชน์ของตน
ปักกิ่ง 29 เมษายน (ซินหัว)-ในยุคที่สร้างจุดเด่นโดยการกดดันบีบคั้นทั่วโลก ซึ่งท้าทายสุภาษิตที่ว่า “อำนาจยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่” จากภาพยนตร์ Spider-man โดยมุ่งหมายรวมโลกไว้ในที่เดียวกันกับประเทศใหญ่คือสหรัฐอเมริกา
ยิ่งกว่านั้น 100 วันผ่านไป ตั้งแต่โดนัลด์ ทรัมป์ กลับมามีอำนาจในทำเนียบขาว เขาคลั่งไคล้นโยบายต่างประเทศที่ขู่กรรโชกว่า “America First” ลัทธิที่ทำให้ตัวเองกลายเป็นสุดยอดแห่งอันธพาลโลก จากการขู่จะผนวกดินแดนต่างชาติ ตามอำเภอใจ และการสร้างสิ่งที่เรียกว่า “ภาษีศุลกากรตอบโต้” วอชิงตันทำให้โลกตกตะลึงและหวั่นไหว สร้างจุดเด่นโดยเน้นผลประโยชน์แห่งตนศูนย์กลาง และการขู่กรรโชกซึ่งหน้า นโยบายต่างประเทศสหรัฐ เพิ่มความคล้ายคลึงกับเล่ห์กลของตัวร้ายในภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ของฮอลลีวู้ด
ทันทีที่ทรัมป์รับตำแหน่ง รัฐบาลสหรัฐแสดงท่าทีหยิ่งผยอง ไม่สนใจอธิปไตยเหนือดินแดนของชาติอื่น ประกาศออกหน้าว่า จะยึดครองกรีนแลนด์ เรียกคืนอำนาจควบคุมคลองปานามา และต้องการให้แคนาดาเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐอเมริกามานานแล้ว
เพื่อหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบต่อประชาคมนานาชาติ สหรัฐประกาศถอนตัวออกจากองค์การอนามัยโลก WHO และปฏิญญาปารีสว่าด้วยความเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก ตามมาด้วยการตัดงบประมาณในโครงการอเมริกาช่วยพัฒนานานาชาติ (USAID) ภายใต้ข้ออ้างตัดรายจ่ายที่ไร้ประโยชน์ของรัฐบาล
บัดนี้ วอชิงตัน ชะลอการเป็นคนกลางเจรจาวิกฤตยูเครน ดังที่แสดงอาการฉุนเฉียวออกมา ถึงแม้ว่าได้ให้คำสัญญาซ้ำซากว่า จะยุติสงครามภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งทรัมป์และสหรัฐ ล้มเหลวไม่สามารทำตามคำพูดได้และไม่มีความคืบหน้าใดๆ เมื่อสามเดือนผ่านไป นอกจากนั้นวอชิงตันยังมูมมาม อยากสร้างความมั่งคั่งจากสินแร่ยูเครน เรียกร้องให้ยูเครนลงนามข้อตกลงสินแร่โดยอ้างว่าสินแร่ คือ การรับรองความปลอดภัยดีที่สุดให้ยูเครน
การรุกรานทางการค้าของทรัมป์ ทำให้เกิดความยุ่งเหยิงมากขึ้น โดยสร้างสิ่งที่เรียกว่า “ภาษีศุลกากรตอบโต้” กับหุ้นส่วนการค้าเกือบทั้งหมด สหรัฐอ้างว่าแสวงหาแนวทางนำโรงงานต่างๆ กลับบ้าน สมดุลการค้านานาชาติ และกดดันประเทศอื่นในประเด็นคนเข้าเมือง และการค้ายาเสพติด ซึ่งผู้เชี่ยวชาญหลายรายกล่าวว่า ในเวลาเดียวกันวอชิงตันพยายามทำให้รายได้เข้ารัฐเพิ่มขึ้น เพื่อใช้หนี้ที่เหนือการควบคุมของอเมริกาเวลานี้
อย่างไรก็ตาม แผนการที่คำนวณไว้มันกลายเป็นไฟไหม้บ้าน ไม่เพียงยั่วยุให้เกิดการต่อต้านอย่างกว้างขวาง และทำลายเครดิตธนบัตรดอลลาร์ และหนี้สาธารณะ ที่ทำให้อเมริกาเสียหายในตลาดโลก และสร้างความไม่แน่นอนในวงการค้าโลก สร้างความไม่แน่นอนสำหรับธุรกิจและการบริโภคทั่วโลก นอกจากนั้นผู้เชี่ยวชาญและการสำรวจจำนวนมาก ระบุว่าโรงงานการผลิตไม่กลับอเมริกา เพราะภาษีศุลกากรสูงมาก
สิ่งที่รัฐบาลสหรัฐได้ทำไปในห้วงเวลา 100 วัน มองเห็นได้ชัดเจนว่า ภายใต้วาระ “อเมริกามาก่อน” สหรัฐอเมริกามองโลกเป็นสมรภูมิรบเพื่อผลประโยชน์แห่งตน ที่ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่ถูกต้อง และอเมริกาไม่รั้งรอสังเวยผลประโยชน์ชาติอื่น แม้จะเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดก็ตาม
การกระทำอันบ้าบิ่นได้ทำให้ “อเมริกากลายเป็นรัฐมาเฟีย” โจนาธาน ฟรีดแลนด์ คอลัมนิตส์ของ นสพ.เดอะการ์เดียน ให้ความเห็นในบทความเมื่อเร็วๆ นี้ว่า “การทำให้อเมริกายิ่งใหญ่ครั้งนี้ สหรัฐควรเริ่มต้นมองดูภายใน และค้นหาจิตวิญญาณอเมริกันอย่างจริงจัง แทนที่ทำตัวเป็นอันธพาลโลก โดยสร้างความกลัวกดทับ อเมริกาต้องมองหาจิตวิญญาณว่าทำไม“อำนาจสูงสุดในโลกของอเมริกาจึงลดลงไปอย่างมีนัย”
บทบรรณาธิการในสื่อของรัฐ ที่ยกเอาคำพูดของโจนาธานฟรีดแลนด์ เป็นบทสรุปว่า “อำนาจสูงสุดที่ลดลงของอเมริกา” ย่อมแสดงว่า ปักกิ่งไม่ให้ค่าประธานาธิบดีทรัมป์ อีกต่อไป เนื่องจากจีนจับไต๋ได้ว่าการขู่กรรโชกของประธานาธิบดีทรัมป์ จริงแล้วเป็นอาการของคนปากกล้าขาสั่น มิฉะนั้นประธานาธิบดีทรัมป์ จะไม่ประกาศอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยว่า ชะลอการเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ 90 วัน
การชะลอเวลา 90 วัน รัฐบาลวอชิงตันคาดว่าหลายประเทศจะเข้าหาเพื่อเจรจาต่อรอง และมันเป็นไปตามเป้าหมายเมื่อหลายประเทศติดต่อสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ หรือ USTR ประเทศไทยทำท่าจะส่งรัฐมนตรีคลังและคณะไปพบ USTR หลายครั้ง แต่ยกเลิกไปโดยไม่รู้ว่าฝ่ายไหนสั่งยกเลิก
ประเทศในทวีปเอเชีย ก็มีญี่ปุ่น อินเดีย และ เวียดนาม เจรจากับประธานาธิบดีทรัมป์ และ USTR แต่ไม่เกิดมรรคผลใดๆ เพราะเป้าหมายสำคัญของสงครามการค้าและคนที่ประธานาธิบดีทรัมป์ อยากเจรจาจนตัวสั่นคือประธานาธิบดี สี จิ้นผิง
ในขณะที่ ทรัมป์ ว้าวุ่น เมื่อเวลา 90 วันเดินไปทุกวัน ในเวลาเดียวกัน ไม่มีวี่แววว่าปักกิ่งจะเดือดเนื้อร้อนใจ จนทรัมป์ทนไม่ไหวละล่ำละลักออกมาว่า ตนขึ้นภาษีศุลกากรตอบโต้จีนแพงเกินไป และกำลังพิจารณาว่าลดภาษีลงให้ค้าขายพอไปกันได้ และรอจีนติดต่อกลับมาเพื่อเจรจาการค้า win win ทั้งสองฝ่าย
ในขณะที่วอชิงตันรอสายจากปักกิ่งอยู่นั้น บริษัทการบินพาณิชย์ในจีนแผ่นดินใหญ่ ยกเลิกการซื้อเครื่องบินโบอิ้งทั้งหมด 179 ลำ สร้างความเสียหายให้บริษัทโบอิ้งถึง 6.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และรัฐบาลจีนขอร้องไม่ให้สายการบินพาณิชย์ซื้ออุปกรณ์การบินจากสหรัฐอีกด้วย
มหาสงครามการค้าระหว่าง “มังกร-อินทรี” เดือดปะทุอีกครั้ง เมื่อจีนเริ่มโต้กลับด้วยการถอนคำสั่งซื้อเนื้อหมูอเมริกันมหาศาลถึง 12,030 เมตริกตัน นับเป็นการยกเลิกที่ใหญ่ที่สุดในรอบ 4 ปี
นี่ไม่ใช่แค่เกมการค้า แต่เป็นการโจมตีทางการเมืองชัดๆ Dexter Roberts นักวิชาการจาก Atlantic Council วิเคราะห์ ชี้ว่าจีนกำลัง “เล่นงาน” เกษตรกรในรัฐสีแดงที่เป็นฐานเสียงหลักของ Trump “เกษตรกรอเมริกันกำลังหวาดผวา เพราะแค่ปีเดียวที่พลาดก็อาจต้องจำนองฟาร์มทั้งหมด”
จีนใช้ตำราซุุนวู ที่ว่า “ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว” จีนไม่พูดพร่ำทำเพลงตอบโต้สหรัฐ โดยไม่ต้องโพนทะนาออกสื่อ จึงพูดได้ว่าสงครามการค้าสหรัฐเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำเพราะทำตัวเอง
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี