** รัฐบาล...ออกมาโชว์ผลงงานว่าในช่วง 6-7 เดือนของปี2568 ได้เร่งปราบปราม “บุหรี่ไฟฟ้า” อย่างหนัก...จนสามารถดำเนินการจับกุมได้สูงถึง 3.2 พันคดี ยึดบุหรี่ไฟฟ้าได้ถึง 4 ล้านชิ้น คิดเป็นมูลค่า 580 ล้านบาท...ซึ่งมากกว่าตัวเลขทั้งปีของปี 2566-2567...!! เอาอย่างนี้ ถ้าจะปรบมือให้กับตัวเลขที่เอามาโชว์แล้วบอกว่าไทยนั้นจับเก่ง...ตัวเลขศุลกากรจีน...เดือนมกราคม-กรกฎาคม 2568 พบว่า...จีนมีการส่งออก...ตัวเครื่องบุหรี่ไฟฟ้า (พิกัดศุลกากร 854340 ) มายังไทยมูลค่า  5,123 ดอลลาร์สหรัฐฯ...และตัวน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า (พิกัดศุลกากร 240412 ) มายังไทยมูลค่า 34,219 ดอลลาร์สหรัฐฯ...รวม 2 รายการ 39,342 ดอลลาร์สหรัฐฯ...คิดเป็นเงินไทยก็แค่ 1 ล้านบาทกว่า...แต่ทำไมตัวเลขที่ทางการเอามาโชว์ตั้ง 580 ล้านบาท...ถ้าเช่นนั้นบุหรี่ไฟฟ้าที่ทะลักเข้ามาในไทยไม่ใช่แค่มาจากจีนอย่างเดียว...ซึ่งก่อนหน้านี้..แวดวงการเงิน...ก็เคยบอกไปแล้วว่ามีมาจากมาเลเซียด้วย...เพราะมาเลเซียนเป็นสินค้าถูกกฎหมาย และมีการผลิตขายกันได้ถูกต้องตามกฎหมาย...ดังนั้นคำถามสำคัญที่สุดคือ...การที่สินค้าประเภทนี้ไหลทะลักเข้ามาได้จากหลายแหล่งผลิต...แสดงว่าปราการด่านหน้าของไทยพังไปแล้วหรือ...ซึ่งไม่ต้องบอกใครๆก็รู้ว่าปราการด่านแรกที่จะสกัดกั้นสินค้าทุกชนิดเข้ามาในไทยคือ..กรมศุลกากร...

ซึ่ง...แวดวงการเงิน...ก็ไม่อยากจะอะไรมากนักในตอนนี้กับ..คุณธีรัชย์  อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร...เพราะอีกแค่เดือนเดียวท่านก็จะเกษียณอายุราชการแล้ว...อีกอย่างก็เห็นผลงานที่ออกมาแถลงผลงานการจับกุมบุหรี่ไฟฟ้าอยู่ทุกเดือน...แม้ว่าจะเป็นส่วนน้อยเมื่อเทียบกับจำนวนที่หลุดทะลักเข้ามาในตลาด...แต่ก็ยังเห็นความตั้งใจที่จะพยายามทำงานอยู่...หลังจากนี้ก็คงต้องฝากความหวังไว้ที่ ดร.กุลยา ตันติเตมิท ว่าที่อธิบดีกรมศุลกากรคนใหม่...ให้มาสานงานต่อ...ซึ่งก็อาจจำเป็นที่จะต้องเพิ่มเครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัยมากขึ้น และหากกระบวนการตรวจสอบที่เข้มข้นและรัดกุมมากยิ่งขึ้นเพื่อสกัดกั้นบุหรี่ไฟฟ้าและสินค้าผิดกฎหมายอื่นๆไมให้ทะลักเข้ามาทำร้ายประชาชนคนไทย...ซึ่งเหตุที่ต้องเอาใจช่วย เพราะสินค้าผิดกฎหมาย โดยเฉพาะบุหรี่ไฟฟ้ามันไหลทะลักเข้ามาทุกทิศทุกทางจริงๆ...แอบซ่อนมาในหลากหลายรูปแบบ...ไม่ง่ายที่จะรับมือเลยครับพี่น้อง...**   

**อนันตเดช พงษ์พันธุ์**