พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.) เตรียมนัดศบ.ทก.ประชุมในวันนี้ (20 ก.ค.2568) เวลา 14.00 น. กำหนดแนวทางการดำเนินการ กรณีกำลังพลจากหน่วยร้อย ร.6021 ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบกและประสบเหตุเหยียบกับระเบิด ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ซึ่งจากหลักฐานพบว่าเป็นการวางกับระเบิดใหม่นั้น
เบื้องต้น พล.อ.ณัฐพล ได้สั่งการกองทัพภาคที่ 2 เก็บข้อมูลหลักฐานทั้งหมด พร้อมให้แถลงข่าว และรายงานผล เป็นลายลักษณ์อักษรมาให้ทราบ เนื่องจากต้องเก็บทุกอย่างเป็นหลักฐานเพื่อส่งให้กระทรวงการต่างประเทศต่อไป
โดยในวันนี้ จะมีกระทรวงการต่างประเทศเข้ามาร่วมประชุม ศบ.ทก.ด้วย เพื่อให้คำแนะนำว่าขั้นตอนต่อไปในการดำเนินการ ควรจะทำอย่างไร รวมถึงตรวจสอบข้อมูลหลักฐาน ของแต่ละฝ่ายว่าตรงกันหรือไม่ เมื่อได้ข้อสรุปแล้ว จะแถลงเป็นทางการ ในการประชุมศบ.ทก. 21 ก.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แนวทางปฏิบัตินำข้อมูลและหลักฐานฟ้องยูเอ็นกัมพูชาละเมิดอนุสัญญาออตตาวา และหากกัมพูชาปฏิเสธ ก็ต้องหาหลักฐาน มาหักล้าง ข้อมูลของฝ่ายไทย ในขณะเดียวกัน ทางการไทยจะส่งทหารช่าง เข้าไปเก็บกู้วัตถุระเบิด ในพื้นที่อธิปไตยของไทยที่ช่องบก
“ปัจจุบัน ศบ.ทก.อยู่ระหว่างให้กองทัพ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวบรวมข้อมูลหลักฐาน ซึ่งต้องอาศัยความรัดกุม รอบคอบ รวมถึงศึกษาขั้นตอนการดำเนินการ ให้ละเอียด อยากให้ประชาชนใจเย็นเนื่องจากหน่วยงานราชการออกข้อมูลอะไรมา ต้องอาศัยหลักฐานที่ชัดเจน ถูกต้อง” แหล่งข่าวความมั่นคง ระบุ
1) ก่อนหน้านี้ สื่อมวลชนกัมพูชา รายงานข่าวเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบกับระเบิดที่บริเวณชายแดนช่องบก บาดเจ็บ 3 นาย ว่า การวางทุ่นระเบิดเป็นฝีมือของฝ่ายไทย เพราะทางการไทยยืนยันว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตแดนของประเทศไทย ขณะที่โซเชียลเขมรเยาะเย้ยว่าทหารไทยวางไว้เองแล้วจำไม่ได้
พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ยืนยันว่า ประเทศไทยไม่ได้มีการวางระเบิดทุ่นระเบิด เพราะเรายึดสนธิสัญญาออตตาวา และไทยเราไม่มีทุ่นระเบิดแบบ PMN-2 ที่ผลิตในรัสเซีย อยู่ในกองทัพ และไม่เคยมีการจัดหาระเบิดชนิดนี้ให้กองทัพ แต่ที่ผ่านมา ทหารกัมพูชาล้ำแดนไทย เข้ามาอยู่ในเขตปฏิบัติการของไทยบ่อยครั้งอยู่แล้ว และการวางกับระเบิดคือลอบเข้ามาวาง และกลับออกไป ไม่มีใครวาง แล้วมายืนเฝ้าหรอก
2) มีรายงานเพิ่มเติมจากหน่วยงานความมั่นคงว่า ตั้งแต่วันที่28 พ.ค. 2568 ที่เกิดเหตุปะทะระหว่างทหารไทย-ทหารกัมพูชาที่บริเวณช่องบกหรือสามเหลี่ยมมรกตแล้ว ในเดือนถัดมา วันที่ 1 มิ.ย. 2568 ทหารกัมพูชาได้เริ่มติดตั้งสนามทุ่นระเบิดในพื้นที่ ก่อนที่วันที่ 8 มิ.ย.จะมีการเจรจาให้ทหารกัมพูชายอมถอนกำลังออกไป และกลบคูเรตที่รุกล้ำดินแดนไทย ในช่วงนั้นมีการแจ้งเตือนในหมู่ทหารไทยแล้วว่า ให้ระมัดระวังเรื่องการวางทุ่นระเบิดของทหารกัมพูชา
ต่อมา จากการตรวจสอบพบว่าช่วงวันที่ 1-3 ก.ค.2568 ทหารกัมพูชาได้ติดตั้งสนามทุ่นระเบิดจำนวน 335 ลูก คือ วันที่ 8 ก.ค. ทหารกัมพูชาได้รับทุ่นระเบิดจำนวน 106 ลูก, วันที่ 10 ก.ค. ทหารกัมพูชาติดตั้งทุ่นระเบิดที่บริเวณเนินโนเนม 120 ลูก, วันที่ 15 ก.ค. ทหารชุด ช. ร้อย.ร. 6021 ตรวจพบทุ่นระเบิด PMN-2 จำนวน 4 ลูกใกล้ช่องบก, วันที่ 16 ก.ค. 2568 ทหารไทย 3 นายได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบทุ่นระเบิด PMM จุดตรวจพบทุ่นระเบิดใหม่ PMN (จากข้อมูล 15 ก.ค. 2568) ทั้งนี้ ถือว่าฝ่ายกัมพูชาละเมิดสนธิสัญญาออตตาวา หรืออนุสัญญาว่าด้วยการห้ามใช้สะสม ผลิต และโอน และการทำลายทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ค.ศ. 1997 และละเมิด MOU 2543
3) กองทัพภาคที่ 2 ได้ส่งหมวดก่อสร้างทั่วไปที่ 2 กองพันทหารช่างที่ 202 กรมทหารช่างที่ 2 ฉก.1 ช่องบก (ช.2 พัน.202) อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ในส่วนชุดปฏิบัติงานก่อสร้างเส้นทางยุทธวิธี ได้ออกเคลียร์พื้นที่ เพื่อที่จะสร้างเส้นทางลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก ตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2568 ได้ตรวจพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ชนิดต่างๆ ตั้งแต่
วันที่ตรวจพบ 10 มิ.ย. 2568 ตรวจพบกระสุน ค.60 มม. และทุ่นระเบิดสังหารบุคคล POMZ
วันที่ตรวจพบ 12 มิ.ย. 2568 ตรวจพบ ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล M 14 ตรวจ(ตรงข้ามฐานฤาชา)
วันที่ตรวจพบ 19 มิ.ย. 2568 ตรวจพบกระสุน ค.60 มม. และกระสุน ค.60 มม. และ ระเบิดสังหารบุคคล M 16
วันที่ตรวจพบ 20 มิ.ย. 2568 ตรวจพบ กระสุน RPG
วันที่ตรวจพบ 25 มิ.ย. 2568 ตรวจพบ ลูกระเบิด M203
วันที่ตรวจพบ 8 ก.ค. 2568 ตรวจพบ แป้นกดระเบิด
ดักรถถัง TM 57
วันที่ตรวจพบ 8 ก.ค. 2568 ตรวจพบ แป้นจุดฉนวน TM 57
วันที่ตรวจพบ 8 ก.ค. 2568 ตรวจพบ กระสุน ค.60 มม.
วันที่ตรวจพบ 15 ก.ค. 2568 ตรวจพบระเบิดสังหารบุคคล POMZ
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ในแผนที่จะเป็นพื้นที่สีเขียว (พื้นที่เคลียร์แล้ว) แต่กองทัพภาคที่ 2 ก็ยังไม่ทิ้งข้อมูลว่ามีวัตถุระเบิดเก่าของเขมรแดง ฝังอยู่เพราะเป็นพื้นที่สู้รบเดิม แต่มีความเป็นไปได้เช่นกันจะมีระเบิดที่ฝังใหม่ ต้องรอพิสูจน์ทราบ
4) พลตรี ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Mammoth S Nutt แสดงความเห็นต่อเรื่องดังกล่าว ว่า จากประสบการณ์ของผม…
1. เมื่อ 21 ก.ค. 2552 เวลา 16.30 น. ทหารกัมพูชานำกำลังประมาณ 50 นายรุกขึ้นยึดเขาสัตตะโสม อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ผมใช้กำลังเข้าผลักดันลงได้ทั้งหมดเวลาประมาณ 23.00 น. แต่ยังคงวางกำลังควบคุมพื้นที่ไว้ยังไม่เข้าเคลียร์ รุ่งเช้าได้ใช้ชุดตรวจค้นทุ่นระเบิดเข้าเคลียร์จนถึงจุดที่ทหารกัมพูชาปีนหน้าผาขึ้นมา พบกับระเบิดทั้งเก่าและใหม่จำนวนมาก น้องพลทหารคนหนึ่งเหยียบกับระเบิดเก่าทำงานไม่เต็มที่ เกิดระเบิดแต่แรงระเบิดแค่ทำให้ส้นรองเท้าคอมแบทสึกไม่ถึงเนื้อ…น้องแขวนหลวงปู่เจียมเลยปลอดภัย
2. เมื่อ มิ.ย.2554 หลังเจรจาหยุดยิง กำลังพลเดินลาดตระเวนตามเส้นทางเดิมในพื้นที่ช่องกร่าง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ตรวจพบทุ่นระเบิดใหม่ที่ฝ่ายกัมพูชาลักลอบเข้ามาวางเพื่อจำกัดการเดินลาดตระเวนของฝ่ายเรา ผมแจ้งฝ่ายกัมพูชาเขาอ้างว่าเป็นกับระเบิดเก่า ผมจึงชวน ผบ.หน่วยเขามาเดินลาดตระเวนเพื่อไปตรวจสอบด้วยกันให้เห็นกับตา จนต้องยอมรับว่าเป็นกับระเบิดใหม่ ผมบังคับให้เขาเก็บกู้ออกให้หมดและไม่ให้ทำเช่นนี้อีก ไม่เช่นนั้นจะเจอตาต่อตาฟันต่อฟัน
3. เมื่อ 9 ต.ค.2554 ผมนำกำลังเข้าผลักดันทหารกัมพูชาพื้นที่ปราสาทคะนา อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ผมกับลูกน้องอีกคนลุยฝ่ากับระเบิดที่ทหารกัมพูชาวางไว้ป้องกันการโจมตีของฝ่ายเรา หลังผลักดันเสร็จได้นำชุดตรวจค้นทุ่นระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่พบกับระเบิดจำนวน 42 ลูก เป็นกับระเบิดใหม่ทั้งหมด
บทเรียน พื้นที่ที่กัมพูชาจะวางกับระเบิด และเราต้องระวัง
1. พื้นที่ที่เขาถอนกำลังออก
2. เส้นทางลาดตระเวนเดิมที่เขาไม่อยากให้เราใช้
3. เส้นทางลาดตระเวนใหม่อนุสัญญาออตตาวา หรือข้อตกลงต่างๆ เขาพร้อมละเมิด หากได้เปรียบในสนามรบ
5) ล่าสุด วันที่ 19 กรกฎาคม 2568 สำนักงานปฏิบัติการทุ่นระเบิดและช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากทุ่นระเบิดแห่งชาติกัมพูชา ออกแถลงการณ์ว่า
1. สํานักงานทุ่นระเบิดขอปฏิเสธและปัดตกทั้งหมดต่อเนื้อหาข่าวที่เผยแพร่โดยมีเจตนากล่าวหาว่า กัมพูชาได้วางทุ่นระเบิดใหม่
2. กัมพูชา เป็นประเทศที่เคยได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากทุ่นระเบิดและวัตถุระเบิดตกค้าง จากสงคราม ด้วยเหตุนี้กัมพูชาจึงขอประณามและคัดค้านอย่างเด็ดขาดต่อการใช้ การผลิต และการเก็บรักษาทุ่นระเบิด และขอแสดงความเสียใจต่อโศกนาฏกรรมที่เกิดจากทุ่นระเบิดและวัตถุระเบิด จากสงคราม ไม่ว่าจะเกิดขึ้นที่ใด หรือกับเชื้อชาติใดก็ตาม
3. กัมพูชา ภายใต้การบริหารที่มีวิสัยทัศน์ของ สมเด็จเดโช ฮุนเซน อดีตนายกรัฐมนตรี และ บิดาแห่งสันติภาพสําหรับชนชาติเขมรทั้งมวล และ สมเด็จธิบดี ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรี ได้ยึดมั่น สันติภาพ เป็นคุณค่าสูงสุด และมุ่งมั่นที่จะมีส่วนร่วมในการบรรลุวิสัยทัศน์ของโลกที่ปราศจากทุ่นระเบิด เพื่อให้มั่นใจว่าคนรุ่นหลังสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัยและมีศักดิ์ศรี รวมทั้ง ปราศจากการคุกคามจากทุ่นระเบิดและวัตถุระเบิดจากสงคราม
4. กัมพูชา เป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามการใช้ทุ่นระเบิดต่อบุคคล (อนุสัญญาออตตาวา) และได้ปฏิบัติตามพันธกรณีของตน รวมถึงบรรทัดฐานและเจตนารมณ์ของอนุสัญญาอย่างเคร่งครัด กัมพูชาได้รับการยอมรับและประเมินค่าสูงจากรัฐภาคีของอนุสัญญาออตตาวา ว่าเป็นหนึ่งในรัฐภาคี ที่มี
ความมุ่งมั่นสูงและประสบความสำเร็จในการกวาดล้างและทำลายทุ่นระเบิดต่อต้านบุคคลทุกชนิด ที่มีอยู่และที่ค้นพบนอกจากนี้ กัมพูชาได้ทําหน้าที่เป็นประธานและเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐภาคี ครั้งที่ 11 ของอนุสัญญาออตตาวา และการประชุมทบทวนครั้งที่ 5 ของอนุสัญญาออตตาวา ปี 2567 หรือการประชุมสุดยอดเสียมราฐ-นครวัด ว่าด้วยโลกที่ปราศจากทุ่นระเบิด ซึ่งการประชุม ทั้งสองครั้งประสบผลสําเร็จเป็นอย่างดี
5. เกี่ยวกับเหตการณ์ที่ทหารไทยได้รับบาดเจ็บจากทุ่นระเบิดนี้ กัมพูชายึดมั่นในความโปร่งใส ความรับผิดชอบสูง และการเคารพพันธกรณีระหว่างประเทศ ในบริบทนี้ กัมพูชาคาดหวังว่าในการสันนิษฐาน หรือ การกล่าวหาใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ จะต้องผ่านการตรวจสอบที่ชัดเจน มีหลักฐานเพียงพอมีความเป็นจริง หลีกเลี่ยงการคาดเดา หรือการกล่าวหาที่ไม่มีเหตุผลและไม่มีมูล ความจริงที่ชัดเจน กัมพูชายังคงยึดมันในหลักมนุษยธรรมและการเคารพซึ่งกันและกัน และขณะเดียวกัน กัมพูชายังคงปฏิบัติตามบันทึกความเข้าใจร่วมปี 2543 ในความร่วมมือตามแนวชายแดนกัมพูชา-ไทย และจะยังคงยึดมั่นในหลักการที่จะเปลี่ยนพื้นที่ชายแดนให้เป็นพื้นที่ที่มีสันติภาพ มิตรภาพ ความร่วมมือ
และการพัฒนา
6. สํานักงานทุ่นระเบิดขอปฏิเสธและปัดตกทั้งหมดต่อข้อกล่าวหาของสื่อไทยบางสํานัก และ ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่าย ที่เกี่ยวข้องหลีกเลี่ยงการสันนิษฐานหรือการกล่าวหาใดๆ โดยที่ยังไม่ทราบความจริง ผลักดันให้เกิดความร่วมมือในการตรวจสอบต่อเหตุการณ์นี้ และดํารงไว้ซึ่งเจตนารมณ์แห่งมิตรภาพ ความปลอดภัย และการไม่กล่าวหาซึ่งกันและกัน เพราะว่าศัตรูที่แท้จริงของเราทุกคนคือทุ่นระเบิด ตามที่แจ้งให้ทราบข้างต้น ขอให้สาธารณชน กรุณาทราบว่าเป็นข่าว
สรุป : กัมพูชาไม่ใช่เพื่อนบ้านที่น่ารัก ไม่ได้มุ่งหมายที่จะสร้างความสัมพันธ์อันดีกับราชอาณาจักรไทย และไม่ใช่วิธีการที่ซื่อตรง โปร่งใส การจะเดินหน้าเอาผิดกับกัมพูชาในเรื่องนี้ ต้องรวบรวมหลักฐานให้ได้แบบ “จับให้มั่น คั้นให้ตาย” และมุ่งสื่อสารให้สังคมโลกรับทราบด้วย ส่วนเวทีด้านกฎหมายหรือข้อตกลงใดๆ ก็ดำเนินการไป แต่สิ่งที่ฝ่ายไทยจะพลาดไม่ได้ก็คือ หลักฐานที่มัดจนกัมพูชาดิ้นไม่หลุด !!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี