มีคนในประเทศนี้สักกี่คน ที่ไม่ได้มองว่า เรื่องที่ดิน“เขากระโดง” เป็นเรื่อง “การเมือง”
เป็นการเมืองที่พรรคเพื่อไทย โดยนายทักษิณ ชินวัตร และบริวาร ต้องการใช้เป็น “ระเบิด” ทำลายล้างนายเนวิน ชิดชอบ ผู้นำหลังม่านของ “พรรคภูมิใจไทย” ใช่,มันมีข้อกฎหมายเกี่ยวข้องอยู่ด้วย แต่เจตจำนงที่ “พรรคเพื่อไทยเดินหน้า “เพิกถอน” การถือครองที่ดินเขากระโดงนั้นชัดเจนมากว่า เป็น “เรื่องการเมือง”
1) หลังจากที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ออกมายืนยันว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) มีแผนที่แนบท้ายพระราชกฤษฎีกา(พ.ร.ฎ.) เวนคืนที่ดินพื้นที่เขากระโดง จ.บุรีรัมย์ นั้น มีการตรวจสอบย้อนหลัง พบเอกสารที่นายสุชาติ เต็งสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานการออกหนังสือสำคัญกรมที่ดิน ได้ทำบันทึกข้อความถึงนายอนุวัฒน์ เมธีวิบูลวุฒิ อธิบดีกรมที่ดิน (ในขณะนั้น) โดยลงนามรับรองวันที่ 18 มี.ค.2552 เรื่องการเพิกถอนโฉนดที่ดินที่ออกในเขตที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทยบริเวณเขากระโดง เกี่ยวกับผลการสอบสวนคณะกรรมการสอบสวนเพื่อดำเนินการตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินเกี่ยวกับตรวจสอบโฉนดที่ดินเลขที่ 3466 และ 8564 ต.อิสาณ อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ บนเนื้อที่ประมาณ 5,083 ไร่ที่ไม่ชอบ เพราะได้ออกในเขตที่ดินของการรถไฟฯนั้น
โดยในตอนหนึ่งของเอกสาร พบเหตุผลที่กรมที่ดิน ไม่สามารถเพิกถอน และยุติเรื่องสอบ เพราะ ร.ฟ.ท. ไม่สามารถจัดส่งรูปแผนที่ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตสร้างทางรถไฟหลวงต่อจาก จ.นครราชสีมา ถึง จ.อุบลราชธานี พ.ศ. 2462 มาแสดงได้ แต่ได้จัดส่งแผนที่นครราชสีมา (บุรีรัมย์) ของกรมแผนที่ทหาร พ.ศ. 2464 ลงวันที่ 13 ก.พ. 2552 มาให้แทน โดยระบุว่า “ค้นหาไม่พบเนื่องจากเวลาได้ผ่านมานานถึง 85 ปีเศษแล้ว” พบแต่แผนที่นครราชสีมา (จ.บุรีรัมย์) จากกรมแผนที่ทหาร พ.ศ. 2464 ซึ่งสามารถเทียบเคียงได้ เพราะปรากฏแนวเขตทางรถไฟส่วนที่แยกไปยังที่ย่อยศิลาตรงกัน ซึ่งเป็นการจัดทำการสำรวจในระหว่างปี พ.ศ. 2464 ถึง 2465 ซึ่งจัดทำเสร็จหลังพระราชกฤษฎีกาจัดซื้อที่ดินฯ2464 และไม่มีการแจ้งว่า ได้ดำเนินการจากหลักฐานใด จึงน่าจะเป็นการสำรวจจัดทำรูปแผนที่ภูมิประเทศตามที่ปรากฏในภาคสนามทั่วไป จึงเป็นเหตุให้กรมที่ดินไม่เชื่อว่า ที่ดินข้อพิพาทดังกล่าวเป็นที่ดิน อยู่ในแนวเขตทางรถไฟตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตสร้างทางรถไฟหลวงฯ 2462
2) นอกจากนี้ ยังพบว่านายเจนกิจ เชฏฐวาณิชย์ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักมาตรฐาน กรมที่ดิน ได้ทำบันทึกข้อความถึงนายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน (ในขณะนั้น)
ในวันที่ 18 ต.ค.2567 แจ้งเรื่องการเพิกถอนหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินที่ออกทับซ้อนกับที่ดินของการรถไฟฯ เกี่ยวกับผลการตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน เพื่อตรวจสอบที่ดินในท้องที่ ต.เสม็ด และ ต.อิสาณ อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ จำนวน 992 ฉบับ เป็นหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินที่ออกไปโดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย
โดยคณะกรรมการสอบสวนฯ ได้พบว่า เอกสารที่ ร.ฟ.ท. นำไปใช้ตามคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง คดีหมายเลขแดงที่ 582/2566 และประกอบการต่อสู้คดีตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 842-476/2560 และคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8027/2561 จึงน่าเชื่อได้ว่าแผนที่ที่ปรากฏตามคำพิพากษา ไม่ใช่แผนที่ตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการจัดซื้อที่ดินและอสังหาริมทรัพย์อย่างอื่นเพื่อสร้างทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กรมรถไฟหลวงจัดการสร้าง ประกาศลงวันที่ 7 พ.ย. 2464 (ประกาศราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 25 พ.ย. 2464)
แต่ ร.ฟ.ท. ใช้รูปแผนที่แสดงต่อศาลฯ จัดทำขึ้นเมื่อปี 2531 และปี 2539 เป็นการจัดทำขึ้นตามมติที่ประชุมคณะกรรมการประสานการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐส่วนจังหวัด สันนิษฐานว่าน่าจะจัดทำขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2539 และมีมติที่ประชุมการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรกลุ่มสมัชชาคนจนเมื่อวันที่ 15 เม.ย. 2537
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำไปประกอบการพิจารณาแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรกลุ่มสมัชชาคนจน อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ยังพบเอกสาร ที่ระบุ วันที่ 27 ก.ย. 2564 ที่นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ อธิบดีกรมที่ดิน (ในขณะนั้น) ได้ทำหนังสือ ที่ มท. 0516.2/3530 ถึงผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย เรื่องขอให้เพิกถอนโฉนดที่ดินที่ออกทับที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย สาเหตุไม่สามารถเพิกถอนได้เนื่องจาก ร.ฟ.ท.แจ้งว่า ไม่สามารถจัดส่งหลักฐานแผนที่ประมาณที่กำหนดแนวเขตทางรถไฟเพื่อสำรวจและทำการสงวนหวงห้าม ตามพระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตสร้างทางรถไฟต่อจากนครราชสีมาถึงอุบลราชธานี พ.ศ. 2462 มาประกอบการพิจารณา และไม่มีแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการจัดซื้อที่ดินและอสังหาริมทรัพย์อย่างอื่นเพื่อสร้างทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กรมรถไฟแผ่นดินจัดสร้าง พ.ศ. 2464
3) นายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรมช.มหาดไทย ซึ่งเคยกำกับดูแลกรมที่ดิน กล่าวถึงกรณีปัญหาที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องไม่ว่าเจ้าหน้าที่ หรือผู้บริหารกระทรวง ไม่ควรเร่งรีบออกมาพูด หรือสั่งการ ควรศึกษาเอกสารข้อมูลให้ชัดเจน เพราะมีเอกสารข้อมูลจำนวนมาก และไม่ควรตัดใจแก้ปัญหาด้วยอารมณ์ สมัยตนเป็นรมช.มหาดไทย ได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลกรมที่ดิน ปัญหาที่ดินเขากระโดง อธิบดีกรมที่ดินขณะนั้น ได้ทำรายละเอียดเสนอมา 3-4 หน้า หลังอ่านแล้วได้เซ็นว่าทราบ และสั่งการให้อธิบดีทำตามขั้นตอนของระเบียบกฎหมาย
นายนิพนธ์ กล่าวต่อว่า ที่ดินจำนวน 5,000 กว่าไร่ ที่ระบุว่า เป็นของการรถไฟฟ้าแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.)และศาลฏีกาได้สั่งให้เป็นที่ดินของการรถไฟฯนั้น ในรายละเอียดศาลฎีกาได้สั่งเฉพาะชาวบ้าน 35 ราย ที่ขอออกโฉนดและการรถไฟฯได้ยื่นร้องคัดค้าน ไม่ได้สั่งว่า ที่ดินทั้งหมดเป็นของการรถไฟฯ และศาลปกครองได้สั่งให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดำเนินการ
“ปัญหาที่ดินเขากระโดงพระราชกฤษฎีกาไม่ได้กำหนดแนวเขตชัดเจน และที่ผ่านมาการรถไฟฯ ไม่ได้ชี้แนวเขตที่ชัดเจน กรมที่ดินจึงไม่สามารถดำเนินการเพิกถอนออกสารสิทธิได้ เพิกถอนเฉพาะชาวบ้าน 35 รายที่ศาลฎีกาสั่ง ส่วนอีก 900 กว่ารายไม่ได้มีการกำหนดมีการฟ้องร้องไม่มีการกำหนดแนวเขตที่ชัดเจน ที่ผ่านกรมที่ดินได้ออกโฉนดให้ชาวบ้าน ตามขั้นตอนถูกต้องตามกฎหมายถ้าจะให้เพิกถอนต้องมีคำสั่งศาล ไม่เช่นนั้นอธิบดีกรมที่ดินที่ฟ้อง ที่ผ่านมามีอธิบดีกรมที่ดิน 2 คนขอย้ายตัวเอง เพราะไม่สามารถดำเนินการตามคำสั่งของฝ่ายการเมืองได้”
นายนิพนธ์กล่าวต่อว่า ทราบว่า การรถไฟฯ ได้ดำเนินการฟ้องร้องให้เพิกถอนเอกสารสิทธิ ซึ่งการรถไฟฯไม่มีความสามารถดำเนินการเอง จึงส่งให้อัยการสูงสุดดำเนินการฟ้องร้อง ซึ่งอัยการสูงสุดก็ยังไม่มีคำสั่งออกมา
“การดำเนินการปัญหาที่ดินเขากระโดงมีความซับซ้อนต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่เช่นนั้นจะถูกฟ้องได้ จะทำตามอารมณ์ความรู้สึกไม่ได้ เพราะกระทบต่อชาวบ้าน 900 กว่ารายที่ถือโฉนดที่ดิน ตามที่นายภูมิธรรมเวชยชัย รองนายกฯและรมว.มหาดไทย และนายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย ที่กำกับดูแลกรมที่ดิน ระบุว่า จะเพิกถอนเอกสารสิทธิภายใน 2 วันนั้น ก็จะรอดูว่า สามารถทำได้หรือไม่ อธิบดีกรมที่ดินคนใหม่ที่จะเข้ามาจะกล้าดำเนินการหรือไม่” นายนิพนธ์ กล่าว
นายนิพนธ์ กล่าวด้วยว่า กรณีที่ดินเขากระโดงกับที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์มีความแตกต่างกันที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์เป็นที่ดินมรดกที่ยกให้วัด และศาลฎีกาสั่งให้เป็นของวัดชัดเจน จึงต้องเพิกถอน หากไม่เพิกถอนก็จะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ซับซ้อนเหมือน ที่ดินเขากระโดง
4) นายอนุทิน ชาญวีรกูล อดีต รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย ไม่มีแผนที่แนบท้ายกฤษฎีกา สิ่งที่จะทำให้ถูกต้องและเชื่อถือได้ทุกฝ่ายคือกฎหมาย คนที่ครอบครองเขากระโดงก็ไม่เคยพูดว่าจะไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย แต่ขอให้มีคำพิพากษาศาลให้ชัดเจน เป็นเอกฉันท์ไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ ซึ่งตนหมายถึงทั้งสองฝ่าย
มีการตีความว่า หากศาลฎีกาตัดสินผูกพัน 35 ราย อีกฝ่ายบอกว่าจะเหมาทั้งหมดไม่ได้ เพราะต้องดำเนินการตามคณะกรรมการตาม มาตรา 61 ซึ่งตนขอแก้ข่าวว่าตนไม่ได้เป็นคนตั้งคณะกรรมการชุดนี้
ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย ถ้ากฎหมายบอกว่าพรุ่งนี้รื้อถอนได้เลย ก็ต้องรื้อถอน ถ้ากฎหมายบอกว่ารื้อไม่ได้ ก็ต้องทำตามนั้น ไม่มีใครขัดขวางอยู่แล้ว สิ่งที่ดีที่สุดคือ ทำตามกฎฏหมาย ทุกคนมีสิทธิต่อสู้เพื่อพิทักษ์สิทธิของตัวเอง และหากศาลมีคำวินิจฉัยออกมาขอให้ทุกคนทำตาม
เราไม่ควรเอาเรื่องทางการเมืองมาทำลายกัน เรื่องของบุคคลแต่ละคนก็คนละเรื่องกัน ทำไมเดี๋ยวนี้เป็นแบบนี้ตนก็ไม่ทราบ ซึ่งตนไม่เคยเจอแบบนี้ บทบาทของทุกคนก็มีคือการรักษาประโยชน์ให้ประเทศชาติ ทำหน้าที่ของตนเองไม่เอาเรื่องส่วนตัวออกมา
“เรื่องแบบนี้พรรคภูมิใจไทยไม่เคยทำ ผมอยู่กระทรวงมหาดไทยมา 2 ปีก็ไม่เคยกลั่นแกล้งใคร และไม่เคยใช้อำนาจในการบริหารประเทศ ทำเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับการบริหารบ้านเมืองผมไม่อยากให้การเมืองไทยเป็นแบบนี้ เพราะมันจะไม่จบไม่สิ้น จะมีแต่ความอาฆาตมาดร้ายต่อกัน และมานั่งแก้แค้นกันประเทศจะไปอย่างไร“ นายอนุทิน กล่าว
สรุป : ในขณะที่มิติทางกฎหมายยังไม่ชัด แต่มิติทางการเมืองชัดกว่า และก่อผลกระทบกับประชาชนจำนวนมาก เชื่อว่าเรื่องนี้ กระทบต่อความนิยมของพรรคเพื่อไทยมากแน่ๆ จึงกล่าวได้ว่า เมื่อพรรคเพื่อไทย ลงทุน “กดปุ่มระเบิด” ปุ่มนี้ หมายจะให้พรรคภูมิใจไทย “ขาขาด” ก็ต้องลุ้นกันว่า เมื่อการเลือกตั้งมาถึง อาจเป็นพรรคเพื่อไทยเอง ที่ถึงขั้น “หัวขาด” เลยก็ได้
จิตกร บุษบา
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี