น่าแปลกใจ...
ยิ่งใกล้วันที่แพทองธาร ชินวัตร จะพ้นตำแหน่งนายกฯ
ใกล้ถึงวันเปลี่ยนแปลงตัวนายกฯ
ปรากฏว่า คนบางกลุ่มพยายามบิดเบือนให้ร้าย ดิสเครดิตพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกฯ ในบัญชีพรรค รทสช. (ปัจจุบันเป็นองคมนตรี)
โดยหยิบเอาปัญหาชายแดนกัมพูชา-ไทย มาดิสเครดิตการบริหารประเทศในยุครัฐบาลลุงตู่
กล่าวในทำนองว่า นายกฯลุงตู่ไม่ปกป้องรักษาผลประโยชน์ของประเทศ หมักหมมปัญหากัมพูชา-ไทย
ร้ายหนัก... ดิสเครดิตไปถึงขนาดว่า สมัยรัฐบาลลุงตู่ ไม่เห็นทำคุณประโยชน์อะไรเลย
สวนทางกับคะแนนนิยมทางการเมือง ชี้ชัดว่า บุคคลที่ประชาชนต้องการให้เป็นนายกฯหลังจากนี้ อันดับหนึ่งในบัญชีพรรคการเมือง คือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
เพราะประชาชนได้เห็นความจริงเป็นที่ประจักษ์ว่า สิ่งที่ลุงตู่เคยพูด ทำ และยืนหยัดจนสวนความเชื่อของคนบางกลุ่มขณะนั้น แท้จริงแล้ว ลุงตู่ คิดถูก พูดถูก ทำถูกต้อง
แน่นอน... ลุงตู่ไม่ได้ทำถูกทุกเรื่อง หรือสำเร็จทุกเรื่อง เพราะบางเรื่องยังไม่เหมาะไม่พร้อมที่ทำในขณะนั้นก็มี
แต่ภาพรวมสารพัดเรื่อง ล้วนปรากฏผลจริงยืนยันว่า เชื่อลุงตู่ ชาติพ้นภัย
กรณีปัญหากัมพูชา-ไทยก็เช่นกัน
ปัญหาไม่ได้เกิดจากลุงตู่ และลุงตู่ไม่ใช่ผู้สร้างปัญหา ตรงกันข้าม ลุงตู่เป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหา
1. ปัญหาซับซ้อน ลุงตู่ทำในสิ่งสำคัญที่ทำได้ในขณะนั้น
พลอากาศโทวัชระ ฤทธาคนี หรือ “เสธ.นิด” โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก Vachara Riddhagni เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับบทบาทสำคัญของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรี ผู้ผลักดันพระราชบัญญัติการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล พ.ศ.2562 ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญปกป้องทรัพยากรทางทะเลของไทย ให้พ้นจากการถูก “ฮุบ” ภายใต้ MOU44
เสธ.นิด ย้ำว่า “...ใครจะว่าอย่างไรเกี่ยวกับขณะที่ท่านมีอำนาจ แต่ไม่จัดการกับปัญหาชายแดนไทย/กัมพูชา นั้น ผมว่ามันซับซ้อนมากๆ
แต่ที่ผมต้องเรียนให้คนไทยได้รับรู้ว่า ท่านออกกฎหมายสำคัญยิ่งที่จะสกัดระบอบทักษิณ “เขมือบทรัพยากรทางทะเล ด้วย MOU 44”
โดยตรากฎหมายฉบับนี้ พระราชบัญญัติการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล พ.ศ.2562
ซึ่งครอบคลุมการรักษาทรัพยากรทางทะเลไว้ทั้งหมด
เป็นสิ่งที่ต้องตั้งข้อสังเกตว่า “รัฐบาลนางแพทองธาร ชินวัตร และ ครม.แม้แต่ สว. สส.ในรัฐสภาไม่เคยกล่าวถึงเลยแม้แต่ครั้งเดียว”
เราต้องพิจารณาด้วยความเป็นธรรมครับ
ความจริงมีทั้งเหตุและผล ซึ่งพิสูจน์ได้”
2. พลอากาศโท วัชระ ฤทธาคนี ยังได้สรุป ต้นสาย ปลายเหตุ เกี่ยวกับสถานการณ์กัมพูชา-ไทย
ทำให้เห็นชัดเจนว่า ปัญหาในกัมพูชาเกิดขึ้นอย่างไร? เกี่ยวกับไทยตอนไหน? ยุครัฐบาลชุดไหนทำอะไร?
และพยายามตอบข้อสงสัยว่า ฮุนเซนต้องการอะไร? ทำไมถึงเคลื่อนไหวมาสู่การสู้รบกับไทยในปัจจุบัน? ฯลฯ
บางส่วน ระบุว่า
“๑. สืบแต่กัมพูชาชนะคดีปราสาทเขาพระวิหารจึงได้ใจ และการค้นพบแหล่งพลังงานธรรมชาติใต้พื้นทะเลอ่าวไทย
CIA ตาลุกทำหน้าที่เป็น “หน้าม้า Broker ทันทีที่จะขาย “ความคิดในการให้บริษัทพลังงานอเมริกันเข้ามาจับจองสัมปทานแหล่งพลังงานใต้อ่าวไทย
โดยเสนอความคิดนี้ให้รัฐบาลนายพลลอลนอน รัฐประหารล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ในกัมพูชา เพราะเจ้านโรดมสีหนุกลับไปกลับมา เดี๋ยวเป็นกษัตริย์ เดี๋ยวเป็นนายกรัฐมนตรี จนพรรคคอมมิวนิสต์เขมรเข้มแข็งจนทำการปฏิวัติสู้กับรัฐบาลนายพลลอลนอน ซึ่งไทยสนับสนุนช่วยนายพลลอลนอนรบกับ “พรรคคอมมิวนิสต์กัมพูชาต่อมาเรียกว่า เราเขมรแดง”
๒. แม้ “ลอลนอน” รู้ว่ารัฐบาลจอมพลถนอมช่วย “มัน” อยู่ (ตอนนี้ลอลนอนเป็นมะเร็งตายแล้วที่สหรัฐฯ) ถึงกระนั้นกัมพูชาก็บังอาจอ้างสิทธิ์ในอ่าวไทยทั้งๆ ที่ไม่มีสิทธิ์ในปี ๒๕๑๕ ทำให้รัฐบาลจอมพลถนอมก็ประกาศสิทธิ์ตามกฎหมายทะเลและความเป็นจริงทางประวัติศาสตร์ จึงตอบโต้กัมพูชาในปี ๒๕๑๖ พร้อมทั้งออกเป็นราชกิจจานุเบกษา อันหมายถึงว่าเป็นไปตามกฎหมายไทย อ้างสิทธิ์ความเป็นเจ้าของอธิปไตยเหนืออ่าวไทยในปี ๒๕๑๖
๓. เรื่องราวเกี่ยวกับชายแดนไทย/กัมพูชาสงบเงียบตลอด ๒๕๑๐-๒๕๑๘ เมื่อฝ่ายสาธารณรัฐเขมรแพ้เขมรแดง เผด็จการเขมรแดงเข้าปกครองประเทศและเริ่มสังหารแบบฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เขมรด้วยกันเรียกกันเป็นสากลว่าทุ่งสังหาร
จนในปี ๒๕๒๑ เวียดนามบุกยึดกัมพูชาเพื่อยุติการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เกิดเป็นสงครามเขมรแดงร่วมกับ ๒ กลุ่มกัมพูชากับกองทัพเวียดนามซึ่งยึดกรุงพนมเปญได้แต่ไม่สามารถยึดได้ทั้งประเทศ
๔. ด้วยพลังมหาอำนาจเริ่มกดดันเวียดนาม
(เป็นภัยคุกคามไทยโดยตรง รัฐบาลไทยจึงริเริ่มก่อตั้ง “อาเซียนซึ่งล้มเหลวในช่วงแรกจากกลุ่มประเทศที่จะมาร่วมกันเป็นอาเซียนนั้นมีแนวคิดจัดตั้งองค์การอาสา ASA แต่เพราะประเทศสิงคโปร์มีปัญหาดินแดนกับอินโดนีเซียกับมาเลเซียและ การจลาจลในสิงคโปร์ ๒๕๐๗ เป็นความบาดหมางระหว่างคนจีนสิงคโปร์กับคนมาเลย์ในสิงคโปร์นำสู่การขับสิงคโปร์ออกจากสหพันธ์มลายูทำให้๓ ประเทศไม่ลงรอยกันแต่เพราะความสามารถของท่าน พ.อ.ถนัด คอมันตร์ทำให้เกิด อาเซียนเพื่อป้องกันการแทรกแซงของลัทธิคอมมิวนิสต์ด้วยใช้ความจนเป็นตัวกระตุ้นการปฏิวัติ อาเซียนไม่ได้เป็นสมาพันธ์ร่วมมือกันทางทหาร)
เกิดวาทกรรม “ทำสนามรบให้เป็นสนามการค้า” ๒๕๓๑ ยุค พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกรัฐมนตรี
๔. รัฐบาลไทยเป็นผู้นำในการ “กดดันเวียดนามซึ่งเวียดนามยอมถอนทหารออกจากกัมพูชา ในปี ๒๕๓๒ ”
ให้ถอดทหารออกจากกัมพูชา โดยมีจีน สหรัฐฯ สนับสนุนและสหประชาชาติรับเป็นเจ้าภาพในการจัดการเลือกตั้ง
๕. ความจริงแล้ว สงครามกลางเมืองกัมพูชา สงครามเวียดนามนามยึดครองกัมพูชาและสงครามจีนกับเวียดนาม ๒๕๒๒-๒๕๒๓ ช่วยไทยลดภัยคุกคามจากการรุกรานของเวียดนามเพราะทำให้เวียดนามต้องถอดทหารออกจากกัมพูชา อย่างน้อย ๓-๔ กองพล
๖. เกิดภาวะสุญญากาศทางการเมืองและเกิดปรากฏการณ์เขมร ๔ ฝ่ายและหลายชาติที่มีอิทธิพลในภูมิภาคและสหรัฐประชาชาติเข้าแทรกแซงเพื่อป้องกันการเกิดสงครามกลางเมืองขึ้นมาอีก เขมร ๔ ฝ่าย ประกอบด้วย ฝ่ายกลุ่มนายเฮง สัมริน (นายฮุนเซน ) ซึ่งเวียดนามหนุนหลังจึงได้ปกครองประเทศหลังจากเวียดนามถอนทหาร ฝ่ายเจ้านโรดม รณฤทธิ์ หรือฟุนซินเปกฝ่ายนายซอนซาน และฝ่ายนายพล พต (เขมรแดง)
๗.ไทยจึงรับอาสาเป็นผู้ประสานนโยบายการเลือกตั้งและตั้งรัฐบาล และเกิดวาทกรรมประวัติศาสตร์โลก คือ “การทำสนามรบให้เป็นสนามการค้า” ปี ๒๕๓๒ ของ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นและให้มีการประชุมตกลงของ ๓ ฝ่ายยกเว้นฝ่ายเขมรแดง ที่บ้านพิษณุโลก กรุงเทพมหานคร และให้สหประชาชาติเข้ามาจัดการการเลือกตั้ง
๘.พรรคเจ้านโรดม รณฤทธิ์ ชนะการเลือกตั้งและพรรคนายฮุนเซน (นายเฮง สัมริน หมดอำนาจลง)ไม่ยอมและจะให้แยกประเทศเป็น ๒ ส่วนจึงเกิดปรากฏการณ์ ๑ ประเทศ ๒ นายกรัฐมนตรี
๙.ในปี ๒๕๔๐ ฮุนเซนก่อรัฐประหารเป็นนายกรัฐมนตรีเผด็จการ และเกิดแหล่งอบายมุขบ่อนทั่วประเทศโดยเฉพาะชายแดนไทยกับกัมพูชา
๑๐. มีการจัดตั้งคณะกรรมาธิการร่วมจัดทำหลักเขตแดนสำหรับเขตแดนทางบก ๒๕๔๐ ในยุคพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ์ มีการประชุมกัน ๑๐ ครั้งและต่อมามีการจัดทำ MOU 43 ในสมัยนายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี
๑๑. ๒๕๔๔ นายทักษิณ ชินวัตร เจ้าของพรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้ง เข้าบริหารประเทศและเริ่มมองหนทางร่ำรวยจากแหล่งอบายมุขในกัมพูชา โดยเฉพาะที่จังหวัดเกาะกงติดชายแดนจังหวัดตราด และเริ่มคบหานายฮุนเซน จนมีความใกล้ชิดกันมากในการมองผลประโยชน์ร่วม
๑๒.แนวคิดจาก MOU 43 และการขยายผลจากคดีเขาพระวิหาร ทำให้เขมรเสนอให้ไทยเป็นผู้ร่วมเสนอปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก ประชาชนคนไทยไม่เห็นด้วย และกัมพูชาฟ้องศาลโลกเพื่อเรียกร้องพื้นที่บริเวณรอบองค์ปราสาทเขาพระวิหารและศาลโลกให้ไทยแพ้ในวันที่ ๑๑ พ.ย.๒๕๕๖
๑๓.รัฐบาลทักษิณลงนาม MOU 44 ซึ่งจะเน้นเกี่ยวกับเส้นเขตพื้นทะเลในอ่าวไทยซึ่งกัมพูชาอ้างสิทธิ์ในปี ๒๕๑๕ อย่างไม่มีหลักฐาน
๑๓.กัมพูชาอ้างสิทธิ์เกาะกูดแบบมั่วๆ เพราะเป็นตัวแปรสำคัญในการลากเส้นเลขาคณิตสมุทรศาสตร์ แต่มีการต่อต้านจากมวลชนชาวไทยอย่างกว้างขวาง
๑๓.ทักษิณประกาศว่า “พื้นที่ทางทะเลที่ทับซ้อนให้แบ่งกันคนละครึ่ง พื้นที่ทะเลในอ่าวไทยที่กัมพูชาอ้างว่าทับซ้อนกับของไทยมีเนื้อที่ ๒๖,๐๐๐ ตร.กม. มากกว่าพื้นที่ “พัฒนาร่วมไทย/มาเลเซีย ๗,๒๐๐ ตร.กม.ซึ่ง ปตท.ดำเนินการร่วมกับปิโตรนาส ของมาเลเซีย ปัจจุบัน ปตท.เป็นมหาชน
ถ้าหาร ๒ ไทย-กัมพูชาจะแบ่งกันคนละ ๑๓,๐๐๐ ตร.กม. ทำให้ทั้งทักษิณและฮุนเซนฝันหวาน และหวานคอแร้ง จะร่ำรวยมากมายมหาศาล และมีส่วนควบคุมพลังงานในภูมิภาคนี้
๑๔. ท.ว่าแผนการของตัวเองจะดำเนินการไปอย่างราบรื่น เพราะลูกสาวเป็นนายกรัฐมนตรี มีสมุนมือขวานายภูมิธรรม รมว.กห.คงสยบทหารได้ จึงสมรู้ร่วมคิดกับฮุนเซน
๑๕. ท. มองว่า ฮุนเซนได้มาแบบได้เปล่า เข้าใจว่าฮุนเซน จ่ายค่าดำเนินการให้มาแล้ว เป็นเงินมหาศาล ส่วนฮุนเซนได้ ค่านายหน้าสัมปทานจากบริษัทต่างชาติมาเป็นเงินมหาศาลล่วงหน้าแล้ว
๑๖. เมื่อเหตุการณ์ผิดคาดหลายๆ กรณี คนไทยตื่นตัวต่อต้านแบบพหุแนวต่อต้านแม้จะใช้บ่อนมาเป็นตัวล่อให้ประชาชนและทหารไขว้เขว แต่ไม่มีใครสับสน ดังนั้น บริษัทต่างชาติที่มีอิทธิพลมหาศาลทวงเงินคืนจากฮุนเซน ซึ่งมันไม่กล้าปฏิเสธ จึงต้องจ่ายคืน
๑๗. ฮุนเซน จึงต้องท้วงเงินค่าบริหารจัดการ (Administrative Cost) คืนจากนายกรัฐมนตรีไทย เข้าใจว่ามีเนื้อหาในคลิปสนทนา.. (แต่ฮุนเซน ตัดเก็บไว้และคงจะใช้ประโยชน์ในอนาคต) แต่ถูกปฏิเสธ มันจึงโกรธมากๆ และนำคลิปมาเปิดเผยเพื่อหวังหลายๆ อย่างที่เป็นประโยชน์ร่วมกับทักษิณ
๑๘. ฮุนเซนจึงโจมตีไทย และหวังให้เกิดการรัฐประหารขึ้นในประเทศ (เพราะรัฐบาลระบอบทักษิณกำลังเจอกับอำนาจฝ่ายตุลาการเล่นงานและอาจจะไปไม่รอด ฮุนเซน จะสูญเงินและโอกาสที่จะได้ทรัพยากรในอ่าวไทยหมดไป) แต่ทหารกลับไม่ก่อรัฐประหาร (เพราะถ้ารัฐประหารไปอันวาร์ อิบราฮิม ประธานอาเซียนจะประกาศไม่รับรองรัฐบาลจากการรัฐประหาร ทำให้นานาชาติร่วมด้วย คณะรัฐประหารบริหารประเทศไม่ได้ ทักษิณยึดอำนาจคืน เป็นรัฐบาลเผด็จการการแบ่งอ่าวไทยเป็น ๒ ส่วนเกิดขึ้นทันที เกิดประโยชน์ร่วมมากมายกับชาติที่ต้องการอ่าวไทยเป็นฐานทัพลอยน้ำย่อมเกิดขึ้น (และอาจจะได้ฐานทัพในไทยเต็มไปหมด) ทหารไทยรู้ไต๋ครบสมบูรณ์แบบ
๑๙.ทุกอย่างผิดแผน ทหารไทยรบอย่างมีสติ แต่เฉียบแหลมรุนแรงตามสถานการณ์และในกรอบสงครามดำรงธรรม และเพียงแค่ยึดพื้นที่ราชอาณาจักรไทยคืน (ทั้งๆ ที่สมุนทักษิณ ยกเขตแดนให้กัมพูชายึดไว้ ถ้าไทยเสียดินแดนก็เป็นเพราะทหารไม่สามารถยึดคืนมาเอง)
๒๐. ขณะนี้ ทั้ง ๒ อสูร กำลังอยู่ในสภาพ “ผิดหวัง” จึงคงต้องระวังแผนชั่วๆ ต่อไป”
สรุป..จากการพิเคราะห์ต้นสาย ปลายเหตุ ปัญหากัมพูชา-ไทย ทั้งข้อมูลที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ
ล้วนชี้ชัดว่า ลุงตู่อยู่ในส่วนของการแก้ปัญหา ไม่ใช่สร้างปัญหาแน่นอน
ตัวปัญหาสำคัญ คือ ผู้นำตระกูลการเมือง 2 ตระกูล ทั้งในกัมพูชาและในไทย!!!
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี