กรณีที่ “นายภคพงศ์ ตัญกาญจน์” หรือน้องเมย เสียชีวิตปริศนาเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 หลังได้กลับเข้าโรงเรียนเตรียมทหารได้ เพียงแค่ 1 วัน โดยแพทย์ระบุในใบรับรองการเสียชีวิตว่า เกิดจากหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน แต่คดีไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด กระทั่งมาถึงชั้นฎีกา
วานนี้ นายพิเชษฐ ตัญกาญจน์ และนางสุกัลยา ตัญกาญจน์ บิดาและมารดาของนายภคพงศ์เดินทางมารับฟังคำพิพากษา โดยศาลทหารสูงสุดมีคำพิพากษาชั้นฎีกาว่า ให้ยืนตามศาลชั้นอุทธรณ์ จำเลยมีความผิดทำร้ายร่างกาย ทำโทษโดยฝ่าฝืนคำสั่งกลุ่มนักเรียนโรงเรียนเตรียมทหาร ส่วนที่โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยทันทีนั้น ศาลเห็นว่า ด้วยอายุจำเลยไม่เคยได้รับโทษ การจะลงโทษจำเลยไป ก็ไม่เป็นประโยชน์ ให้จำเลยปรับปรุงตัว รับราชการ รับใช้ชาติต่อไป จะเป็นประโยชน์มากกว่า โทษจำคุกรุ่นพี่ 4 เดือน 16 วัน ปรับ 15,000 บาท รอลงอาญา 2 ปี
นายพิเชษฐ์-นางสุกัลยา ตัญกาญจน์ พ่อแม่ของนายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย เปิดใจหลังศาลทหารชั้นฎีกาตัดสินยืนตามศาลชั้นอุทธรณ์ ลงโทษจำคุก 4 เดือน 16 วัน ปรับ 15,000 บาท แต่ให้รอลงอาญา 2 ปี กับรุ่นพี่ที่ลงโทษ น้องเมย ชี้จำเลยมีความผิดทำร้ายร่างกาย แต่เห็นว่าด้วยอายุจำเลยไม่เคยได้รับโทษ การจะลงโทษจำเลยไปก็ไม่เป็นประโยชน์ ให้จำเลยปรับปรุงตัวรับราชการรับใช้ชาติต่อไป จะเป็นประโยชน์มากกว่า
นางสุกัลยา กล่าวว่า ศาลทหารชั้นฎีกายืนคำพิพากษาตามศาลอุทธรณ์ ให้จำเลยได้รับโทษ 4 เดือนแต่รอลงอาญา 2 ปี เห็นว่าจำเลยยังสามารถทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติได้ และถ้าลงโทษจะทำให้ออกมา ทำให้ไปประกอบสัมมาชีพยาก จึงให้โอกาส ทางครอบครัวไม่ได้ขัดเรื่องการรับโทษของอีกฝ่าย แต่มีคำถามที่บอกว่า จำเลยทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติ หากลูกของตนยังมีชีวิตอยู่ เขาสามารถทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติได้ไหม แต่ลูกของเราไม่มีโอกาส
“หากเป็นนักเรียน หรือบุคคลธรรมดา เราก็พอเข้าใจได้ แต่นี่เป็นนักเรียนบังคับบัญชา เหมือนเป็นผู้ที่ถือกฎหมายไว้ในมือ แต่ทำผิดซะเอง จึงเกิดคำถามว่าต่อไปจะทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติได้มากขนาดไหน แล้วเราจะเชื่อได้อย่างไรว่า เจ้าหน้าที่รัฐที่ทำเรื่องแบบนี้ จะไปปฏิบัติหน้าที่ เป็นคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติได้ ครอบครัวไม่เชื่อ ตั้งแต่เกิดเรื่อง
อีกฝ่ายไม่มาขอโทษเลย”
“ครอบครัวของเราเดินทางขึ้นศาลมาอย่างสง่าผ่าเผย แต่จำเลยที่เป็นคนกล่าวอ้างว่า น้องเมยทำผิด กลับก้มหน้าก้มตาขึ้นศาล หากเขาไม่ผิด ทำไมต้องอาย ทำไมไม่ยืดอกรับ อยากฝากไปถึง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ให้พิจารณาถึงความเหมาะสมในเรื่องนี้ด้วย” นางสุกัลยา กล่าว
จะเข้าใจเรื่องนี้ได้ จะเห็นใจครอบครัวของน้องเมยได้อย่างถ่องแท้ ต้องเข้าใจลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเสียก่อน
เหตุการณ์และไทม์ไลน์สำคัญ
1. พฤษภาคม 2560 – นายภคพงศ์ ตัญกาญจน์หรือ “น้องเมย” เริ่มเรียนเตรียมทหารปี 1
2. 23 ส.ค. 2560 - เมยบาดเจ็บจากการถูกสั่งให้เอาหัวปักพื้นห้องน้ำตอนดึก มีอาการปวดหัวรุนแรง
3. 30 ส.ค. 2560 - แม้แพทย์ให้หลีกเลี่ยงการฝึก แต่เมยยังถูกสั่งวิ่งและฝึกอย่างหนัก
4. 15 ต.ค. 2560 (กลางดึก) - เมยถูกปลุกขึ้นมาพร้อมเพื่อนอีก 2 คน เพื่อธำรงวินัยในห้องพัก (ใช้แทนห้องซาวน่า)
5. 16 ต.ค. 2560 - เมยถูกสั่ง “พุ่งหลัง” หลายนาที ก่อนจะฟุบลง มีอาการหายใจหอบถี่
6. 17 ต.ค. 2560 (เช้า) - เมยถูกลงโทษซ้ำอีกครั้ง ก่อนหมดสติ และเสียชีวิตช่วงสาย
7. โรงเรียนแจ้งว่า “เสียชีวิตจากหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน”ข้อสงสัย - ครอบครัวร้องขอความเป็นธรรม
8. ครอบครัวพบร่องรอยฟกช้ำตามตัวเมยจึงนำศพไปชันสูตรซ้ำ
9. พบว่า อวัยวะสำคัญ เช่น สมอง หัวใจ และกระเพาะอาหารหายไป
10. ครอบครัวแจ้งความหมอที่ผ่า แต่ตำรวจออกหมายเรียก 2 ครั้ง ไม่เคยออกหมายจับ
11. ตรวจ DNA จากอวัยวะที่ขอคืนมาผลไม่ตรงกับเมย ทำให้ไม่สามารถรับคืนได้
กระบวนการยุติธรรม
12. พ.ย. 2560 - ผบ.ทสส. ยอมรับว่าเมยถูกลงโทษโดยรุ่นพี่และครูฝึก
13. ครอบครัวยื่นให้ ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ เข้าสู่กระบวนการตำรวจ
14. มี.ค. 2562 - อัยการสั่งฟ้องรุ่นพี่ทหาร2 คน ฐานทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต
15. ฟ้องครูฝึกอีก 1 คน ฐานประมาททำให้ถึงแก่ความตาย
16. คดีอยู่ในศาลทหารมณฑลที่ 12 จ.ปราจีนบุรี
17. ศาลชั้นต้น – ให้รอการกำหนดโทษจำเลย
18. บางคดีที่ครอบครัวร้องเรียน อัยการ/ตำรวจมีคำสั่ง ไม่ฟ้อง
19. คดีแพ่ง - ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาให้กระทรวงกลาโหมชดใช้บางส่วน
ความรู้สึกของครอบครัว
20. ครอบครัว ไม่ได้รับค่าชดเชยจากกองทัพเลย ตลอด 8 ปี
21. เคยได้รับเพียง ค่าทำศพ 100,000 บาท และยังไม่ได้แตะต้อง
22. แม่ของเมย เผยว่าไม่ได้รับเงิน 30-40 ล้านบาท ตามข่าวลือ
23. รู้สึกเสียเปรียบในการสู้คดี เพราะ พลเรือนไม่สามารถตั้งทนายได้ในศาลทหาร
24. จำเลยที่เป็นทหารมีสิทธิตั้งทนาย ทำให้รู้สึก “อยู่คนละชั้น”
ปฏิกิริยาจากฝ่ายผู้ก่อเหตุ
25. พ่อของเมยเผยว่า จำเลยเคยมาคลานเข่าขอโทษ
26. แต่ ไม่เคยแสดงความรับผิดชอบเพิ่มเติมใดๆ
27. หนึ่งในจำเลย ได้รับยศตำรวจ และยังรับราชการอยู่ (ที่มา : เพจเบื่อเมีย)
“นารากร ติยายน” โพสต์เฟซบุ๊กว่า
“...ขอท่าน ผบ.ตร. มอบความยุติธรรมให้แก่ครอบครัวน้องเมยด้วย หลังจากศาลทหารชั้นฎีกา พิพากษาคดีที่รุ่นพี่สั่งธำรงวินัย ทำร้ายร่างกายน้องเมยขณะเป็นนักเรียนเตรียมทหาร เมื่อปี 2560 จนร่างกายบอบช้ำ และเสียชีวิตในที่สุด
รุ่นพี่คนนี้เลือกเหล่าตำรวจ ซึ่งขณะนี้มียศร้อยตำรวจโท หากน้องเมยยังมีชีวิตอยู่ก็คงเลือกเรียนทหารบก และขณะนี้ก็จะมียศร้อยโทเช่นกัน
คดีทำร้ายร่างกายน้องเมยจนเสียชีวิตในโรงเรียนเตรียมทหาร สู้กันในศาลทหาร จนวันนี้ศาลฎีกามีคำพิพากษาถือเป็นที่สิ้นสุด ลงโทษอาญา จำคุก 4 เดือน ปรับ 15,000 บาท โทษอาญาให้รอลงอาญา 2 ปี
พ่อของน้องเมยฝากคำถามไปถึงผบ.ตร.ว่า “จะปล่อยคนมีคดีแบบนี้ อยู่เป็นตำรวจต่อไปได้อีกหรือ? หรือเพราะครอบครัว ตัญกาญจน์ ไม่ใช่คนนามสกุลใหญ่โตอะไร เหมือนคนอื่นเขา”
ศาลทหารมีความเห็นว่า ด้วยอายุจำเลยและจำเลยไม่เคยรับโทษ การจะลงโทษจำเลยไป ก็ไม่เป็นประโยชน์ ให้โอกาสจำเลยได้ปรับปรุงตัว เพื่อได้รับราชการรับใช้ชาติต่อไป จะเป็นประโยชน์กว่า
ความจริงคือ ถ้าน้องเมยไม่เสียชีวิตจากการถูกรุ่นพี่ธำรงวินัย น้องเมยก็คงจะเรียนจบ ติดยศทหารบก ได้รับราชการรับใช้ชาติเช่นกัน
สรุป : ท่ามกลางเสียงเงียบงันเพราะ “เคารพคำพิพากษา” ดูเหมือนว่า มีเสียงสะอื้นดังกึกก้องกังวานอยู่ !!
จิตกร บุษบา
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี