จากกรณีที่มีชาวกัมพูชาได้ออกมาร้องเรียนเรื่องการวางรั้วลวดหนามของทหารไทยบริเวณบ้านหนองจานจ.สระแก้ว โดยกล่าวอ้างว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นดินแดนของตนนั้น
พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกเปิดเผยว่า แท้จริงแล้วพื้นที่ดังกล่าวเป็นอาณาเขตของประเทศไทย ซึ่งอยู่บริเวณ บ.หนองจาน ต.โนนหมากมุ่นอ.โคกสูง จ.สระแก้ว รอยต่อแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ระหว่างหลักเขตแดนที่ 46 และ 47
โดยบริเวณดังกล่าวมีประเด็นปัญหา แบ่งเป็น2 ส่วน ได้แก่
1. เป็นพื้นที่อ้างสิทธิ ที่ฝ่ายไทยและกัมพูชาไม่สามารถตกลงที่ตั้งหลักเขตแดนได้ เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาอ้างว่าตำแหน่งหลักเขตที่ปรากฏในปัจจุบันมีการเคลื่อนย้ายเข้าไปในฝั่งประเทศของตน จึงต้องรออาศัยกลไกทวิภาคี อาทิ JBC มาแก้ไขปัญหาในระยะยาว
2. พื้นที่ดังกล่าว ในอดีตเมื่อครั้งเกิดสงครามการสู้รบภายในกัมพูชาในปี พ.ศ. 2520 รัฐบาลไทยในขณะนั้นได้ให้ราษฎรกัมพูชาอพยพลี้ภัยเข้ามาอยู่ในเขตประเทศไทยเป็นการชั่วคราว เพื่อแสดงถึงความมีน้ำใจและเห็นแก่หลักมนุษยชน แต่เมื่อสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ พบว่ามีราษฎรกัมพูชาบางส่วนไม่ยอมเดินทางกลับประเทศ ยังคงพักอาศัยในพื้นที่ของประเทศไทย
นอกจากนี้ยังพบว่าฝ่ายกัมพูชาละเมิดข้อตกลงในพื้นที่อ้างสิทธิ โดยการสนับสนุนให้ราษฎรมาสร้างถิ่นฐานอย่างถาวร ทั้งในบริเวณพื้นที่อ้างสิทธิ และนอกบริเวณพื้นที่อ้างสิทธิในฝั่งประเทศไทย ซึ่งกองทัพบก โดยกองกำลังบูรพา ได้ดำเนินการประท้วงร้องเรียนฝ่ายกัมพูชาในเวทีต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งระดับหน่วยทหารในพื้นที่ และผ่านกระทรวงการต่างประเทศตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบัน แต่ฝ่ายกัมพูชากลับนิ่งเฉยไม่มีการชี้แจงในรายละเอียด หรือแก้ไขใดๆ จึงยืนยันได้ว่าฝ่ายไทยได้ใช้การแก้ปัญหาโดยสันติวิธีมาตลอด
สำหรับปัญหา ณ ปัจจุบัน ฝ่ายกัมพูชามีเจตนาอันไม่บริสุทธิ์ พยายามจะใช้ประชาชนให้เป็นผู้ออกหน้าในการรุกล้ำพื้นที่อธิปไตยประเทศไทยในบริเวณดังกล่าว ทั้งนี้ อาจเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับฝ่ายทหารโดยตรง ทำให้เข้าใจได้ว่าการกระทำดังกล่าวเหมือนมีการวางแผนมาอย่างเป็นระบบ และคอยเฝ้าดูว่าหากฝ่ายไทยดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดไป ก็จะนำเรื่องดังกล่าวไปบิดเบือนทำลายความน่าเชื่อถือประเทศไทย เพื่อขอความเห็นใจสังคมโลกอย่างที่เป็นภาพให้เห็นอยู่ในปัจจุบัน จึงอยากให้ช่วยกันสื่อสารต่อประชาคมโลก ให้เข้าใจในข้อเท็จจริงว่าการช่วยเหลือทางมนุษยธรรมของไทย รวมถึงการแสดงออกถึงความมีน้ำใจที่ดีต่อเพื่อนบ้านในอดีต ไม่ควรถูกฝ่ายกัมพูชานำไปบิดเบือน เพื่อให้เป็นผลกลับมาใช้ทำลายความน่าเชื่อถือฝ่ายไทยอย่างไม่เป็นธรรม
ต่อมา กระทรวงการต่างประเทศ ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับกรณีพื้นที่บริเวณบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ดังนี้
ตามคำแถลงของกองทัพบกไทยเกี่ยวกับพื้นที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว ซึ่งเดิมเคยใช้เป็นที่พักพิงชั่วคราวของชาวกัมพูชาที่หนีภัยจากการสู้รบในอดีตเข้ามาในประเทศไทย และต่อมาฝ่ายกัมพูชาได้ขยายชุมชนออกไป ถือเป็นการละเมิดบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2543 และฝ่ายไทยได้คัดค้านและดำเนินการประท้วงการล่วงล้ำเข้ามาในพื้นที่ของไทยดังกล่าวมาโดยตลอด นั้น กระทรวงการต่างประเทศสนับสนุนคำแถลงของกองทัพบกไทยดังกล่าว และขอย้ำประเด็นสำคัญ ดังนี้
1. ประเทศไทยได้แสดงความอดกลั้นอย่างสูงสุดมาโดยตลอดเป็นเวลาหลายปี และยึดมั่นในการดำเนินการอย่างสร้างสรรค์ในฐานะประเทศเพื่อนบ้านที่ดี โดยยินดีหารือข้อแตกต่างใดๆ ผ่านกลไกทวิภาคีที่เหมาะสม เช่น คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ในทางตรงกันข้าม ฝ่ายกัมพูชากลับใช้ประชาชนของตนมารุกล้ำดินแดนอย่างไม่ชอบธรรมผิดกฎหมาย และเป็นการยั่วยุให้เกิดความตึงเครียด
2. การอาศัยประโยชน์จากการให้ความช่วยเหลือชาวกัมพูชากลุ่มนี้ของไทยในอดีต ตามหลักมนุษยธรรมที่ไทยยึดถือมาโดยตลอด เป็นการกระทำที่ไม่เพียงแต่ขาดความจริงใจ แต่ยังสะท้อนถึงเจตนาร้ายที่แท้จริงของฝ่ายกัมพูชา
3. สำหรับประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการติดตั้งลวดหนามในเขตแดนไทยนั้น เป็นการดำเนินการเพื่อปกป้องอธิปไตยของไทย คุ้มครองความปลอดภัยของประชาชนไทย ป้องกันมิให้มีการรุกล้ำเพิ่มเติมจากฝ่ายกัมพูชา และป้องกันการเข้ามาวางทุ่นระเบิดโดยฝ่ายกัมพูชา โดยการดำเนินการของไทยไม่เป็นการขัดต่อข้อตกลงจากการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) สมัยวิสามัญ เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2568 ที่ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะละเว้นจากการก่อสร้างหรือพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางทหารหรือการเสริมความมั่นคงของที่ตั้งทางทหารล้ำออกไปนอกเขตของฝ่ายตน
จนกระทั่งวันที่ 22 สิงหาคม 2568 เมื่อเวลา 16.00 น. ที่บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว กองทัพไทยนำคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (IOT) ประกอบด้วยผู้ช่วยทูตฝ่ายทหาร 8 ประเทศ ลงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ตรวจสอบข้อเท็จจริงถึงการรุกล้ำอธิปไตยแผ่นดินไทยของกัมพูชา และรายงานถึงสภาพพื้นที่หลักเขตที่ 46-47 ที่อยู่ด้านในเขตอธิปไตยไทย โดยกองกำลังบูรพาได้มีการบรรยายสรุปเส้นปฏิบัติการตามแผนที่ 1 : 50,000 สภาพบ้านเรือนร้างของชาวกัมพูชาที่สร้างรุกล้ำเข้ามาในเขตไทย พร้อมรับทราบมาตรการควบคุมและป้องกันการกระทำผิดกฎหมายข้ามชาติ เช่น อาชญากรรมออนไลน์ และการลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย
ทันทีที่คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราวเดินสำรวจพื้นที่ ได้พบกับหมู่บ้านขนาดเล็ก พร้อมซากอาคาร บ้านเรือน และโรงงานที่ชาวกัมพูชาได้ลักลอบมาสร้างไว้กว่า 200 ครอบครัว โดยก่อนหน้านั้นทหารได้ผลักดันให้ออกนอกพื้นที่โดยไม่ได้มีการใช้อาวุธแต่อย่างใด หลังจากดำเนินการเรียบร้อยแล้วได้มีการนำสแลน และวางแนวรั้วลวดหนาม เพื่อเป็นแนวป้องกัน ไม่ใช่การวางเพื่อกำหนดเส้นเขตแดน
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ช่วงที่คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว และสื่อมวลชนลงพื้นที่มีชาวกัมพูชาพยายามที่จะมาแอบดูตามแนวปิดกั้น ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารต้องขอความร่วมมือไม่ให้เข้าไปใกล้ในบริเวณดังกล่าวมากจนเกินไป ขณะเดียวกันก็มีชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งหอบเอกสารสิทธิถือครองที่ดิน ตั้งใจจะมาแสดงให้คณะได้รับทราบปัญหาพร้อมเล่าว่าทำมาหากินไม่ได้ เพราะชาวกัมพูชาที่อพยพมาอยู่ขับไล่ และมีการตั้งฐานของทหาร ตอนนี้เดือดร้อนหนัก อยากบอกรัฐบาลให้เร่งจัดการให้จบ
วันเดียวกัน นายนิกรเดช พลางกูร โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวยืนยันว่าพื้นที่บ้านหนองจาน อยู่ใน จ.สระแก้ว ของไทย ซึ่งในอดีตได้เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวสำหรับชาวกัมพูชาที่หนีภัยสงครามเมื่อปี 2524 แต่ต่อมาฝ่ายกัมพูชากลับขยายพื้นที่ชุมชนออกไป ซึ่งถือว่าละเมิด MOU 2543 โดยฝ่ายไทยจำเป็นต้องวางลวดหนามในเขตไทย เพื่อปกป้องอธิปไตย คุ้มครองความปลอดภัยของประชาชน รวมถึงป้องกันการลอบเข้ามาวางทุ่นระเบิด พร้อมทั้งยืนยันว่าการกระทำของกองทัพไทยไม่ขัดต่อข้อตกลงหยุดยิง
ด้าน นายเบญจมินทร์ สุกาญจนัจที อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศเปิดเผยว่า พื้นที่บ้านหนองจานตั้งอยู่ระหว่างหลักเขตแดนที่ 46 และ 47 ซึ่งเป็นแนวเขตแดนตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ปี 1907 โดยหลังจากสงครามในกัมพูชาสิ้นสุดแล้ว ชาวกัมพูชาเหล่านี้ยังคงเข้ามาก่อสร้างที่อยู่อาศัยและขยายที่ดินทำกินจนออกนอกแนวรั้วที่กำหนด นอกจากนี้ ยังมีการตั้งที่ทำการของหน่วยงานทางการกัมพูชาและเชิญธงชาติกัมพูชาในพื้นที่ดังกล่าวด้วย อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมายยืนยันว่า ที่ผ่านมาฝ่ายไทยไม่ได้นิ่งนอนใจและดำเนินการทักท้วงมาโดยตลอด ทั้งขอให้ชาวกัมพูชาย้ายออกและดูแลไม่ให้ขยายที่ดินทำกินเพิ่มเติมอีก แต่ฝ่ายกัมพูชากลับไม่ตอบสนองใดๆ รวมถึงเคยอ้างว่าขอตรวจสอบแนวหลักเขตแดนให้แน่ชัดก่อน ซึ่งการกระทำเหล่านี้ขัดต่อ MOU 2543 พร้อมทั้งยืนยันว่ากรณีบ้านหนองจานไม่กระทบต่อกระบวนการปักปันเขตแดนร่วมกันที่ยังคงดำเนินต่อไป
ทว่า สถานการณ์ล่าสุด ทหารกัมพูชา อาศัยประชาชนเป็นแนวหน้าเข้ามากดดันและรื้อแนวลวดหนามบางส่วนออกไปแล้ว “บ้านหนองจาน” กลายเป็นสมรภูมิตึงเครียดล่าสุดระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งแน่นอนว่า ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ และกำลังทหารสองฝั่งก็ตรึงกำลังดูสถานการณ์กันต่อไป
ยังไม่เห็นข้อยุติเลยว่า จะจบลงแบบใดและเมื่อไร!!
จิตกร บุษบา
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี